ถ้าเราถูกนินทาโดยไม่มีมูลความจริงควรทำอย่างไร


[ 27 ก.พ. 2555 ] - [ 18278 ] LINE it!

หลวงพ่อตอบปัญหา
 
 
โดย พระภาวนาวิริยคุณ (เผด็จ ทัตตชีโว)
เรียบเรียงจากรายการหลวงพ่อตอบปัญหา ทาง DMC
 
 

คำถาม: หลวงพ่อครับ ถ้าเราถูกนินทาว่าร้ายโดยไม่มีมูลความจริงจะทำอย่างไรดีครับ?

 
คำตอบ: ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น จำไว้ว่ามีความจริงประจำโลกอยู่ข้อหนึ่ง คือว่า คนเราที่จะไม่ถูกนินทาว่าร้ายเลยไม่มี นะ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณธรรมความดีพร้อมบริบูรณ์ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังมีคนกล่าวร้าย บางครั้งถึงกับมีคนมาเดินตามด่าตลอดทางที่พระองค์เสด็จออกบิณฑบาต
 
        แต่พระองค์ก็ทรงเฉยเสีย ไม่ได้โต้ตอบอะไร เพราะถือว่าทองคำแท้ย่อมไม่กลัวไฟ ยิ่งถูกไฟเผามากเท่าไรก็ยิ่งสุกเหลืองอร่ามมากขึ้นเท่านั้น ถึงใครจะนินทาว่าร้ายพระองค์อย่างไร ก็ไม่สามารถทำให้พระองค์เลวไปตามคำว่าร้ายเหล่านั้น
 
คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
คนที่ไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
 
        เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่คุณถูกกล่าวร้าย ก็ไม่ควรเดือดร้อนอะไร ทำตามอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำให้ดูเป็นแบบแผน คือก้มหน้าก้มตาทำความดีต่อไป ไม่สนใจต่อคำนินทาว่าร้ายนั้น เพราะยิ่งเรามัวห่วงกังวลอยู่ ก็ยิ่งทำให้สุขภาพจิตเสีย และเสียเวลาเปล่า
 
        เมื่อเราตั้งใจทำความดีไม่หยุดยั้งเช่นนี้ วันหนึ่งคนทั้งโลกก็จะทราบความจริง เห็นความดีของเราเอง หรือแม้จะไม่มีใครเห็นตัวเราเองก็เห็นความดีของตัวเราเอง และเราก็ไม่มีอะไรจะตำหนิให้แหนงใจตนเอง มีแต่ความปีติยินดีทุกครั้งที่นึกถึงความดีที่เราเคยทำเอาไว้
 

คำถาม: จะฝึกตัวอย่างไร จึงจะสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธได้ล่ะครับ?

 
คำตอบ: คนส่วนใหญ่มักจะเป็นโรคที่เหมือนกันอยู่โรคหนึ่ง คือโรคขาดกำลังใจ ทำให้ใจไม่หนักแน่นมั่นคง พอมีอะไรไม่สบอารมณ์เข้าสักหน่อย ก็ควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้ หน้าเขียวหน้าเหลืองขึ้นมาทีเดียว คนโกรธแล้วลุกขึ้นมาต่อยกันหรือด่าว่ากันนั้นไม่ยาก ใครก็ทำได้ แต่โกรธแล้วข่มใจไม่ให้โกรธ ไม่ให้ด่าได้ นี่สิยาก
 
        ทีนี้ถ้าถามว่าวิธีฝึกกำลังใจวิธีที่ดีที่สุด ได้ผลที่สุดควรจะทำอย่างไร หลวงพ่อก็ขอตอบว่า ศีล 5 นั่นแหละ เป็นบทฝึกกำลังใจชั้นเยี่ยมทีเดียว สมัยที่หลวงพ่อเป็นนักเรียน ก็ใฝ่ผันอยากจะเป็นที่มีกำลังใจสูง พอเข้ามหาวิทยาลัย ก็อยากจะเล่นกีฬาชนิดที่จะสร้างกำลังใจให้สูงขึ้นไปอีก ลองเลือกประเภทกีฬาอยู่หลายอย่าง ในที่สุดก็หันมา เล่นมวยไทย มีดสั้น ดาบ 2 มือ ทั้งง้าวทั้งทวน พร้อมหมด
 
วิธีควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธ
วิธีควบคุมตัวเองไม่ให้โกรธ
 
        แต่ก็พบว่าแม้ฝึกจนชำนาญแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้กำลังใจสูงขึ้นเลย ตรงกันข้ามพอขัดใจขึ้นมาแล้วกลับยั้งตัวเองไม่ได้ ท่าง้าวท่าทวนที่ฝึกไว้ มันขยับเตรียมจะเล่นงานชาวบ้านเสียอีก แต่พอเข้าวัดลงมือรักษาศีลเท่านั้น รู้ได้ทันทีเลยว่ากำลังใจเกิดจากการรักษาศีลนี่เอง
 
