ศิลา…อาถรรพ์


[ 24 ก.พ. 2550 ] - [ 18285 ] LINE it!
View this page in: 中文

CASE STUDY
ศิลา…อาถรรพ์
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
เพื่อความเหมาะสม จำเป็นต้องของสงวนนามของบุคคล หรือสถานที่ไว้
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง

    ขอนแก่น…เมืองดอกคูณ...เสียงแคน คือถิ่นแดนที่ให้กำเนิดผม ดินแดนมหัศจรรย์แห่งนี้ มีเรื่องราวหลากหลายที่เร้นลับ น่ากลัว น่าตื่นเต้น และนำความโศกสลดมาให้ผมโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ คำถามก็ยังเป็นคำถาม ยังหาคำตอบไม่ได้ ดังของที่คว่ำไม่เห็นข้างใน ผมจึงเขียนเรื่องราวทั้งหมดมาขอคำตอบ ขอความเมตตาจากครูไม่ใหญ่ ช่วยไขปริศนาแห่งใจ เปิดเผยเบื้องลึกสุดลับถึงที่มาที่ไปในเรื่องราวต่างๆให้ผมด้วยนะครับ

    ผม เคยมาบวชที่วัดพระธรรมกาย เดือนเมษายน พ.ศ.2530 ช่วงบวช เคยเจอ คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านทักว่า “คุณเป็นผู้ชายนี่ดีนะ เพราะมีวาสนาได้บวช” คำพูดนั้นส่งแรงขับให้ผมอยากหลุดพ้นจากความเป็นข้า (ของกิเลส) ไม่คิดลาสิกขา
 
    ครั้นจบการอบรม ตอนนั้นทางวัดยังไม่มีโครงการให้บวชต่อ ผมจึงขอลาไปเดินธุดงค์ จุดหมายแรกที่ผมมุ่งไป คือ ถ้ำสำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปพบนักปฏิบัติธรรมผู้เรืองนามในถ้ำ ในการเดินธุดงค์นั้น นอกจากวัดก็มีเพียงพื้นที่ของคนที่ตายแล้ว คือ สุสานป่าช้าเท่านั้น ที่ต้อนรับผมอย่างดี มีต้นไม้เป็นหลังคา มีผืนหญ้าเป็นเตียงนอน เพื่อให้ผมมีโอกาสซบกายหลับอย่างสบายใจ
 
    ผมได้พกเหรียญพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ติดตัวไปเป็นที่พึ่ง อธิษฐานกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯว่า ขอให้ได้ข้าวได้น้ำฉัน ก็ได้ดังใจปรารถนา เดินธุดงค์ 15วัน ก็ถึงถ้ำสำนักปฏิบัติธรรม เมื่อก้าวเข้าไป ได้พบนักปฏิบัติธรรมแต่งตัวคล้ายหลวงจีน ผมยาว ผิวเหลือง หน้าตาผ่องใสมาก
 
ผมถามท่านว่า "แต่ละวันทำอะไรบ้าง"
ท่านบอก “เดิน ยืน นั่ง นอน ฉันมีเรื่องที่จะทำเท่านี้แหละ ฉันฝึกปฏิบัติด้วยการเจริญ สติปัฏฐาน4_คือ กาย เวทนา จิต ธรรม ฝึกความไม่ยึดมั่นถือมั่น แล้วปล่อยวาง”
 
    จากนั้น ผมก็ธุดงค์ไปตามจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย แล้วกลับมาปฏิบัติธรรมในถ้ำใหญ่ที่วัดเขาบรรพต จังหวัดเลย ผมใช้หลัก หนึ่งน้อย หนึ่งมาก สามไม่ คือ ฉันน้อย ปฏิบัติมาก ไม่พูด ไม่นอน ไม่ออกจากถ้ำ ปฏิบัติธรรม 1เดือนเต็ม นั่งธรรมะเห็นพระในท้องนึกเปลี่ยนสีได้ ย่อขยายได้ตามใจปรารถนา ความสว่างกระจ่างใจจากแสงงาม ติดตาเย็นใจตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มีความสุขอุ่นรักพักใจได้ทั้งวัน
 
    ปฏิบัติไปมากๆ ผมกับพระเพื่อนจึงเริ่มหันมาใช้ IT (อิทธิปาฏิหาริย์) ทำแสงสว่างคล้ายๆไอหมอก หรือพยับแดด พุ่งออกจากตัวของกันและกัน มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เหมือนถูกห่อหุ้มเอิบอาบด้วยแสงสว่างนั้น ยิ่งถ้าใจจรดที่ศูนย์กลางนิ่ง แสงก็จะสว่างมาก บางครั้งก็แข่งกันว่า แสงของใครจะสว่างกว่ากัน เวลาเจอหน้าจะทักกันว่า “ท่านผ่องใสแล้วหนิ” คำว่า ผ่องใส ไม่ใช่ใบหน้า แต่ดูประกายแสงที่พุ่งออกมา นับเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด พิลึกพิลั่น น่าอัศจรรย์จริงเชียว
 
    อยู่ที่นี่ได้ 3เดือน จึงกลับจากเดินธุดงค์สู่บ้านเกิดที่ขอนแก่น แผ่นดินนี้ที่ผมรัก ในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2530_ผมปักกลดอยู่กลางป่าช้าท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมีเนื้อที่เกือบร้อยไร่ รกรุงรังไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ รอบๆเป็นทุ่งนา ผสมผสานเสน่ห์บรรยากาศของป่าช้าอันเงียบสงบ ร่มเย็น ได้อย่างลงตัว จึงตกหลุมรักบรรยากาศที่นี่
 
    ผมหมั่นเจริญมรณานุสสติ ฝึกนอนในโลงศพซึ่งเป็นที่ที่มีเสน่ห์และสีสันอีกมุมหนึ่ง และฝึกฉุดให้ใจหยุดครับ บางคืนก็ฝันว่า มีเงาดำๆมายกผมขึ้นจากโลงแล้วก็โยนไปโยนมา ผมรู้สึกเบาสบาย เหมือนนอนอยู่ในเปลที่มีคนแกว่ง ปักกลดอยู่หลายวัน ญาติโยมก็สร้างกระท่อมน้อยให้ ผมจึงเกิดความคิดทำป่าช้าร้างให้เป็นวัดรุ่ง
   
    ห่างจากวัดผมไปไม่ไกลนัก มีวัดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวงเทพเจ้าของพราหมณ์ ชาวบ้านได้เล่าขานถึงประวัติศาสตร์เก่าแก่ต่อกันมาว่า วัดนี้เคยมีไหประหลาดใบหนึ่ง เวลาฝนตกน้ำนอง ไหใบนี้จะกลิ้งไปเล่นน้ำที่ห้วยซึ่งอยู่ไกลถึง 3กิโลเมตร เล่นน้ำเสร็จก็จะกลิ้งกลับวัดเอง ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์
 
    พื้นที่ข้างวัดก็แปลกไม่แพ้กัน เพราะขุดทำสระน้ำลงไปเพียงเล็กน้อย ก็จะเจอน้ำไหลออกมาตลอดเวลา สามารถใช้ดื่มกินได้ตลอดปี ทั้งที่ขุดไม่ลึก ช่วงฤดูแล้ง ชาวบ้านขาดแคลนน้ำ ก็นำน้ำในแอ่งน้ำนี้ไปใช้ตลอดไม่รู้จักหมด นอกจากนี้ยังมีหินศิลาแลงเรียงซ้อนกันจำนวนมาก
 
    เมื่อผมได้ไปเยือนวัดแห่งนี้ สายตาพลันสะดุดเข้ากับหินสีดำก้อนหนึ่ง รูปร่างคล้ายเสมา ผมอยากได้ จึงเอ่ยปากขอลอยๆ แล้วนำหินก้อนนี้กลับมาที่วัด ใส่ไว้ในพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่กลางศาลาไม้ หลังจากนั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ที่ผิดธรรมชาติหลายอย่าง เช่น อากาศร้อนแห้งแล้งมาก มีฟ้าผ่ารอบวัดทุกด้านทั้ง 4ทิศ อยู่หลายครั้ง อีกทั้งเวลานั่งสมาธิ ผมจะเห็นนิมิต เป็นยักษ์ร่างใหญ่ สูงเท่าลำตาล ตาแดง ผมหยิก ถือกระบองใหญ่ อยู่บ่อยๆ ล่าสุด เห็นนิมิตว่า ผมนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ยักษ์ก็ปรากฏกายขึ้น เงื้อกระบองสุดแขน ซัดซ้ำลงมาที่กลางหลังของผมอย่างไม่ปรานีปราศรัย ผมปลิวลอยหนียักษ์ขึ้นฟ้า ยักษ์ก็เหาะตามขึ้นมา ในนิมิตผมหัวเราะเยาะเย้ยหยันที่ยักษ์ไม่อาจไล่ตามผมทันได้
 
    จากนั้น 7วัน เหตุการณ์สยองขวัญ จนผมไม่อาจลืมเลือนชั่วชีวิตก็เกิดขึ้น ณ ศาลาไม้หลังคาหญ้าที่สาธุชนราว 30ชีวิตรวมโยมแม่ของผมด้วย มาปฏิบัติธรรม วันนั้นเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ อย่างน่ากลัว พายุฝนซัดกระหน่ำลงมาราวกับบ้าคลั่ง จนศาลาโยกโอนเอน เสียงผู้คนอึงอลโหวกเหวก สาธุชนทั้งหมดพากันวิ่งหนีออกจากศาลา มุ่งหน้าไปยังหอฉันซึ่งเป็นเสาปูน หลังคาโครงไม้ มุงกระเบื้อง แต่ยังสร้างไม่เสร็จ ผมกับพระเพื่อนตะโกนห้ามสุดเสียงว่า "อย่าไป หอฉันยังสร้างไม่เสร็จ"
 
    แต่ไม่มีใครฟัง เพราะคิดว่า หอฉันน่าจะแข็งแรงกว่า ผมจึงวิ่งตามไป บอกให้ทุกคนกลับมา ทันใดนั้นเอง พายุใหญ่ก็ได้พัดกระหน่ำ หอฉันทั้งหลังก็พังโครมลงมาทับคนกว่า 30ชีวิต ส่วนผมหลบออกมาได้อย่างหวุดหวิด ชั่วพริบตาเดียวกัน ณ ศาลาไม้ ฟ้าได้ผ่าลงมาเปรี้ยงใหญ่ ลมแรงกล้าพัดปะทะพระพุทธรูป จนท่านเอนไป 45องศา พิงกับโครงไม้ไผ่ด้านหลัง แผ่นหินศิลาแลงอาถรรพ์ในพระพุทธรูปก็ได้หลุดร่วงออกมา พร้อมกับศาลาไม้พังครืน แต่หลังคาเป็นหญ้าจึงไม่เกิดความเสียหายใดๆ พายุทั้งหลายก็สงบลงทันที

    ที่หอฉัน ผมกับพระเพื่อนได้รีบเข้าช่วยคนเจ็บ ซึ่งส่วนใหญ่บาดเจ็บเล็กน้อย หัวแตกนิดหน่อย จนไปพบภาพสุดอเนจอนาถใจยิ่งนัก โยมคนหนึ่งถูกเสาหอฉันล้มลงมาทับกลางหลัง ไม่ใช่ใครที่ไหน โยมแม่ของผมเอง ผมกับพระเพื่อนรีบพยุงร่างโยมแม่ไปนอนในรถลากน้ำ ช่วยกันลากดึงไปโรงพยาบาล ถนนดินปนทรายเมื่อเจอฝนก็เฉอะแฉะ ลากรถลำบากมาก ค่อยๆกระดืบคืนคลานทีละนิด ระยะทางแค่ 2กิโลเมตร แต่ในยามนั้นเหมือนเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร
 
    ตลอดทางผมได้เทศน์โปรดโยมแม่ ให้นึกถึงบุญ นึกว่าเป็นวิบากกรรม ความตายเป็นเรื่องธรรมดา โยมแม่มีสติรับรู้สิ่งที่ผมเทศน์โปรด ใบหน้าผ่องใส มีรอยยิ้มอิ่มเอิบ ไม่แสดงอาการเจ็บปวดเลย โยมแม่มีเลือดตกใน เสียงหัวใจของโยมแม่ยังคงดังให้ได้ยิน แต่ทว่า...เสียงนั้นดูจะค่อยๆเบาลงทุกที ทั้งๆที่ผมภาวนาให้เสียงหัวใจดวงนี้ดังกังวานต่อไป
 
    หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปาฏิหาริย์จะได้เกิดกับโยมแม่ แต่ทว่ารักษาตัวอยู่ได้ 3วัน ท่านก็ได้อำลาโลกนี้ไปด้วยอาการสงบ นับว่าเป็นคลื่นลมของความสูญเสียผู้เป็นที่รัก ภาพเสาหอฉันที่ล้มทับกลางหลังโยมแม่ ทั้งทิศทางและตำแหน่ง ช่างเหมือนกับภาพกระบองที่ยักษ์หวดเข้ากลางหลังของผมในนิมิต ไม่ผิดแม้องศาเดียว ผมจึงเซ็นสัญญาสงบศึกกับยักษ์ด้วยการรีบนำหินไปคืนที่เดิม คิดว่าต่อไปนี้จะได้ไม่เป็นดั่งเช่นวันวาน หลังจากนั้นก็ไม่เกิดเหตุร้ายใดๆอีกเลย

    ยังมีเรื่องราวการค้นพบ ชวนพิศวงของพระเพื่อนอีกรูปหนึ่ง ที่เป็นเจ้าอาวาสวัดใกล้เคียงในหมู่บ้านมา 15พรรษาแล้ว คืนวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2549_ท่านฝันเห็นคนมาบอกว่า มีต้นตะเคียนอยากขึ้นจากลำห้วยที่อยู่ท้ายวัด ที่ไหประหลาดเคยกลิ้งมาเล่นน้ำ เพราะน้ำในห้วยส่งกลิ่นไม่ดี เหม็นขี้หมู หกวันต่อมา ท่านจึงใช้รถแม็คโครขุดค้นหาในลำห้วย ปรากฏว่าพบต้นตะเคียนถึง 3ต้น ขนาดใหญ่ไล่เลี่ยกัน ต้นใหญ่สุดฐานกว้าง 4.90เมตร ยาว 5.65เมตร
 
    ที่แปลกมาก คือ เมื่อถ่ายภาพออกมา จะเห็นเป็นรูปคน ต้นเล็กเป็นรูปหญิงสาวอายุราว 19ปี ต้นใหญ่สุดเป็นรูปชายสูงอายุ ชาวบ้านเรียกว่าปู่ ย่า และ ลูก ภาพถ่ายที่รากจะมีรูปร่างคล้ายหน้าคน อีกภาพหนึ่งใบหน้าคล้ายผีกำลังสูบบุหรี่ ต้นไม้ทั้งสามให้โชคลาภด้วย ชาวบ้านที่นับถือเคยนำแป้งฝุ่นไปลูบทาตามลำต้นหาตัวเลข ปรากฏว่าถูกหวยเป็นหมื่น ส่วนคนที่ไม่เชื่อแล้วลบหลู่ จะมีเหตุเภทภัยต่างๆ เช่น เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดด้วยความคะนองปากว่า “เอาไปเผาถ่านคงดีเนาะ” หลังจากที่พูด ก็ขี่มอเตอร์ไซด์ ไปเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ปากเจ่อ

คำถาม

1.เหตุใด เหรียญพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ จึงบันดาลข้าวน้ำให้ผมได้สมปรารถนา ตลอดช่วงธุดงค์ไปถ้ำสำนักปฏิบัติธรรม ที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ

2.พระที่ท่านอยู่ในถ้ำสำนักปฏิบัติธรรม ภาวนาด้วยการเจริญสติปัฏฐาน4 ที่สุดของการปฏิบัติธรรมด้วยวิธีนี้ของท่าน จะได้พบตัวตนที่แท้จริงภายในตัว คือ พระธรรมกายหรือไม่ ท่านมีความคิดอย่างไรจึงมาบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำแห่งนี้ครับ

3.เหตุใด เมื่อผมจรดใจที่กลางกาย จึงเกิดแสงสว่างพุ่งออกมาจากตัวได้ เหตุใดคนทั่วไปที่ปฏิบัติเช่นนี้ จึงไม่มีแสงพุ่งออกมาบ้าง เวลานอนในโลงศพ เงาดำที่มายกผมโยนไปมาคืออะไรครับ

4.เรื่องที่ชาวบ้านเล่าว่า เห็นไหกลิ้งลงมาเล่นน้ำในห้วย และแอ่งที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลามีจริงหรือไม่ ถ้าจริงมันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ

5.สถานที่ที่ผมไปเอาหินศิลาสีดำมา มียักษ์ดูแลโบราณวัตถุอยู่ จริงหรือไม่ ถ้ามีจริง เขาตามมาทวงหินศิลาแลงคืนใช่หรือไม่ การที่ผมไปนำของรักของหวงของยักษ์มา ถือว่าผิดศีลข้อ2_หรือไม่ โบราณวัตถุเหล่านั้นเกิดขึ้นในสมัยใด และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างไรครับ

6.ยักษ์เป็นผู้ทำให้เสาล้มทับร่างโยมแม่ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ ยักษ์จะต้องได้รับผลกรรมหรือไม่อย่างไร เสาที่ล้มทับโยมแม่ เกี่ยวข้องอะไรกับนิมิตกระบองยักษ์ที่ตีกลางหลังของผมครับ

7.กรรมใด ทำให้โยมแม่ต้องมาตายในสภาพเช่นนี้ ถ้าผมไม่หยิบหินศิลามา จะช่วยให้โยมแม่รอดตายหรือไม่ โยมแม่ก่อนเสียชีวิตมีคตินิมิตเป็นอย่างไร ตายแล้วไปอยู่ภพภูมิใดครับ

8.ต้นไม้ 3ต้นดังกล่าวในลำห้วย เป็นต้นตะเคียนใช่หรือไม่ มีสิ่งเร้นลับอะไรที่อยู่ในต้นไม้ ทำไมจึงไปเข้าฝันพระเพื่อน และใครไปเข้าฝัน ภาพที่ถ่ายออกมาเป็น ปู่ ย่า ลูก จริงหรือไม่ ทำไมตัวเลขออกมาจากต้นไม้ได้ และพอมีใครไปลบหลู่ก็เกิดเหตุเภทภัยครับ

9.โยมพ่อเคยบวชอยู่ 5พรรษา บั้นปลายชีวิตท่านล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งทางเดินน้ำดีจนเสียชีวิต กรรมใดทำให้โยมพ่อเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งทางเดินน้ำดี ท่านมีคตินิมิตเป็นอย่างไร ตายแล้วไปไหนครับ

10.เหตุใดผมชอบปลีกวิเวก ชอบเดินธุดงค์ ชอบอยู่ตามป่าช้า นั่งในถ้ำ นอนในโลงศพ สร้างวัดที่ป่าช้าครับ

11.ทำไม ผมจึงไม่ได้สร้างบารมีร่วมกับหมู่คณะ แต่พอจาริกไปที่ไหนกลับเจอกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกายบ่อยๆครับ

12.พุทธันดรที่แล้ว ผมชอบปลีกวิเวกแบบชาตินี้หรือไม่ ผลการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างไร มีผังการบวชหนาแน่นหรือไม่ เหตุเริ่มต้นที่ทำให้บางคนชอบสร้างบารมีคนเดียว หรือ บางคนชอบสร้างบารมีเป็นหมู่คณะ คือ อะไรครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.ตลอดช่วงที่ลูกได้เดินทางธุดงค์ไปที่ถ้ำสำนักปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีอาหารบริบูรณ์ตลอดทางนั้น เพราะใจที่ผูกพันกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ทำให้บารมีธรรมของท่านมารวมกับทานบารมีของเราที่เคยทำไว้ มาส่งผล


2.ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถ้ำสำนักปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาวนาด้วยการเจริญสติปัฏฐาน4_นั้น ถ้าเอาใจมาตั้งไว้ที่ฐานที่7_ก็จะเจอพระธรรมกาย เมื่อใจหยุดนิ่ง
 
แต่ถ้าไม่นำสติมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7 และไม่หยุดนิ่งสนิทก็ไม่เจอ
 
ท่านมาบำเพ็ญเพียรในถ้ำแห่งนี้ ก็เพราะเป็นสถานที่วิเวกเหมาะต่อการบำเพ็ญภาวนา และท่านต้องการบรรลุธรรมด้วย

 

 
3.ตามที่ลูกบอกว่า เมื่อจรดใจไว้กลางกายแล้ว เกิดมีแสงสว่างพุ่งออกมาจากตัวได้นั้น ก็เพราะลูกและพระเพื่อนต่างก็มีใจละเอียดใกล้เคียงกัน เมื่ออธิษฐานจิต อธิษฐานฤทธิ์ก็เกิดขึ้นได้ แต่จะเห็นได้ก็ต่อเมื่อใจละเอียดใกล้เคียงกันดังกล่าว ถ้าใจไม่ละเอียดใกล้เคียงกันก็ไม่อาจเห็นกันได้
 
