อานุภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่จากประเทศฝรั่งเศส "ทะลุมิติ มาได้ไง"


[ 30 ธ.ค. 2549 ] - [ 18271 ] LINE it!

อานุภาพพระเดชพระคุณหลวงปู่จากประเทศฝรั่งเศส
 "ทะลุมิติ มาได้ไง"
 
    ลูกชื่อ สายหยุด ลัตท์ อายุ 41 ปี สามีของลูกชื่อ อัลเฟรด ลัตท์ สามีชาวฝรั่งเศส อายุ 40 ปี ลูกมาวัดพุทธสตราสบูร์กตั้งแต่ ปี46 จึงได้เข้าโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันทางไกล
 
    เวลานั่งสมาธิ แต่ก่อนนั่งได้ 15-20 นาทีก็ปวดขาแล้ว แต่ตั้งแต่วันครูธรรมกายปีนี้ ลูกเริ่มนั่งได้นานขึ้น พอวางใจสบายๆ ไม่คิดอะไรสักพัก ก็จะรู้สึกตัวเบาลอย เหมือนไม่มีแขน ไม่มีขา มีความสุข โล่งโปร่งอย่างบอกไม่ถูก
 
    วันหนึ่งลูกนั่งแบบอยากเห็น แต่อยากเท่าไรก็ไม่เห็น  พอได้ยินเสียงพระอาจารย์บอกว่า ให้ทำใจสบายๆ ไม่คิดอะไร ลูกจึงเปลี่ยนวิธี นั่งเฉยๆ เอาสบาย ไม่คิดอะไร  แล้วก็นึกถึงคำสอนของหลวงพ่อที่บอกให้นึกจุดตัดเท่ากับปลายเข็มตรงกลางท้อง วางใจตรงนั้น ผ่านไปสักพัก ลูกก็เห็นแสงสีขาวเย็นๆ ขึ้นมาจากกลางกาย แล้วก็เห็นดวงขาวใส ผุดซ้อนขึ้นมา จากดวงเล็กๆ ก็ซูมเข้ามาใหญ่ขึ้นเท่าตัว แล้วก็มีดวงใหม่เกิดขึ้นมา เป็นอย่างนี้จนออกจากสมาธิ น้ำตาของลูกไหลออกมา โอ...นี่เราเห็นแค่ดวง ก็สุขมากขนาดนี้แล้วหรือนี่
 
    ลูกสอน อัลเฟรดให้นั่งสมาธิด้วย เขาเห็นใบหน้าของพระเดชพระคุณหลวงปู่ที่กลางท้อง เขามีความสุข เบา สบาย ตลอดเลยค่ะ
 
    ลูกรักพระเดชพระคุณหลวงปู่มาก เห่อหลวงปู่สุดๆ หนังสือเล่มไหนมีรูปท่าน ก็จะรีบตัดมาใส่กรอบมาไว้ที่สูงๆในบ้าน จะนั่งนอนยืนเดิน หายใจเข้าออก ก็จะเห็นภาพหลวงปู่ติดตา ที่บ้านของลูกก็มีรูปท่าน ในรถก็มี ตัวเองก็ห้อยพระหลวงปู่ ขนาดนอนก็ยังฝันเห็นหลวงปู่  ลูกมีอานุภาพหลวงปู่ที่พบกับตัวเอง ซึ่งทั้งอึ้ง ทึ่ง มหัศจรรย์ มาเล่าให้ฟังค่ะ... 

    ในวันจันทร์ (คริสต์มาส) ที่ 25 ธ.ค. 49 เพื่อนกัลยาณมิตรของลูกคนหนึ่งซึ่งอยู่เยอรมัน ได้นิมนต์พระอาจารย์ไปทำบุญที่บ้าน ลูกและสามีจึงได้ขับรถข้ามประเทศไปร่วมด้วย ปกติก่อนขับรถลูกจะอาราธนาหลวงปู่ให้คุ้มครอง และพอถึงจุดหมายก็จะไหว้ขอบพระคุณหลวงปู่ที่คุ้มครอง วันนั้นทั้งลูกและสามี มีเหรียญหลวงปู่ติดตัวคนละเหรียญ 
 
