พอจะมีธรรมะแบบสรุปสั้นๆบ้างหรือไม่


[ 22 ก.พ. 2555 ] - [ 18269 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
 
 
 

คำถาม: หลวงพ่อคะ ธรรมะทั้งหลายที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ทั้งหมดนี้ มากมายเหลือเกิน แต่ที่สรุปลงให้สั้นๆ มีบ้างไหมคะ?

 
คำตอบ: พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า ธรรมะทั้งหมดที่พระองค์ตรัสไว้ตลอด 45 พรรษา รวมแล้วได้ 84,000 ข้อ มีปรากฏในพระไตรปิฎก แต่เมื่อสรุปแล้วเหลือเพียง 1 ข้อ คือ ความไม่ประมาท ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในปัจฉิมโอวาท หรือโอวาทครั้งสุดท้าย ก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน มีใจความว่า
 
        “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กิจอันใดที่พระศาสดาแสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ซึ่งกระทำเพื่อสาวกทั้งหลาย ด้วยความอนุเคราะห์เอ็นดู กิจทั้งหมดนั้น เราได้ทำแล้วแก่เธอทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนเธอทั้งหลายว่า สังขาร ทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ขอเธอทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง ให้ถึงพร้อมด้วยความมิประมาทเถิด”
 
ในพระไตรปิฎกมีเนื้อหารวมทั้งสิ้น 84,000 ธรรมขันธ์
ในพระไตรปิฎกมีเนื้อหารวมทั้งสิ้น 84,000 ธรรมขันธ์
 
        จากคำสอนโดนสรุปของพระองค์ เท่ากับเตือนสติให้พวกเราทุกคนได้รู้ว่า ตราบใดที่เรายังไม่หมดกิเลส และตราบที่เรายังไม่สามารถทำใจให้สงบเข้าถึงธรรมกาย ทำให้หมดกิเลสเข้าถึงพระนิพพานได้แล้ว ตราบนั้นเราก็ยังเป็นผู้ประมาทอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือคฤหัสถ์ต่างกันแต่ว่าใครจะประมาทมากน้อยต่างกันอย่างไร
 
        แล้วถ้าจะทำความไม่ประมาทให้เกิดแก่ตัวเอง ก็จะต้องเริ่มตั้งแต่ละชั่ว ทำความดี ทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ซึ่งการกระทำทั้ง 3 ประการนี้ ถ้าทำให้สมบูรณ์ โดยเต็มกำลังความสามารถของเราแล้ว แม้ชาตินี้ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ ก็ต้องพยายามทำกันไปไม่ทอดทิ้งวันใดวันหนึ่ง ปีใดปีหนึ่ง ชาติใดชาติหนึ่ง เมื่อปฏิบัติธรรมได้สมบูรณ์แล้ววันนั้น ปีนั้น ชาตินั้น เราก็จะสามารถเข้าถึงธรรมกาย หมดกิเลส เป็นพระอรหันต์ เข้านิพพานตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปได้
 

คำถาม: คนที่ชอบคิดถึงความตายบ่อยๆ จะเป็นอย่างไรบ้างคะ?

 
คำตอบ: การนึกถึงความตายบ่อยๆ ก็มี 2 กรณี
 
        กรณีที่ 1 นึกไม่เป็น นึกว่าไม่ช้าก็ตาย เลยไม่อยากทำอะไร อยู่ไปวันๆ นอนรอความตายอยู่เฉยๆ ไม่อยากทำความดี
 
        กรณีที่ 2 นึกเป็น นึกว่าอย่างไรเสียก็ต้องตาย เพราะฉะนั้นก่อนตายจะต้องใช้ชีวิต ใช้ร่างกายของเรานี้ให้คุ้มค่า จึงทุ่มชีวิตจิตใจทำความดี ให้มีความดีติดตัวไปมากๆ
 
ทุกชีวิตเกิดมามีเป้าหมายเพื่อสร้างบุญบารมี ควรทำดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปจนกว่าจะละจากโลกนี้ไป
ทุกชีวิตเกิดมามีเป้าหมายเพื่อสร้างบุญบารมี ควรทำดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปจนกว่าจะละจากโลกนี้ไป
  
        ทำดีก็ตาย ทำชั่วก็ตาย ขี้เกียจก็ตาย ขยันก็ตาย ฉลาดก็ตาย โง่ก็ตาย เศรษฐีก็ตาย ขอทานก็ตาย ทุกคนต้องตายหมด แต่ความตายไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของชีวิต ทุกชีวิตเกิดมามีเป้าหมายเพื่อสร้างบุญบารมี เพราะฉะนั้นเมื่อยังไม่หมดกิเลสก็ควรทำดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปจนถึงวันตาย คิดอย่างนี้ และทำอย่างนี้ย่อมดีที่สุด
 
คำถาม: เป็นการสมควรหรือไม่ที่จะซื้อของด้วยเงินผ่อน?
 
