คำชะโนด ตำนานพญานาค บั้งไฟพญานาค พุ่งขึ้นท้องฟ้า ราว 117 ลูก


[ 12 ต.ค. 2554 ] - [ 18291 ] LINE it!

คำชะโนด

ตำนานป่าคำชะโนด

 
 
        บั้งไฟพญานาค พุ่งขึ้นท้องฟ้า ราว 117 ลูก ที่ อ.โพนพิสัย และ อ. อ.รัตนวาปี จ. หนองคาย สร้างความประทับใจให้กับประชาชนที่มาเผ้ารอเต็มแน่นริมแม่น้ำโขง

        บรรยากาศการติดตามชมบั้งไฟพญานาค ตั้งแต่ในช่วงค่ำมีประชาชนและนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางเฝ้ารอชมบั้งไฟพญานาคตามจุดต่าง ๆ ตลอดลำน้ำโขง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค มีประชาชนเข้ามาจับจองพื้นที่จนยิ่งดึก คนยิ่งแน่นริมแม่น้ำโขง หลังเริ่มมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคพุ่งขึ้นท้องฟ้าจำนวนถี่มากขึ้น ทำให้ประชาชนที่ต่างมาเฝ้ารอ ยกมือไหว้ กล่าวว่า สาธุ และปรบมือโห่ร้องด้วยความดีใจ ที่ปีนี้ บั้งไฟพญานาค เกิดขึ้นจำนวนมากและชัดเจนแทบทุกลูกเมื่อเห็นบั้งไฟพญานาคปรากฏขึ้นกลางแม่น้ำโขง

        โดยปีนี้เกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคจุดแรกที่บ้านหนองแก้ว ต.กุดบง อ.โพนพิสัย 2 ลูก ต่อมาที่บ้านปากสวย ต.วัดหลวง 1 ลูก บ้านท่าม่วงและบ้านน้ำเซ ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี 5 ลูก ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับประชาชนที่รอชมเป็นอย่างมาก โดยชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าปีนี้ปริมาณน้ำมากกว่าปีที่ผ่านมาคาดว่าจะทำให้เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคจำนวนมากด้วยเช่นกัน จึงมีประชาชนหลายคนปักหลักเฝ้ารอชมปรากฏการณ์ ที่หนองคายจนถึงขณะนี้ พบบั้งไฟพญานาคขึ้นตลอดลำน้ำโขง 117 ลูก โดยพบขึ้นมากที่สุด ในอำเภอรัตนวาปี ที่บ้านน้ำเซ บ้านตาลชุมและบ้านท่าม่วง
 
 
หนองคายกางเต็นท์รับคนชม บั้งไฟพญานาค
 
 
 
        เจ้าหน้าที่ จ. หนองคายกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่มีที่พักแห่ไปชมบั้งไฟพญานาคช่วงเทศกาลออกพรรษา
 
          นายะวัชชัย กงเพชร ผู้บังคับกองร้อยอส.จังหวัดหนองคาย ได้นำเจ้าหน้าที่อส.กางเต็นท์ที่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดหนองคายจำนวน 30 เต็นท์ พร้อมเสื่อและหมอนไว้บริการนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวงานเทศกาลออกพรรษาและชมบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคายในวันที่ 12 ต.ค.นี้
 
          ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลออกพรรษาทุกปีจะมีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น จะมีนักท่องเที่ยวมากกว่าทุกวัน ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เดินทางมาเข้ามาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค จำนวนหลายแสนคนทำให้โรงแรมและที่พักมีไม่เพียงพอ ที่จะรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากดังกล่าว
 
          อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการนอนเต็นท์ ก็สามารถนอนที่เรือนนอนที่กองร้อย อส.จ.หนองคาย ได้ ที่เรือนนอนสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้อีกประมาณ 100 คน ทั้งบริเวณหน้าสนามหน้าศาลากลางจังหวัด และสนามกองร้อย อส.จ.หนองคาย สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก
 

ป่าคำชะโนด

                                        ป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค พญานาคคำชะโนด

                                        ตำนานลึกลับ ป่าคำชะโนด วังนาคินทร์ พญานาค

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
        ป่าคำชะโนดดินแดนแห่งนี้คือป่าที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ป่าลี้ลับ ป่าอาถรรพ์ ที่น่ากลัว และคือป่าที่มีตำนานมากมาย เพราะชาวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนมาก กับชาวลาวประเทศเพื่อนบ้านเราให้ความนับถือป่าคำชะโนดเป็นอย่างมาก เพราะเชื่อกันว่าเป็นที่ตั้งของเมืองนาคินทร์ และวังพญานาค ต้นตำนานแม่น้ำโขง ป่าคำชะโนดเป็นป่าที่มีความน่าสนใจที่โลกต้องทึ่ง เพราะดินแดนแห่งนี้มีไม่กี่ที่ทั่วโลก กับต้นคำชะโนดที่มีอายุนับหลายร้อยปีและไม่มีใครที่จะสามารถนำไปปลูกได้แต่ถ้านำไปปลูกที่บ้านก็จะพบเจอแต่ความโชคร้ายมาสู่ครอบครัวและจะต้องนำต้นคำชะโนดกับมาที่เดิม และมีอยู่ที่เดียว ณ ป่าคำชะโนด
 