เวลานอนในโลงศพ เหมือนมีเงาดำ มายกตัวโยนไปมานั้น ก็เป็นเพราะอากาศในโลงศพมันมีน้อย จึงทำให้ธาตุวิปริตให้รู้สึกเป็นเช่นนั้น แต่ความจริงไม่มีใครมาจับยกโยกไปมา ตอนนี้ก็ทดลองวอร์มๆเอาไว้ก่อน สักวันหนึ่งก็จะได้นอนในโลงศพจริงๆ ก็ดีเหมือนกัน เป็นการเจริญมรณานุสสติ เหมาะสำหรับคนคิดถึงความตายไม่ค่อยออก หรืออยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรดี ก็ไปทำอย่างนั้น จะได้มีสติดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท
 
 
4.ตามที่ชาวบ้านได้เล่าให้ฟังว่า เห็นไหกลิ้งมาเล่นน้ำในห้วย และแอ่งน้ำที่มีน้ำไหลออกมาตลอดเวลานั้น ก็เป็นเรื่องเล่าลือต่อกันมาเป็นตำนานอย่าเอาเป็นจริงเป็นจังเลย มันไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ดับทุกข์ก็ไม่ได้ แถมจะปนความหลงไปด้วย
 
 
5.สถานที่ที่ลูกไปเอาหินศิลาสีดำมานั้น ก็มียักษ์เฝ้าโบราณวัตถุอยู่จริง ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นวิหารทำพิธีบวงสรวงของพวกพราหมณ์
 
เขามาตามเอาหินศิลาสีดำคืนจริงๆ
 
การที่ลูกไปนำหินศิลาสีดำมา ก็ไม่ได้ถือว่าผิดศีลข้อ2 เพราะคิดว่าเป็นหินที่อยู่ตาม
ธรรมชาติ และไม่รู้ว่ามีใครเขาหวงเอาไว้
 
โบราณวัตถุนั้น เกิดในยุคในสมัยวัฒนธรรมของขอม ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ ได้แผ่อิทธิพลมาตรงนี้
 
 
6.ที่เสาล้มทับโยมแม่นั้น ก็เกิดจากภัยธรรมชาติที่มาประจวบเหมาะกับกรรมของโยมแม่ และอยู่ในช่วงที่ยักษ์ต้องการของคืน ทำให้ตัวลูกมาเชื่อมให้เป็นเหตุการณ์เดียวกันว่าเกิดจากยักษ์
 
ไม่เกี่ยวกับนิมิตที่ตัวลูกเห็นว่า ยักษ์เอากระบองมาตีกลางหลัง แต่บังเอิญมาพ้องกันพอดีกับนิมิตของตัวลูก
 
 
7.โยมแม่ต้องมาตายในสภาพเช่นนี้ เพราะกรรมในอดีตชาติหนึ่ง ท่านอยู่ในหมู่บ้านที่มีงูชุกชุมมาก จึงทำให้ท่านเอาไม้ไปตีงูจนมันหลังหัก แล้วจึงตีมันจนตาย ทำอย่างนี้อยู่บ่อยๆ มารวมส่งผล แม้ตัวลูกจะไม่หยิบหินศิลาสีดำมา โยมแม่ก็ต้องตาย ด้วยวิบากกรรมดังกล่าว
 
 
ตายแล้วด้วยคตินิมิตใสสว่าง ได้หลับแล้วตื่นขึ้นกลางวิมานทองของชั้นดาวดึงส์ เฟส3_ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนา ไปเป็นเทพธิดาสุดสวย
 
 
8.ต้นไม้ 3ต้นดังกล่าวในห้วย ก็เป็นต้นตะเคียนที่มีเทวดาสายคนธรรพ์สิงอยู่
 
เขาอยากจะย้ายสถานที่อยู่จากลำห้วยขึ้นมาบนบก จึงไปเข้าฝันพระเพื่อน เพราะคิดว่าพระเพื่อนช่วยได้
 
ภาพที่ถ่ายออกมาเป็นกายละเอียดของคนธรรพ์ ที่สิงอยู่ในซากต้นตะเคียนนี้ เป็นพ่อ แม่ ลูก กัน
 