    ขากลับเป็นเวลากลางคืน ลูกก็เป็นผู้ขับรถกลับฝรั่งเศส โดย อัลเฟรด นั่งข้างๆ ซึ่งเส้นทางนี้เป็นถนนของเยอรมัน ลูกไม่คุ้นเคย แถมเป็นภูเขา ต้องขึ้นลงตลอด ตอนนั้นดวงตะวันก็ตกดินไปแล้ว ที่สำคัญหมอกลงจัดมาก ทำให้มองเห็นทางข้างหน้าเพียงแค่ 20 เมตร ลูกจึงต้องให้สามีคอยมองป้ายบอกทางที่เลี้ยวไปฝรั่งเศส  ตอนนั้นลูกขับที่ 110 กม/ช.ม ซึ่งถูกตามกฏทุกประการ  โดยลูกขับเลนขวาสุด (ซึ่งเป็นเลนที่ช้าที่สุด) ลูกหันไปทางขวามือ เห็นเป็นเหวตลอดทาง  จนลูกวิ่งมาถึงป้ายบอกว่าจะมีทางแยกเลี้ยวเข้าฝรั่งเศสอีก 1 กิโลเมตร ลูกก็เริ่มจับเวลาเตรียมหาทางแยกนั้น แปลกมากค่ะ ลูกขับเลยจากป้ายนั้นประมาณ 15-20 นาทีก็แล้ว จึงเริ่มสังหรณ์ใจ จังหวะนั้นเอง ลูกก็ต้องตกใจมาก เพราะในระยะ 20 เมตรที่เห็นข้างหน้า เป็นกำแพงกั้นขนาดใหญ่กั้นด้านหน้า เสี้ยววินาทีที่ต้องตัดสินใจ ระหว่างจะพุ่งชนกำแพง หรือจะหักหลบขวา เพื่อลงเหว ตอนนั้นลูกตัดสินใจหักพวงมาลัยหลบขวา เพราะกลัวกำแพง
 
    ตอนนั้นอัลเฟรด ร้องเสียงหลงดังลั่น ลูกก็ตกใจก็ร้องกรี๊ดตามไปด้วย ความรู้สึกมันเหมือนเรา Shock ไปเลย คิดว่าเราตายแน่ๆ แล้วความรู้สึกของลูกก็กลับมาอีกครั้ง เมื่อลูกได้ยินเสียงอัลเฟรดค่ะ อัลเฟรด พูดออกมาเป็นภาษาไทย ว่า “ขอบคุณครับหลวงปู่ ขอบคุณที่ช่วยผมครับ ขอบคุณมากๆครับ” พร้อมกับพนมมือท่วมหัว ส่วนตัวลูกกำลังหาย Shock มือไม้ยังสั่นอยู่ งงว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน เรารอดตายจริงๆหรือนี่

    สักครู่ลูกก็ได้ยินเสียงแตรรถด้านหลัง กำลังบีบแตรไล่ดังลั่น ลูกถึงเห็นว่ารถของลูกกำลังหยุดนิ่งอยู่บนถนนสายหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าสู่ฝรั่งเศส  แถมอยู่ใน Lane ที่ถูกต้อง พอลูกตั้งสติได้ก็ค่อยๆ เอามือสั่นๆ ใส่เกียร์ประคองรถ วิ่งต่อได้โดยรถไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน    
 
    ความรู้สึกตอนนั้น สุดจะบรรยายเลยค่ะ เหมือนมีใครมา ยกรถเรามา แถมเอามาวางไว้ตรงทางแยกกลับฝรั่งเศสพอดิบพอดี ทั้งที่เราขับเลยมาไกลมากแล้ว เรางงคันเดียวไม่พอ รถที่บีบแตรไล่เราก็งงด้วย เพราะเขาก็ขับของเขามาดีๆ แล้วทำไมอยู่ๆรถของลูกก็มาจอดอยู่ข้างหน้าเขา บางคันก็ขับมาใกล้ๆลูก แล้วเปิดกระจกส่องมาดูลูกด้วย ตอนนั้นทั้งลูกและ อัลเฟรด ต่างคนต่างไม่พูดอะไร อยู่ภาวะ After shock นั่งตะลึงกันมาตลอดทางจนถึงบ้านโดยปลอดภัย  
 
    อีก 3 วัน ถัดมา เมื่อวันพฤหัส 28 ธ.ค. 49 ลูกก็ขับรถเก๋งคันเดิม ไปวัดพุทธสตราสบูรส์ มีอัลเฟรดเป็นคนนั่ง โดยลูกวิ่งอยู่เลนขวาสุด วิ่ง 110 กม/ชม เท่าเดิม พอถึงจุดเกิดเหตุ นาทีระทึกใจก็มาถึง เพราะลูกเห็นมาแต่ไกลว่ามีรถบรรทุก ซึ่งมีขนาดใหญ่ และยาวขนาดรถบรรทุกเมืองไทย 3 คันต่อกัน เป็นรถพ่วง คนขับจอดทำธุระอยู่ตรงไหล่ทางด้านขวา ตอนนั้นลูกคิดว่าเรามาทางเอก มั่นใจว่าอย่างไรก็ไม่เป็นไร แต่นั่นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ลูกคิด เพราะคนขับรถบรรทุกเขาก็มั่นใจของเขาว่า ลูกเป็นรถเก๋งคงจะหยุดให้เค้า
 
    คนขับรถบรรทุกตัดสินใจเปิดไฟขอทางแล้วหักหัว ออกตัวมาจากไหล่ทางขึ้นมาบน Lane ของลูกทันที ลูกตกใจมาก เพราะ รถ Lane หนึ่งจะมีความกว้างพอเหมาะกับรถเพียง 1 คันเท่านั้น ถ้าลูกเบี่ยงไปทางซ้ายก็จะชนกับรถที่จะวิ่งขนานมา  ถ้าเบรก รถต้องตีลังกาหรือถูกคันหลังซึ่งกำลังตามมาชน ลูกจึงตัดสินใจขับตรงอย่างเดียวไปเลย ไม่หักไม่ทำอะไรทั้งสิ้น  ตอนนั้นรถบรรทุกนั้นขึ้นมาครึ่ง Lane แล้ว รถของลูกฝั่งอัลเฟรด (คนนั่ง) จึงต้องเป็นจุดที่รถบรรทุกพุ่งเข้าปะทะแน่ๆ
 
    เราทั้ง 2 Shock จนหยุดหายใจ คิดว่าตูมแน่ อยู่ๆแทนที่จะได้ยินเสียงตูม ลูกกลับได้ยินเสียงเป่าปากของอัลเฟรด พร้อมเสียงถอนหายใจ แล้วอัลเฟรดก็ตะโกนว่า “เราข้ามมาแล้วๆ” ลูกก็ “อ้าว เรารอดมาได้ไง เราข้ามมาได้ไง” รถไม่เป็นอะไรเลยค่ะ เหมือนกับข้ามไปอีกมิติ  รถบรรทุกนั้นยังเปิดไฟกะพริบตามหลังรถลูกที่ทะลุมา ซึ่งลูกก็ไม่รู้ว่าเค้าเป็นห่วง ถามว่า “ทะลุไปได้ไง” หรือด่าตามหลังกันแน่  
 
    อัลเฟรด มองไปที่รูปหลวงปู่ แล้วยกมือไหว้ท่วมหัวบอกว่า “หลวงปู่ช่วยเราอีกแล้ว ต่อไปผมจะไม่หยุดทำความดี สิ่งไหนเป็นความดี จะทำเพื่อหลวงปู่” ลูกก็นึกถึงหลวงปู่ทันทีบอกว่า “ขอบคุณค่ะหลวงปู่” ลูกขอบคุณอย่างสุดหัวใจ สิ่งนี้ถ้าไม่เจอกับตัวก็ยากที่จะเชื่อ หลวงปู่ติดตามคุ้มครองเราไปทุกที่ ลูกจะไม่ท้อถอยในการสร้างบารมี และทำหน้าที่กัลยาณมิตรอย่างเต็มที่ตลอดไปเจ้าค่ะ
 
    ปกติเวลาอัลเฟรดไปวัด เขาจะไปนั่งสมาธิบนเก้าอี้ แต่ตอนนี้เขาลงมานั่งสมาธิเหมือนสาธุชนคนไทยเลยค่ะ ตอนนี้ลูกกับอัลเฟรด มาอยู่ธุดงค์ปีใหม่ที่ศูนย์ด้วยค่ะ และวันที่ 1 มกราคมนี้ เราก็จะทำบุญเสามงคลต้นแรกกันค่ะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
หนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกหนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก

Peaceful world & Peaceful countryPeaceful world & Peaceful country

ชีวิตสมณะของพระปิยรัตนะชีวิตสมณะของพระปิยรัตนะ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