           ไขปริศนาป่าคำชะโนดกับความเชื่อนับพันปีกับการติดต่อระหว่างเมืองบาดาลและโลกมนุษย์วังนาคินทร์ ป่าคำชะโนด บนพื้นที่ราว 20 ไร่ ณ ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี คือ ที่ตั้งของ ป่าคำชะโนด ที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากบริเวณนั้นมีต้นชะโนด ป่าคำชะโนดเป็นดินแดนที่หลายชั่วอายุคนเชื่อกันว่าเป็นที่ติดต่อระหว่างเมืองมนุษย์และเมืองบาดาลที่มีพญานาคชือว่า พญาศรีสุทโธ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เปี่ยมไปด้วยปาฎิหาริย์มากมาย ป่าคำชะโนดดินแดนแห่งนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวชะโนดสูงเด่นเป็นสง่า ปี 2520 เป็นครั้งแรกที่ชาวบ้านได้ทำการสำรวจจำนวนต้นชะโนดในป่าคำชะโนดแห่งนี้ มีอยู่ราว 2,000 กว่าต้น จนมาถึงปี 2544 ชาวบ้านสำรวจอีกครั้งพบว่าต้นชะโนดลดลงเหลือเพียง 1,865 ต้น แต่ที่นี่ยังคงความเย็นชื้นและให้บรรยากาศวังเวงเหมือนเดิม แต่ที่น่าแปลกใจคือ หากพ้นจากดงชะโนดแห่งนี้ไป ห่างกันแค่ไม่ถึง 300 เมตร ก็ไม่มีต้นชะโนดปรากฏให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว นี่เองจึงทำให้ผืนดินราว 20 ไร่ ถูกตั้งฉายาให้เป็นป่าคำชะโนดขนานแท้ 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
           "เคยมีคนคิดเอาที่จะเอาต้นชะโนดไปปลูกที่อื่น แต่ก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไรไม่นานก็ต้องเอากลับมาคืนที่ป่าคำชะโนดที่เดิม เนื่องจากมีชีวิตการงานไม่ก้าวหน้าเลย อีกทั้งชีวิตครอบครัวมีแต่ความเดือดร้อน เพียงแค่เอาเมล็ดไปเท่านั้น หรือส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น อาจจะเป็นใบแห้งแล้วที่มันไม่ดีแล้วก็ว่าได้ ออกจากดินแดนแห่งนี้ไปเท่านั้น สุดท้ายต้องเอามาคืนกันหมดก็ไม่รู้เพราะว่าสาเหตุมาจากอะไร" ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆ กับป่าคำชะโนด กล่าว
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
          อย่างไรก็ตามป่าคำชะโนดผืนป่าแห่งนี้กลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อชั่วข้ามคืน เพราะเรื่องเล่า "ผีจ้างหนังที่ป่าคำชะโนด" (คนอีสานเรียก ผีบังบด หรือเมืองลับแล ไม่สามารถมองเห็นได้ทั่วไป นอกเสียจากว่าจะมีอะไรดลใจให้เห็น) …. โดยเมื่อปี พ.ศ.2532 ธงชัย แสงชัย เจ้าของบริษัทหนังเร่ดังกล่าว ได้เล่าว่า รายการฉายหนังแต่ละครังในหมู่บ้านเนี่ยจะมีแม่ค้าขายของและก็มีคนดูเดินไปเดินมา แต่วันนั้นเด็กบอกว่าข้างหนึ่งเป็นผู้ชายใส่เสื้อคอจีน อีกข้างหนึ่งเป็นผู้หญิงนุ่งขาวห่มขาวลักษณะไม่เคลื่อนไหว ฉายหนังบู๊หรือหนังตลกก็ไม่หัวเราะ 

คลิปป่าคำชะโนด ตำนานพญานาควังนาคินทร์ตอนที่1

 
 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
           หลังจากที่วางเงินมัดจำเสร็จ เจ้าของหนังก็จัดแจงเตรียมของอุปกรณ์สัมภาระ ฟิล์มหนังที่จะนำไปฉายที่ป่าคำชะโนด ไปกับลูกน้องอีก 4 รวมเป็น 5 คน โดยขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อมีหลังคา ออกจากตัวจังหวัดบ่ายแก่ ๆ ขับรถเข้าไปแถวป่าคำชะโนดก็เริ่มมืด ยิ่งขับไปทางเส้นทางตามที่ผู้ว่าจ้างบอกก็ไม่เห็นว่าจะเจอหมู่บ้านหรือคนที่จะมารับ จึงนึกว่าหลงกัน ระหว่างจอดรถว่าจะย้อนกลับไปดีหรือไม่ ก็มีผู้หญิง 2 คนใส่ชุดดำมาร้องเรียกว่าจะนำไปที่วัด คนขับที่เป็นเจ้าของหนังก็รับขึ้นรถ แต่แกก็สงสัยว่า 2 คนนี้โผล่มาจากไหนในที่มืดๆ อย่างนี้ พาหนะอะไรก็ไม่มี 
 
           เมื่อขับเข้าไปในหมู่บ้านก็ยิ่งให้ชวนสงสัยใหญ่ว่า ทำไมไม่มีเสียงลำโพงออกมาจากงานวัด ไม่มีเสียง หมอลำ หรือการละเล่นอะไรเลย พอไปถึงหมู่บ้านก็มีคนมารับ แต่แปลกว่าทุกคนจะใส่เสื้อสีขาวกับดำ ถ้าเป็นผู้ชายใส่ชุดขาว ผู้หญิงใส่ชุดดำแยกให้เห็นชัดเจนแม้แต่เด็ก แต่ที่แปลกทุกคนจะทาหน้าขาวหมดเหมือนใช้ครีมพอกหน้า
 
 ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
          เมื่อถึงที่ป่าคำชะโนดแล้วทุกคนก็เริ่มตั้งจอภาพยนตร์ เดินสายไฟ และเปิดเครื่องปั่นไฟ ระหว่างที่กำลังกุลีกุจอติดตั้งก็เริ่มเห็นผู้คนทยอยมานั่งดูหนัง แต่จะแยกชายหญิงชัดเจน ไม่นั่งรวมกัน และปกติของงานวัดจะต้องมีแม่ค้าแม่ขายมาขายน้ำ ขายถั่ว ขายปลาหมึกย่าง แต่ที่นี่กลับไม่มีแม่ค้าสักคน พอติดตั้งเสร็จก็เริ่มฉายหนัง หนังที่เอาไปฉายมี 4 เรื่อง เรื่องแรกเป็นหนังสงคราม เรื่องที่ 2 เป็นหนังตลกแอ็คชั่น เรื่องที่ 3 กับ 4 เป็นหนังผี ระหว่างฉายคนพากย์ก็พยายามพากย์ยิงมุกตลกๆ แต่ไม่มีใครหัวเราะหรือแสดงอารมณ์อย่างใดเลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไปฉายที่ไหน คนก็จะหัวเราะตลอด 
 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 

 

คลิปป่าคำชะโนด ตำนานพญานาควังนาคินทร์ ตอนที่2

 
 
 
           จนเริ่มฉายเรื่องที่ 3 ที่เป็นหนังผี สังเกตท่าทางคนที่มาดูเริ่มตั้งใจดู ทั้งที่บรรยากาศตอนนั้นก็เที่ยงคืนดูน่ากลัวมากๆ ระหว่างนั้นทางเจ้าภาพก็จัดข้าวต้มถ้วยเล็กมาให้ทีมงานฉายหนังกินกัน ทางทีมงานเห็นแล้วก็ละเหี่ยใจ มีแต่ข้าวต้มซีดๆ กะเนื้อชิ้นเล็กๆ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจ ทางทีมงานก็เลยกินกัน ปรากฎว่าเป็นข้าวต้มที่อร่อยที่สุดที่เคยกินกันมา หลังจากฉายหนังจบถึงตี 2 ผู้คนก็แยกย้ายกันกลับ แป๊บเดียวก็สลายไปหมด ไม่มีใครเหลืออยู่เลย ทางทีมงานก็เก็บอุปกรณ์ขึ้นรถ โดยมีผู้หญิงสองคนนั่งรถออกมาส่ง ก่อนจะร่ำลาก็จ่ายค่าจ้างที่เหลือซึ่งเป็นเงินเหรียญทั้งหมด พอออกมาส่งถึงปากซอยผู้หญิงสองคนนั้นลงจากรถ พอรถออกตัวคนขับที่เป็นเจ้าของหนังกลางแปลงหันกลับมาดูก็ไม่เห็นผู้หญิง 2 คนนั้นแล้ว 
 
          หลังจากกลับมาถึงบริษัท ธงชัย ก็เกิดความสงสัย จึงเช็คประวัติกับผู้ว่าจ้างที่ถ่ายเอกสารให้ตอนวางมัดจำ ก็พบตัวว่ามีชื่อนี้จริง แต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เคยไปว่าจ้างใครไปฉายหนังตามวันและเวลาที่บอก เมื่อสงสัยจัดก็เลยสอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัดที่เอาหนังไปฉาย ทางเจ้าอาวาสก็บอกว่าในวันนั้นที่วัดไม่ได้มีการจัดงานแต่อย่างใด แต่เจ้าอาวาสเล่าว่า ในคืนวันที่เจ้าของหนังมาบอกว่ามีการฉายหนัง ที่ป่าคำชะโนดจะมีเสียงซู่ๆ เหมือนกับมีพายุพัดเข้ามา ทั้งๆ ที่คืนนั้นไม่มีลมใหญ่พัดมาจากไหนเลย...
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
           นอกจากจะมีเรื่องเล่าผีจ้างหนังที่ป่าคำชะโนดแล้ว ป่าคำชะโนดผืนป่าแห่งนี้ยังมีเรื่องน่าประหลาดอีกเรื่องคือ เวลาน้ำแล้งก็จะเห็นว่าดินเชื่อมต่อกันไม่มีอะไร แต่เวลาน้ำท่วม ที่ดินรอบๆ จะท่วมหมด แต่ปรากฏว่าป่าคำชะโนดนี้น้ำไม่ท่วม น้ำขึ้นสูงอย่างไรก็ไม่ท่วม ชาวบ้านจึงเชื่อว่า เกาะนี้ลอยน้ำได้ และเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะเจ้าที่เป็นคนทำไม่ให้ผืนป่าคำชะโนดแห่งนี้จมน้ำ. . .
 
           ขณะที่ ทองอินทร์ ปักเสติ ชาวบ้านโนนเมือง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้ๆ กับป่าคำชะโนด ได้ย้อนถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในป่าคำชะโนดอีกหนึ่งเรื่องเล่าของป่าคำชะโนดแห่งนี้ ซึ่งคนภายนอกฟังดูอาจคิดว่าเป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อหลอกให้คนกลัวกันเล่นๆ สำหรับชาวบ้านที่อยู่มานานนมกลับเชื่อสนิทใจ ไม่ใช่นิทานปรัมปรา หรือนิยายประโลมโลก แต่นั่นคือแรงศรัทธาที่ชาวบ้านมีต่อป่าอันลี้ลับและเต็มไปด้วยเรื่องเล่ามากมายแห่งป่าคำชะโนดนี้ … 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
บ่อน้ำ วังนาคินทร์ป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
บ่อน้ำ วังนาคินทร์ป่าคำชะโนด ตำนานพญานาค
 
           เดิมทีคนท้องถิ่นจะเรียกที่นี่ว่า "วังนาคินทร์คำชะโนด" ที่มาก็คือมีบ่อน้ำอยู่กลางดงป่าคำชะโนด เป็นบ่อน้ำขนาดเล็กๆ แต่กลับมีน้ำซึมออกมาตามธรรมชาติตลอดเวลา ทำให้ชาวบ้านเชื่อกันว่าบ่อน้ำประทานมาให้โดยพญานาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่า สำหรับบ่อน้ำในป่าคำชะโนด ว่ากันว่าเป็นบ่อน้ำที่ความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก ชาวบ้านเชื่อกันอย่างนั้น มีหลายคนเคยลองอธิษฐานตรงหน้าบ่อน้ำก็ได้ตามประสงค์ บางคนเจ็บป่วยไปดื่มหรืออาบโรคร้ายก็หายเป็นปลิดทิ้ง สร้างความอัศจรรย์ใจยิ่งนัก แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน อยู่ที่ความเชื่อมีมากน้อยแค่ไหน หลายคนไม่เชื่อแถมยังลบหลู่ ตักน้ำจากบ่อแล้วนำมาล้างเท้าแทนที่จะหายป่วยไข้กลับทุกข์ทรมานซ้ำหนักกว่าเดิม 
 
          เช่นเดียวกับใครที่อยากจะเข้าไปสัมผัสป่าลี้ลับป่าคำชะโนดก็ต้องสำรวมและปฏิบัติตามข้อห้ามอื่นๆ เป็นต้นว่า ห้ามใส่รองเท้าทั่วทั้งบริเวณป่า หมวก แว่นตา ร่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ ห้ามเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้คือการดูถูกดูหมิ่นต่อผู้ปกปักรักษาผืนดิน 
 
           "แต่ก่อนห้ามใส่เสื้อสีแดงด้วย ไม่ได้เลยนะ ใครใส่เข้ามานี่เป็นเรื่อง อยู่ไม่ได้นานหรอก ต้องรีบออกไป ไม่รู้เพราะอะไร เหมือนท่านไม่ชอบ แต่พอหลวงปู่ (หลวงตาคำ สิริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดศรีสุทโธ วัดละแวกป่าคำชะโนด) ได้ทำพิธีขอยกเว้นตอนหลังก็ใส่ได้" ทองหล่อ ตลิ่งชัน กำนันตำบลวังทอง กล่าว 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
วังนาคินทร์ป่าคำชะโนด
 
           ความเชื่อเรื่องพญานาคของคนที่นี่นั้นอาจไม่แตกต่างจากชาวหนองคายที่เชื่อว่าพญานาคมีจริง บั้งไฟพญานาคเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเจ้าแห่งเมืองบาดาล ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ธรรมดาเหมือนเมื่อครั้งถูกนำเสนอผ่านหนัง รวมถึงสื่อทีวีบางช่องเมื่อหลายปีก่อนโน้น ชาวบ้านละแวกป่าคำชะโนดก็คล้ายกัน พวกเขาสร้างทางเดินที่เชื่อมจากโลกภายนอกกับผืนป่าอันศักดิ์สิทธิ์เข้าไว้ด้วยรูปปั้นพญานาค 2 ตัว 7 เศียร นอนเลื้อยยาวไปจนสุดทางเดินราว 300 เมตร เพื่อสะท้อนถึงพลังอำนาจและบารมีของพญานาคราช 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ป่าคำชะโนด บั้งไฟพญานาคผุดกลางลำน้ำ ตำนานพญานาค
 
          กระทั่งในวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ชาวบ้านก็มีความเชื่อว่าเป็นวันที่พญานาคจะขึ้นมาหายใจ ดวงไฟสีแดงที่ผุดกลางบ่อน้ำแล้วลอยขึ้นท้องฟ้า (คล้ายๆ กับบั้งไฟพญานาคผุดกลางลำน้ำโขงที่ จ.หนองคาย) นั่นละคือ ลมหายใจพญานาค โดยชาวบ้านเชื่อว่าใครเห็นจะเป็นบุญของชีวิตเลยทีเดียว
 
           ป่าคำชะโนด... ยังมีเรื่องเล่าอีกนับไม่ถ้วน ทั้งที่สร้างความรู้สึกชวนขนหัวลุก และตื่นเต้นเสียวสันหลัง เชื่อหรือไม่เชื่อนั้นแล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคล หรือคุณจะลองไปพิสูจน์...ที่ป่าคำชะโนด?
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
            วังนาคินทร์ป่าคำชะโนด
 

คลิปป่าคำชะโนด ตำนานพญานาควังนาคินทร์ ตอนที่3

 
 
 

เพราะเหตุใด..จึงมี "บั้งไฟพญานาค" ในวันออกพรรษาทุกทุกปีความเห็นทางด้าน "พุทธศาสตร์"และตำนานพญานาค

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
บั้งไฟพญานาค ตำนานพญานาค
 

ตำนานพญานาค เรื่องราวลึกลับที่มีอยู่จริง

 
        บั้งไฟพญานาคที่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เกิดขึ้นประจำทุกปีในวันออกพรรษาขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ โดยมีความเชื่อว่าลูกไฟที่ปรากฏนั้นเกิดจากอิทธิฤทธิ์ของพญานาคที่บูชาพระพุทธเจ้านั้นจริงหรือไม่? และพญานาคมีจริงหรือ?
 
        คำตอบ : เรื่องนี้มีผู้ถกเถียงกันมาก แบ่งตามความเชื่อได้เป็น ๓ พวก ดังนี้
        ๑. นักนึก นักคิด เชื่อว่ามีคนไปแอบจุดบั้งไฟ จุดพลุ หรือยิงปืน
       
        ๒. นักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เกิดมีกรด มีแก๊สบางชนิด ลอยขึ้นมาแล้วแล้วทำปฏิกิริยากับธาตุเบาบางชนิด แล้วเกิดเป็นลูกไฟขึ้น
       
        ๓. ชาวบ้านและผู้มีศรัทธา เชื่อสืบทอดกันมาว่า พญานาคที่อาศัยอยู่ในพิภพนาคใต้แม่น้ำโขง จุดบั้งไฟบูชาพระรัตนตรัย
 
        ในข้อแรก ถ้ามีคนไปแอบจุดบั้งไฟ จุดพลุหรือยิงปืน ย่อมเกิดเสียงระเบิดและจะไปจุดในน้ำได้อย่างไร? ของจริงนั้นพุ่งขึ้นจากกลางแม่น้ำและไม่มีเสียงระเบิด
 
        ในข้อที่สอง ถ้าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ย่อมเกิดวันใดก็ได้ เมื่อใดก็ได้ หรือที่ไหนก็ได้ แต่นี่จะเกิดเฉพาะวันออกพรรษา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เท่านั้น วันอื่นไม่เกิด
เมื่อสองข้อที่กล่าวมานั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นในข้อที่ ๓ ก็น่าพิจารณา ถ้าพญานาคไม่มีแล้วเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?? พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องพญานาคไว้มากมายในพระไตรปิฎก!!
 
        ๔. จากข้อ ๓ ถ้าพญานาคมีจริง เปรียบเทียบพญานาคกับมนุษย์ ใครมีบุญมากกว่ากัน?
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
กำเนิดของนาคมี ๔ จำพวก ตำนานพญานาค
 

ตำนานพญานาค

ตำนานพญานาคกับพระพุทธเจ้า

 
        พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องนาคไว้ดังนี้ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาคมี ๔ จำพวกคือ เกิดจากไข่ 1, เกิดจากครรภ์ 1, เกิดจากที่ชื้นแฉะ 1, และเกิดจากการผุดเกิด(โอปะปาติกะ) 1 นาคทั้ง 4 จำพวกนี้ จะมีความประณีตแตกต่างกันตามลำดับ โดยนาคจำพวกที่ผุดเกิดประณีตที่สุด”  “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกนาคมีความคิดว่า เมื่อก่อนเราทำกรรมทั้งสอง (สุจริตและทุจริต) ด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปจึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค พวกใดพวกหนึ่งใน 4 จำพวก ถ้าพวกเราประพฤติสุจริตด้วย กาย วาจา ใจ เมื่อพวกเราตายไปจะเข้าถึงสุคติสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริตด้วยกาย วาจา ใจ กันเถิด” “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง (สุจริตและทุจริต) ด้วยกาย วาจา ใจ เขาได้ฟังมาว่า พวกนาคมีอายุยืน มีผิวพรรณงาม มีความสุขมาก เขามีความปรารถนาว่า เมื่อตายไปขอเราจงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคเกิดจากไข่ ( เกิดจากครรภ์, เกิดจากที่ชื้นแฉะ, เกิดโดยผุดเกิด) เถิด เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ของหอม เครื่องสำอาง ที่นั่งที่นอน ที่พักอาศัย และอุปกรณ์แสงสว่าง เมื่อเขาตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคจำพวกเกิดจากไข่ ( เกิดจากครรภ์, เกิดจากที่ชื้นแฉะ, เกิดโดยผุดเกิด)”
(พระไตรปิฎก นาคสังยุต เล่ม 17 หน้า 286)
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค พญานาค เป็นพวกที่มีกายทิพย์ มีอายุยืน มีผิวพรรณงาม
 