ตัวเลขที่ออกมาจากต้นตะเคียนนั้น ก็เป็นเรื่องของความหลงของพวกคลั่งหวยที่เห็นกันไปอย่างนั้น ซึ่งบางคนที่มีบุญแบบลาภลอยอยู่บ้าง ก็ถูกเพราะตาลายเห็นไปอย่างนั้นบ้าง ตีเลขไปเองบ้าง แต่ก็ไม่ถูกทุกครั้งและทุกคน ถูกครั้งเดียวพูดไปหลายครั้ง
 
และที่มีใครไปลบหลู่แล้วเกิดเหตุเภทภัย ก็เป็นเรื่องของปากเสียเป็นวจีกรรม ที่มาพ้องกันพอดี ก็เลยเชื่อมโยงกัน ทั้งๆที่คนธรรพ์ในต้นไม้ก็ไม่ได้ทำอะไร
 
 
ให้ตัวลูกแนะนำพระเพื่อน ให้อัญเชิญต้นตะเคียนนี้เอาไปไว้ในป่าไหนก็ได้ จะได้ไม่เป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความหลงงมงาย
 
 
9.โยมพ่อเคยบวชอยู่ 5พรรษา บั้นปลายชีวิตป่วยด้วยโรคมะเร็งทางเดินน้ำดี จนเสียชีวิต เพราะกรรมในอดีตได้ฆ่าสัตว์ทำอาหาร และเป็นคนเก็บความโกรธ ความแค้น เอาไว้ในใจ ทำให้ใจหงุดหงิด มารวมส่งผล
 
ตายแล้วก็ไปเป็นอากาสเทวา มีวิมานทองขนาดปานกลาง ด้วยบุญที่ทำไว้ในพระพุทธศาสนาในทุกบุญ
 
 
10.ที่ลูกชอบปลีกวิเวก ชอบเดินธุดงค์ ชอบอยู่ในป่าช้า นั่งในถ้ำ นอนในโลงศพ สร้างวัดที่ป่าช้า เพราะเป็นอัธยาศัยข้ามชาติมาตอนเป็นนักบวช ชอบเดินธุดงค์และปลีกวิเวกอย่างนี้มาหลายชาติแล้ว เพราะเป็นอิสระดี ทำแล้วสบายใจ
 
 
11.ลูกไม่ได้สร้างบารมีกับหมู่คณะแต่จาริกไปที่ใดก็เจอกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกายบ่อยๆ เพราะเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมา จึงทำให้มีสายบุญกับหมู่คณะ ทำให้เจอกัลยาณมิตรของวัดพระธรรมกายบ่อยๆ แต่อัธยาศัยชอบปลีกวิเวก ชอบความเป็นอิสระ ก็เลยไม่ได้อยู่กับหมู่คณะที่ต้องทำงานเป็นทีม
 
 
12.พุทธันดรที่ผ่านมา  ตัวลูกเป็นกุลบุตร ได้มาทำบุญกับหมู่คณะแล้วเกิดกุศลศรัทธาได้มาบวชอยู่กับหมู่คณะ ในช่วงที่หมู่คณะมีพระ-เณรในอารามมาก จึงทำให้อยากอยู่วิเวกไม่อยากคลุกคลีด้วยหมู่คณะ จึงได้ออกเดินธุดงค์เหมือนปัจจุบัน
 
มีผลการปฏิบัติธรรม ได้เข้าถึงองค์พระใสๆ ประคองตัวกลับดุสิตบุรี วงบุญพิเศษได้
 
 
มีผังการบวชหนาแน่นตลอดชีวิต มีสายบุญกับหมู่คณะ แม้ว่าชาตินี้จะไม่ได้อยู่กับหมู่คณะก็ตาม ก็ให้ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมและอย่าขาดการสร้างบุญกับหมู่คณะ จะได้มีสายบุญที่จะเชื่อมถึงกันและกลับดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตใน
 
 
เหตุที่บางคนชอบสร้างบารมีคนเดียว เพราะอยากเข้านิพพานไวๆ ไม่อยากคลุกคลีกับหมู่คณะ บางทีก็กระทบกระทั่งกับบางคนในหมู่คณะ เป็นต้น
 
ส่วนที่สร้างเป็นทีม ก็เพราะเป็นคนมีมหาเมตตากรุณา ใจกว้างปรารถนาใหญ่ ที่จะพาคนอื่นๆไปด้วย และเป็นคนอดทนต่อการกระทบกระทั่งแม้จะไปถึงเป้าหมายช้า แต่ก็ประคับประคองกันไป
 
 
ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม