พลิกชีวิตด้วยบุญกฐิน แห้วเงินล้าน

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ

 

        ลูกชื่อ เรณู เฉกแสงทอง อายุ 46 ปี เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี มีอาชีพขายส่งแห้วค่ะ หลวงพ่อเจ้าคะ มีหลายคนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด กล่าวคือ เกิดมาก็มีชีวิตที่สุขสบายเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผิดกับลูกเลยค่ะ ที่เกิดมามีชีวิตที่ยากลำบากอย่างที่สุด กล่าวคือ ลูกเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน พอโตขึ้นหน่อย พ่อแม่ก็ให้มาช่วยทำนาแห้วค่ะ โดยต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อมาดำนาแบบหลังขดหลังแข็ง กว่าจะได้นอนก็หลังเที่ยงคืนเกือบทุกคืนเลยค่ะ แต่หลวงพ่อคะ มันน่าเจ็บใจตรงที่ว่า...แม้ลูกจะขยันมากถึงขนาดนี้ แต่ก็ไม่รวยสักทีค่ะ ตรงกันข้ามกลับจนลง...จนลง เพราะเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตทีไร เมื่อนำรายได้มาหักค่ายา ค่าปุ๋ย และค่าจ้างคนที่มาช่วยดำนาแล้ว ปรากฏว่ากลับติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีหนี้สินทับทวีเพิ่มกระฉูดไปถึงห้าแสนบาท สรุป คือ ยิ่งทำนาแห้ว ก็ยิ่งจน แถมมีแต่เรื่องที่ทำให้ลูกรู้สึกหมดหวังและเครียดอย่างที่สุด จนความดันขึ้น อีกทั้งโรคหอบก็กำเริบขึ้นตามมาด้วย

 

 

 

        จนกระทั่งปี พ.ศ.2531 พี่ชายของลูก คือ คุณสมชาย เฉกแสงทอง ได้มาชวนลูกเข้าวัดพระธรรมกาย ซึ่งตอนแรกลูกก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรค่ะ จนกระทั่งปี พ.ศ.2542 ลูกจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง เพื่อรื้อผังจน สร้างผังรวย โดยการทุ่มทำบุญทอดกฐิน ปี พ.ศ.2542 อย่างสุดกำลัง หนึ่งหมื่นบาทแรกในชีวิต ทั้งๆที่มีหนี้สินท่วมท้น พร้อมกับอธิษฐานจิตอย่างมุ่งมั่นว่า “ด้วยบุญทอดกฐินที่ข้าพเจ้าได้ทำอย่างสุดกำลังในภาวะวิกฤติของชีวิตนี้ ขอให้นับแต่นี้ ชีวิตของข้าพเจ้ามีแต่รวยกับรวย และขอให้ข้าพเจ้าตัดญาติขาดมิตรจากความจนไปเลย”

 

        หลังจากนั้นไม่นาน อยู่ๆพี่ชายของลูกก็มาบอกลูกว่า ให้เปลี่ยนจากการทำนาแห้ว มาขายส่งแห้วที่ตลาดสี่มุมเมือง และนับจากนั้นเป็นต้นมา ลูกก็ไม่ต้องหลังขดหลังแข็งดำนาแห้วอีกแล้วค่ะ เพราะได้ผันชีวิตมาเป็นแม่ค้าขายส่งแห้ว จากนั้นชีวิตของลูกก็เริ่มรุ่งโรจน์โชติช่วงขึ้น จากชีวิตที่มีแต่ความผิดหวัง ก็เริ่มมีแววสมหวังแล้วค่ะ เพราะลูกสามารถขายแห้วได้กำไรมากถึงเดือนละ 30,000 บาท อีกทั้งพอเข้าปี พ.ศ.2543 จู่ๆก็มีลูกค้าจากไหนไม่ทราบ มาสั่งซื้อแห้วเป็นจำนวนมาก จนลูกขายแทบไม่ทัน ส่งผลให้ยอดกำไรของลูกเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งแสนบาทต่อเดือนอย่างน่าตกใจค่ะ ทำให้ลูกทั้งปลื้มทั้งอัศจรรย์ใจกับอานุภาพกฐินเป็นอย่างมาก ลูกมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจนทำให้มีเงินทำบุญทอดกฐินในปี พ.ศ.2543 หนึ่งแสนบาทแรกในชีวิต ซึ่งหลังจากทำบุญทอดกฐินแล้ว ผลบุญได้สะท้อนกลับมาหาลูกแบบทวีคูณทันที กล่าวคือ มีแต่คนมาสั่งซื้อแห้วจากลูกเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลาย ส่งผลให้มีกำไรจากการขายแห้วพุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆอย่างยั้งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ และมีเงินมาทยอยปลดหนี้ห้าแสนบาทได้หมดภายในปี พ.ศ.2546

 

        เมื่อลูกใช้หนี้ได้หมดแล้ว พอถึงงานทอดกฐินปี พ.ศ.2547 ลูกก็ไม่รอช้า ได้ทุ่มสุดตัวในการเป็นประธานกองกฐิน หนึ่งเอ็มแรกของชีวิตทันทีค่ะ ซึ่งเมื่อลูกทำบุญไปแล้ว ในปี พ.ศ.2548 ยอดขายแห้วของลูกก็พุ่งพรวดขึ้นไปแบบโดดเด่น กล่าวคือ มากถึงแปดแสนบาทต่อเดือน จนลูกเองก็ต้องตะลึง ทำให้นับจากนั้น ลูกสามารถเป็นประธานกองกฐินระดับเอ็มได้ทุกปีอย่างต่อเนื่อง และผลจากการเป็นประธานกองกฐินแบบต่อเนื่องนี้เองค่ะ ทำให้ยอดการขายแห้วของลูกไม่ตกเลย อีกทั้งยังขายดีแบบสวนกระแส คือ ยอดกำไรของลูกพุ่งโด่งไปที่หนึ่งล้านบาทต่อเดือน ในปี พ.ศ.2552 แบบสบายๆ และยังคงรักษาระดับได้มาจนถึงปัจจุบันนี้

 

        ลูกขอกราบเรียนหลวงพ่อว่า “ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ ใครจะคาดคิดล่ะค่ะว่า แห้วกิโลกรัมละ 40 บาท แต่ลูกสามารถขายได้กำไรเดือนละหนึ่งล้านบาทอย่างสบายๆ” ซึ่งลูกไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ค่ะ และกฐินในปีนี้ ตัวลูกและลูกสาวทั้งสองคนก็ได้ทำบุญระดับเอ็มกันไปแล้วค่ะ แต่ใจจริงของลูกอยากทำกันให้ถึงหนึ่งห้องให้ได้ค่ะ ลูกกราบขอพรจากหลวงพ่อให้ลูกรวยแบบอัศจรรย์ เพื่อจะได้มาเป็นประธานกองกฐิน ทำบุญให้ถึงหนึ่งห้อง ขอให้ลูกสมหวังเป็นอัศจรรย์ด้วยเจ้าค่ะ

 

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

 

เรณู เฉกแสงทอง