        นาค 4 จำพวกนั้น พวกที่ผุดเกิดหมายถึง พญานาค เป็นพวกที่มีกายทิพย์ มีอายุยืน มีผิวพรรณงาม เสวยสุขในทิพย์สมบัติ มีฤทธิ์มากมีอานุภาพมาก สามารถเนรมิตกายเป็นมนุษย์ได้ อาศัยอยู่ในพิภพนาคใต้บาดาล (ใต้แม่น้ำต่างๆ)  พญานาคชนิดนี้จึงมีบุญมากกว่ามนุษย์ แต่ในพิภพนาคไม่อาจจะประพฤติพรหมจรรย์ได้ เพราะมากล้นไปด้วยกามคุณ 5 ดุจเทวดา ดังนั้นพระโพธิสัตว์เมื่อเกิดเป็นพญานาค จึงต้องขึ้นจากพิภพนาคมาประพฤติพรหมจรรย์บนโลกมนุษย์ หรืออธิษฐานให้เกิดเป็นมนุษย์เพื่อจะได้ประพฤติพรหมจรรย์
 

ตำนานพญานาค พญานาค มุจลินท์ แปลงกายแผ่พังพานปิดด้านบนเหนือพระเศียร

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค พญานาค มุจลินท์ แผ่พังพานปิดด้านบนเหนือพระเศียร
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค พญานาค มุจลินท์ เนรมิตกายเป็นชายหนุ่มยืนไหว้พระองค์อยู่
 
        เรื่องของพญานาค พระพุทธเจ้าตรัสไว้มากในพระไตรปิฎก จะยกมาเป็นตัวอย่างเพียงเล็กน้อย ดังนี้ พระพุทธเจ้า ของเราเมื่อยังสร้างบารมีในอดีตชาติ เคยเสวยพระชาติเป็นพญานาคหลายครั้ง เช่น จัมเปยยะนาคราช, ทัททระนาคราช, ปัณฑระกะนาคราช, และภูริทัตนาคราช เป็นต้น ในสัปดาห์ที่ ๖ หลังจากพระพุทธเจ้าตรัสรู้ใหม่ๆ พระองค์ทรงประทับ นั่งอยู่ใต้ต้นอัชปาละนิโครธ ขณะนั้นเกิดฝนตกและมีพายุแรง พญานาค มุจลินท์ ได้ขึ้นมาจากสระมุจลินท์ มาขนดกายรอบพระองค์ ๗ รอบ และแผ่พังพานปิดด้านบนเหนือพระเศียรเพื่อปกป้อง ลม ฝน เหลือบ ยุง แก่พระองค์ครบ ๗ วัน จนฝนและพายุหมดแล้ว พญานาคมุจลินท์ จึงได้เนรมิตกายเป็นชายหนุ่มยืนไหว้พระองค์อยู่
 
 

ตำนานพญานาค พญานาคตนหนึ่งอยากออกบวช

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค พญานาค ตนหนึ่งอยากบวชเป็นพระภิกษุ
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค เมื่อบวชแล้ววันหนึ่งนอน หลับเผลอสติ ร่างจึงกลับกลายเป็นพญานาค
 
        อีกเรื่องหนึ่ง มีพญานาคตนหนึ่งอยากบวชเป็นพระภิกษุ จึงเนรมิตกาย เป็นมนุษย์แล้วมาขอบวชกับพระภิกษุสงฆ์ เมื่อบวชแล้ววันหนึ่งนอน หลับเผลอสติ ร่างจึงกลับกลายเป็นพญานาคนอนเหยียดยาวอยู่ในกุฏิ พระภิกษุ ทั้งหลายเห็นแล้วตกใจกลัวจึงพากันไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสเรียกพญานาคตนนั้นเข้าเฝ้าแล้วตรัสห้ามพญานาค บวชเป็น พระภิกษุ พญานาคตนนั้นได้กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ถ้าพระองค์ห้ามพญานาคบวชก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้พระองค์จงทรง ให้เรียกผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุว่า นาค เถิดพระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้า ก็ทรงตรัสให้พระภิกษุทั้งหลายเรียกผู้ที่จะบวชว่า นาค ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา
 
 

ตำนานพญานาคความเป็นมาของพญานาค

 
        ความเป็นมาของพญานาค? นาคนี้มาจากไหน มีแหล่งกำเนิดจากที่ใด นาคในตำนาน และนาคตามคติความเชื่อของมนุษย์
 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค พญานาค งูใหญ่ มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่
 
        พญานาค งูใหญ่ มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และ บันไดสายรุ้งสู่จักรวาล เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์ จากการจำศีล บำเพ็ญภาวนา ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น งูใหญ่ หรือพญานาค เรามักจะพบเห็น เป็นรูปปั้นหน้าโบสถ์ ตามวัดต่าง ๆบันไดขึ้นสู่วัดในพุทธศาสนาภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง กับศาสนาพุทธอีกมากมาย และ นครวัดมหาปราสาท ถ้าเราจะสังเกต ก็คงจะเป็นที่ศาสนาพุทธ ทำไมมีเรื่องราวพญานาคมาเกี่ยวข้องมาก ติดตามกันต่อไป
พญานาค หรือ งูใหญ่มีหงอน ในตำนานของฝรั่ง หรือชาวตะวันตก ถือว่าเป็นตัวแทนของกิเลส ความชั่วร้าย ตรงข้ามกับชาวตะวันออก ที่ถือว่า งูใหญ่ พญานาค มังกร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังอำนาจ ชาวฮินดูถือว่า พญานาคเป็นผู้ใกล้ชิดกับเทพองค์ต่าง ๆ เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ เช่น "อนันตนาคราช" ที่เป็นบัลลังก์ของพระนารายณ์ตรงกับความเชื่อของลัทธิพรามณห์
 
        ที่เชื่อว่า "นาค" เป็นเทพแห่งน้ำ เช่นปีนี้ นาค ให้น้ำ 1 ตัว แปลว่า น้ำจะมาก จะท่วมที่ทำการเกษตร ไร่นา ถ้าปีไหน นาคให้น้ำ 7 ตัว น้ำจะน้อย ตัวเลขนาคให้น้ำจะกลับกันกับเหตุการณ์ เนื่องจาก ถ้านาคให้น้ำ 7 ตัว น้ำจะน้อยเพราะนาคกลืนน้ำไว้
 
 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
 พญานาค เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้
 
        พญานาค เป็นสัตว์มหัศจรรย์ ที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้ พญานาค มีอิทธิฤทธิ์ และมีชีวิตใกล้กับคน พญานาค สามารถแปลงเป็นคนได้ เช่นคราวที่แปลงเป็นคนมาขอบวชกับพระพุทธเจ้า ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวถึงนาคที่ชื่อ ถลชะ ที่แปลว่า "เกิดบนบก" จะเนรมิตกายได้เฉพาะบนบก และนาคชื่อ ชลซะ แปลว่า "เกิดจากน้ำ" จะเนรมิตกายได้เฉพาะในน้ำเท่านั้น
พญานาค ถึงแม้จะเนรมิตกายเป็นอะไร แต่ในสภาวะ 5 อย่างนี้ จะต้องปรากฎเป็นงูใหญ่เช่นเดิม คือ ขณะเกิด ขณะลอกคราบ ขณะสมสู่กันระหว่างนาคกับนาค ขณะนอนหลับ โดยไม่มีสติ และที่สำคัญ ตอนตาย ก็กลับเป็นงูใหญ่เหมือนเดิม
 
 

ตำนานพญานาค พิษร้ายของนาค

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
 พญานาค มีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษ ถึง 64 ชนิด
 
        พญานาค มีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษ ถึง 64 ชนิด ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า สัตว์จำพวกงู แมงป่อง ตะขาบ คางคก มด ฯลฯ มีพิษได้ ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ นาคคายพิษทิ้งไว้ แล้วพวกงูไปเลีย พวกที่มาถึงก่อนก็เอาไปมาก พวกมาทีหลัง เช่น แมงป่อง กับ มด ได้พิษน้อย แค่เอาหาง เอากันไปป้ายเศษพิษ จำพวกนี้จึงมีพิษน้อย และพญานาคต้องคายพิษทุก 15 วัน
 

ตำนานพญานาคที่อยู่ของนาค

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
 ตำนานพญานาค พญานาค อาศัยอยู่ใต้ดิน หรือบาดาล
 
        พญานาค อาศัยอยู่ใต้ดิน หรือบาดาล คนโบราณเชื่อว่าเมื่อบนสวรรค์มีเทพเทวาอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้พื้นโลก ก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ในหนังสือไตรภูมิพระร่วง กล่าวว่า ที่ที่นาคอยู่นั้นลึกลงไปใต้ดิน 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร มีปราสาทราชวังที่วิจิตรพิสดารไม่แพ้สวรรค์ ที่มีอยู่ถึง 7 ชั้น เรียงซ้อน ๆ กัน ชั้นสูง ๆ ก็จะมีความสุขเหมือนสวรรค์
 
        พญานาค สามารถผสมพันธุ์กับสัตว์ชนิดอื่นได้ แปลงกายแล้วผสมพันธุ์กับมนุษย์ได้ เมื่อนาคตั้งท้องจะออกลูกเป็นไข่เหมือนงู มีทั้งพันธุ์เศียรเดียว 3, 5 และ 7 เศียร สามารถขึ้นลง ตั้งแต่ใต้บาดาลพื้นโลก จนถึงสวรรค์ ในทุกตำนานมักจะกล่าวถึงนาคที่ขั้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองสวรรค์ ที่จะแปลงกายเป็นอะไรตามที่คิด ตามสภาวะเหตุการณ์นั้น ๆ จะเห็นว่า พญานาค หรือ งูใหญ่ นั้นมีความเป็นมาและถิ่นที่อยู่เป็นสัดส่วนในภพหนึ่งต่างหาก จะมีเป็นบางครั้งที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้ พญานาค เป็นทั้งเอกลักษณ์ของความดี และความไม่ดี
 
        จะได้ยินอยู่เสมอว่า ปีนี้นาคให้น้ำเท่าไร กี่ตัว ฝนฟ้าดี หรือไม่ดี นาคให้น้ำสร้างความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง พญานาค ที่อาศัยอยู่ในสวรรค์ใต้น้ำ พญาอนันตนาคราช แท่นบรรทมของพระนารายณ์ ที่นับถือเป็นเทพเจ้า พญานาค เปรียบได้กับท้องน้ำทั้งหลายในจักรวาล นาคมีอิทธิฤทธิ์บันดาลให้ฝนตกหรือไม่ตกก็ได้ ตลอดจนสามารถแปลงกายเป็นเมฆฝนได้ พญานาค...เป็นที่มาของแม่น้ำต่าง ๆ อันหมายถึงผู้รักษาพลังแห่งชีวิตทั้งหลาย
 

ตำนานพญานาค พญานาค ตามความเชื่อของชาวพุทธ

 
ป่าคำชะโนด, ตำนานพญานาค
ตำนานพญานาค เทวดาแห่งน้ำ คือ "วรุณ"
 
        ตามความเชื่อของชาวพุทธ เทวดาแห่งน้ำ คือ "วรุณ" และ "สาคร"ที่ต่างก็เป็นจอมแห่งนาคราช นอกจากที่เกี่ยวข้องกับน้ำบนโลกแล้ว นาคยังเกี่ยวข้องกับน้ำในสวรรค์อีกด้วย คนโบราณเชื่อว่า สายรุ้ง กับ นาค เป็นอันเดียวกัน ที่เชื่อมระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ข้างหนึ่งของรุ้งจะดูดน้ำจากพื้นโลกขึ้นไปข้างบน เมื่อถึงจุดที่สูงสุดก็จะปล่อยน้ำลงมาเป็นฝนที่มีลำตัวของนาคเป็นท่อส่ง
ในตำนานสิงหนวัติ กล่าวว่า เมื่อเจ้าเมืองสิงหนวัติอพยพคนมาจากทางเหนือ พญานาคแปลงกายมาช่วยชี้ที่ตั้งเมืองใหม่ และขอให้อยู่ในทศพิธราชธรรม พอตกกลางคืนก็ขึ้นมาสร้างคูเมือง 4 ด้านเป็น เมืองนาคพันธุ์สิงหนวัติ ต่อมาเมื่อยกทัพปราบเมืองอื่นได้ และรวมดินแดนเข้าด้วยกัน จึงเปลี่ยนชื่อเป็น แคว้นโยนกนาคราช
 
        ที่เห็นได้ชัดก็คือที่ ปราสาทพนมรุ้ง จะมีคูเมืองที่เป็นสระน้ำ 4 ด้าน รอบปราสาทและมี พญานาค อยู่ด้วย ตามความเชื่อของคนสมัยโบราณ นาคจะมีความหมายเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากน้ำ เช่น การสร้างศาสนสถานไม่ว่าจะเป็นอุโบสถ นาคที่ราวบันได จึงมี "พญานาค" ซึ่งตามความเป็นจริง (ความเชื่อ) การสร้างต้องสร้างกลางน้ำ เพื่อให้ดูเหมือนว่าศาสนสถานนั้นลอยอยู่เหนือน้ำ แต่ก็ไม่ต้องสร้างจริง ๆ เพียงแต่มีสัญลักษณ์ "พญานาค" ไว้ เช่น ที่ปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น
 
        
 
บทความที่เกี่ยวข้อง
 
ขอขอบคุณภาพประกอบข่าวจากรายการบันทึกลึกลับ ททบ5


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์

จะเกิดอะไรขึ้นหากโลกนี้ไม่มีมนุษย์จะเกิดอะไรขึ้นหากโลกนี้ไม่มีมนุษย์

เด็กตายแล้วฟื้น ทัวร์นรกก่อนกลับร่าง คลิปเด็กตายแล้วฟื้นเด็กตายแล้วฟื้น ทัวร์นรกก่อนกลับร่าง คลิปเด็กตายแล้วฟื้น



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์