คำตอบ: ความสุขอีกอย่างหนึ่งของคน อยู่ที่การไม่มีหนี้ ถ้ามีหนี้เมื่อไร พอเจอหน้าเจ้าหนี้เท่านั้นแหละเดินหน้าเหี่ยวเลย กลัวถูกทวงหนี้ แม้ที่สุดนอนก็ไม่ค่อยจะหลับ เหมือนหนี้มันมาค้ำตา
 
        การซื้อของเงินผ่อนจึงไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่อาจจะมีข้อยกเว้นบ้าง ในกรณีที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เช่น ไม่มีบ้านจะอยู่ การเคหะฯ เขามีบ้านให้ซื้อเงินผ่อน เขามีหลักการดี และเป็นองค์กรของรัฐบาล เชื่อว่าไม่โกงเรา แล้วเราก็มีความสามารถพอที่จะผ่อนได้ ก็ผ่อนไป ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวชาตินี้ไม่มีที่อยู่ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้าไปผ่อนบ้านที่ใหญ่โตเกินเหตุ ก็ไม่สมควร ควรให้พอสมกับฐานะและรายได้ของตน
 
ราชาเงินผ่อนกับสามัญชนเงินสด
ราชาเงินผ่อนกับสามัญชนเงินสด
 
        ของใช้อย่างอื่นๆ ก็เหมือนกัน โซฟาชุดรับแขกในบ้านของเราไม่มี เพราะเรามันจนก็ใช้เสื่อไปก่อน ใครมาบ้านฉันก็ให้รู้ว่าฉันใช้เสื่อ ถ้าอยากนั่งโซฟาดีๆ ช่วยซื้อมาฝากด้วย ยินดีรับ...อย่างนี้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ไม่ต้องนอนผวา อย่าไปหน้าใหญ่นัก อย่าเพาะต้นหนี้ให้ดอกเบี้ยบานท่วมต้นโดยไม่จำเป็นจริงๆ
 
        โดยธรรมชาติสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตมี 4 อย่างด้วยกัน คือ
 
        1. ข้าวปลาอาหาร ถ้าไม่กินก็ตาย ไม่มีแรงทำงาน ทำให้เจ็บไข้ไม่สบาย ใครจะซื้อผ่อนข้าวกินก็ไม่ว่า
 
        2. เสื้อผ้า ใครจะซื้อผ่อนเสื้อผ้าต้องคิดดูก่อนนะ ถ้าในกรณีเราเข้างานใหม่ๆ งานนี้เขากำหนดให้มีเครื่องแบบ เราไม่มีเงินพอ ต้องซื้อผ่อน ก็ยังพอสมเหตุผล แต่ถ้าชุดใส่เที่ยวละก็ อย่ามาพูด
 
        3. ยารักษาโรค เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีค่ายาค่าหมอ จำเป็นต้องรักษาชีวิตต้องกู้หนี้ยืมสินก็ต้องยอม
 
        4. บ้านเรือน ต้องมีไว้คุ้มแดดคุ้มฝน ถือว่าจำเป็น แต่ถึงกระนั้นก็ให้พออยู่ อย่าให้หรูหราเกินตัว
 
        เวลานี้เราไม่ค่อยคำนึงถึงความจำเป็นกัน เราซื้อผ่อนกันทั่วเมืองไทย บรรยากาศเมืองไทยเลยกลายเป็นบรรยากาศลูกหนี้ เราเป็นลูกหนี้กันทั้งระดับรัฐบาลและระดับเอกชน คนไทยก็ติดหนี้กันเอง แล่เนื้อเถือหนังกันเอง ยังไม่พอ ยังเป็นหนี้ต่างประเทศอีก ไปซื้อผ่อนของฟุ่มเฟือยเขามาใช้ เมื่อก่อนใครมาเมืองไทยเขาเรียกเมืองไทยว่า เป็นเมืองยิ้ม “สยามเมืองยิ้ม” เดี๋ยวนี้ก็คล้ายๆ ยิ้มแต่ไม่เรียกยิ้ม เขาเรียกว่าแสยะ เพราะหน้ามันเหี่ยวๆ หนี้มันท่วมหัวเลยต้องหน้าชื่นอกตรม ยิ้มแหยๆ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
คนที่ทำมาหากินไม่ขึ้นเกิดจากกรรมใดคนที่ทำมาหากินไม่ขึ้นเกิดจากกรรมใด

ธรรมะบทที่ควรนำไปสอนประชาชนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุดธรรมะบทที่ควรนำไปสอนประชาชนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด

ถ้าเราถูกนินทาโดยไม่มีมูลความจริงควรทำอย่างไรถ้าเราถูกนินทาโดยไม่มีมูลความจริงควรทำอย่างไร



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา