">
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
">">">">
">">">">">">">">">">">">">">">">">">"> ___________________________________
ออกกำลังกาย
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายเพื่ออะไร
วัตถุประสงค์ของการออกกำลังกาย8
ที่ได้รวบรวมไว้ มี 4 ประการ ดังนี้
1. เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ
มีความแข็งแรง สามารถพัฒนาตัวของมันเองต่อไปให้เหมาะสม
สำหรับใช้ประโยชน์ในเวลาที่จำเป็น กล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ
จะแข็งแรงก็ต่อเมื่อได้ทำหน้าที่ของมันอยู่เสมอ ถ้าทิ้งไว้เฉยๆ ก็เหี่ยวลีบไป
ทั้งนี้เพราะส่วนต่างๆ ของร่างกายถูกสร้างให้พัฒนาตนเอง โดยการตอบสนองต่อภารกิจ
ดังเราจะเห็นว่า คนที่ถนัดขวา กล้ามเนื้อแขนขวาของเขามักจะโตกว่าแขนซ้าย
เนื่องจากแขนซ้ายไม่ค่อยได้ใช้งาน
2. เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อมีความทนทานสูง
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ ถ้าไม่เคยฝึกให้เต้นเร็ว เต้นแรง พอถึงคราวที่จำเป็นจะต้องเต้นเร็วก็ทนสภาวะนั้นไม่ไหว
จึงเหนื่อยมาก เป็นต้น
3. เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อ
มีความยืดหยุ่นตามปกติ
4. เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและข้อต่อ
เกิดความคล่องแคล่วและคล่องตัว
การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
จะส่งผลให้กล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างของร่างกาย
มีความแข็งแรง มีความทนทานสูง มีความยืดหยุ่น และมีความคล่องตัว
ย่อมส่งเสริมให้การรักษาภาวะสมดุลโครงสร้างของร่างกายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศ
ทุกวัย ในทรรศนะของคุณหมอถาวร เป็นเช่นไร
">
">
">
">">">
การออกกำลังเพื่อจะให้เกิดทั้งความแข็งแรง
ความทนทาน ความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และที่สำคัญคือ ความสมดุลนั้น
จะต้องทำอย่างไร
สิ่งที่ต้องคำนึงถึง ก็คือ
การเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของมนุษย์
มนุษย์เราที่รอดชีวิตสืบชาติพันธุ์กันมาถึงทุกวันนี้
มีการเคลื่อนไหวอะไรที่สำคัญที่สุด
การเคลื่อนไหวที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำกันบ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน ก็คือ การเดิน
และการวิ่ง
เพราะฉะนั้น การออกกำลังกายที่ดีที่สุด คือ
การเดินกับการวิ่ง จากเรื่องโครงสร้างของร่างกาย เราเข้าใจแล้วว่าร่างกายของเรา
มีกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และพังผืด ยืดโยงกันทั่วร่างกาย เวลาก้าวขาออกเดินหรือวิ่ง
ร่างกายก็เคลื่อนไหวพร้อมกันทั้งหมดทุกส่วน
ถ้าเราเดินหรือวิ่งโดยการรักษาท่าพื้นฐานไว้เสมอ การพัฒนากล้ามเนื้อทั้งร่างกาย
ก็จะเป็นไปอย่างสมดุลตามธรรมชาติ การเดินที่ดีจึงไม่ใช่การเดินทอดน่อง ไหล่ห่อ
คางยื่น แต่ต้องเดินโดยรักษาท่าพื้นฐานให้ได้ตลอดเวลา ก้าวเดินให้สม่ำเสมอ
ก้าวขาอย่างกระฉับกระเฉง ถ้าทำได้เช่นนี้ กล้ามเนื้อก็จะมีการพัฒนา
หัวใจได้ออกกำลัง อวัยวะต่างๆ ข้อต่างๆ ได้เคลื่อนไหวอย่างเต็มที่
การออกกำลังกายจะบรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
และได้ความสมดุลตามมาอีกด้วย
ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับการออกกำลังกาย คือ วันละประมาณครึ่งชั่วโมง
โดยทำอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งชั่วโมง ไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ ส่วนความถี่ในการออกกำลังกาย
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
ในชีวิตจริงของหลายๆ คน อาจแบ่งเวลาทำอย่างนั้นไม่ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ในแต่ละวัน เราสามารถออกกำลังกายควบคู่ไปกับกิจวัตรประจำวันได้
โดยการฝึกใช้การเคลื่อนไหวและการหายใจของเราที่มีอยู่ตลอดต่อเนื่องนั้น
เป็นการออกกำลังกายไปในตัว เช่น ในที่ทำงานก็เดินอย่างกระฉับกระเฉง ไม่แข็งเกร็ง
ไม่เฉื่อยชา หายใจลึกๆ และสม่ำเสมอ โดยไม่ให้เกิดเสียงดังจนตัวเองได้ยิน
เคลื่อนไหวอย่างมีสติด้วยท่าทางที่ถูกต้อง สมดุลตลอดเวลา
จะเดินทางไปไหนที่พอจะก้าวเดินไปได้ ก็ใช้เท้าเดินไป เป็นต้น หากทำได้เช่นนี้
ถือว่าเพียงพอสำหรับผู้ที่ไม่สามารถแบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกายโดยเฉพาะได้
อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆ
ก็ถือว่าดีทั้งนั้น แต่ต้องคำนึงถึงเรื่องการรักษาความสมดุลควบคู่ไปด้วย มิฉะนั้น
แทนที่จะเป็นคุณ อาจจะกลายเป็นโทษต่อร่างกาย
ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย
ต้องรักษาท่าพื้นฐานในการยืดกระดูกสันหลังอยู่เสมอเพื่อให้การไหลเวียนของเลือด
น้ำเหลือง และการส่งสัญญาณประสาทอยู่ในภาวะปกติ
ถ้าทำได้เช่นนี้การออกกำลังกายก็จะสามารถช่วยให้การพัฒนาส่วนต่างๆ
ของร่างกายดำเนินไปได้ตามปกติ เนื่องจากไม่มีการปิดกั้นการทำงานภายในร่างกายเกิดขึ้น
ร่างกายก็จะอยู่ในภาวะปกติตลอดเวลา
">8 วิ่ง..สู่วิถีชีวิตใหม่,
นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม, หน้า 86
จาก...หนังสือสุขภาพนักสร้างบารมี