        เพราะฉะนั้น ใครที่ต้องการจะควบคุมตัวเองให้ได้ และเป็นคนที่มีกำลังใจดีด้วยละก็ ถือศีล 5 เสียนะ บทฝึกง่ายๆ สำหรับควบคุมตัวเองอยู่ตรงนี้ แต่เรามักมองกันไม่ค่อยจะออก
 
คำถาม: บารมี 10 ทัศ คืออะไรคะ?
 
คำตอบ: บารมี 10 ทัศ ก็คือความดี 10 ประการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมัยที่ยังทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงคัดเลือกไว้เป็นข้อปฏิบัติอย่างยิ่งยวด เพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพานเร็วขึ้น ได้แก่ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมะบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี
 
บารมี 10 ทัศ คือความดี 10 ประการ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์
บารมี 10 ทัศ คือความดี 10 ประการ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบำเพ็ญสมัยที่เป็นพระโพธิสัตว์
 
        สำหรับพวกเราชาวพุทธ แม้ยังไม่ได้ลงมือปฏิบัติอย่างยิ่งยวด ชนิดเอาชีวิตเป็นเดิมพันเท่าพระองค์ แต่ก็ควรต้องทำอย่างจริงจังสม่ำเสมอให้ครบทุกข้อ ในระดับที่สามารถทำได้คือ
 
        1. ทานบารมี คือตั้งใจตักบาตรทำบุญ ให้ได้ทุกวัน
 
        2. ศีลบารมี อย่างน้อยศีล 5 ต้องตั้งใจรักษาให้ได้ทุกวัน ถ้ามั่นคงขนาดยอมเสียอวัยวะ ยอมเสียทรัพย์ ยอมเสียชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อรักษาศีลไว้ ถ้าทำได้อย่างนี้ ก็จะได้ชื่อว่าเจริญรอยตามพระบรมครูอย่างแท้จริง
 
        3. เนกขัมมะบารมี คือการยั้งใจไม่ให้เกี่ยวข้องกันในเรื่องเพศ ถ้าอยู่ทางโลกก็เป็นคนโสดไปตลอดชีวิต หรือบางคนแต่งงานแล้วก็แบ่งเวลาถือศีล 8 ทุกวันพระ ถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติเนกขัมมะบารมีอย่างอ่อนๆ เหมือนกัน
 
        4. ปัญญาบารมี คือศึกษาพระไตรปิฎก อ่านตำรับตำราธรรมะและหมั่นนั่งสมาธิทุกวัน
 
        5. ขันติบารมี คืออดทนทำความดีเรื่อยไป ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค
 
        6. วิริยะบารมี คือขยันหมั่นเพียร บากบั่นทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ยอมถอยหลัง หรือลังเลหยุดพัก
 
        7. สัจจะบารมี คือมีความจริงใจในการทำความดีทุกรูปแบบจะคบคนก็มีความจริงใจ ไม่หักหลังเขา พูดอะไรก็รักษาคำพูด หน้าที่การงานก็ไม่ให้บกพร่อง
 
        8. อธิษฐานบารมี คือมีความมุ่งมั่นที่จะทำความดีตามที่ตั้งโครงการ ตั้งเป้าหมายเอาไว้ และไม่ว่าจะทำอะไรต้องวางแผนล่วงหน้าเสมอ เพื่อให้งานสำเร็จเป็นขั้นเป็นตอน และแน่นอนว่าจะต้องสำเร็จในที่สุด
 
        9. เมตตาบารมี คือมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น ไม่เป็นคนดูดาย
 
        10. อุเบกขาบารมี คือวางใจเป็นกลาง เป็นคนที่รักความยุติธรรมอย่างยิ่งตลอดชีวิต
 
        อานิสงส์ที่จะได้จากการปฏิบัติบารมีทั้ง 10 ทัศ ก็คือจะทำให้เราบรรลุมรรคผลนิพพานรวดเร็วขึ้น


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
หลักธรรมในการแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไปหลักธรรมในการแก้ปัญหาให้หมดสิ้นไป

ทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนพูดเป็นทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนพูดเป็น

เพราะเคยทำผิดทำชั่วไว้มากหรือเปล่าฟ้าดินถึงไล่ตะเพิดอย่างนี้เพราะเคยทำผิดทำชั่วไว้มากหรือเปล่าฟ้าดินถึงไล่ตะเพิดอย่างนี้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

หลวงพ่อตอบปัญหา