จริงหรือไม่ที่ยาเสพติดช่วยให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานได้ดี


[ 22 มิ.ย. 2555 ] - [ 18276 ] LINE it!

ข้อคิดรอบตัว
 
 
ศิลปินกับยาเสพติด 
 
        ผลของยาเสพติดนั้นก่อให้เกิดปัญหาขึ้นต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคมต่างๆ ที่รุนแรงตามมาทีหลัง เราคงเคยได้ยินข่าวว่ามีศิลปินใช้ยาเสพติด จนทำให้เกิดโทษภัยต่างๆ ทั้งในเรื่องส่วนตัว ครอบครัว หน้าที่การงาน หรือแม้กระทั่งบางคนก็ถึงแก่ชีวิต
 

มีมุมมองเรื่องศิลปินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างไรบ้าง?

 
        โดยธรรมชาติของศิลปินนั้นเป็นกลุ่มคนที่มีอารมณ์ศิลป์ เราต้องรู้ดีว่าธรรมชาติของคนแต่ละอาชีพแต่ละกลุ่มนั้นมีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร ถ้ามองในแง่ศิลปินถามว่าความเสี่ยงของชีวิตคืออะไร ต้องบอกว่าศีลข้อ 3 ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะปกติพวกเขาจะเป็นคนค่อนข้างอารมณ์อ่อนไหวอยู่แล้ว เมื่อประสบความสำเร็จขึ้นมา ไปทางไหนกลายเป็นขวัญใจประชาชน และมีความคาดหวังสูง แต่ในแง่เจ้าตัวจริงๆ เขามีความรู้สึกว่าตัวเองก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไป บางครั้งก็เกิดการกดดัน เกรงว่าตัวเองจะพลาดพลั้งไปทำอะไรไม่ดีหรือไม่เหมาะสม แล้วกลัวว่าความนิยมจะลดลง บางคนก็แก้ปัญหาได้ถูกต้องโดยฝึกตัวเองไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เป็นศิลปินอมตะมีชื่อเสียงยาวนาน แต่บางคนที่แก้ไม่ถูกทาง ไปใช้ยาเสพติดมาช่วยก็จะกลายเป็นลักษณะดาวตก
 
        ฉะนั้นคนที่อยู่บนเส้นทางศิลปินควรจะทราบไว้ว่า อาชีพนี้มันมีความเสี่ยงอยู่ แต่จะถูกกดดันอย่างไรก็ตาม ต้องหาวิธีการปรับแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ควรใช้ยาเสพติดในการแก้ปัญหา เพราะจะเป็นสิ่งทำลายตัวเราเองมากกว่า
 

จริงหรือไม่ที่ยาเสพติดช่วยให้ศิลปินสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดี?

 
        เราจะเห็นว่ามีศิลปินบางคนอ้างว่า พอเสพยาแล้วทำให้อารมณ์บรรเจิด และสามารถรังสรรค์ผลงานได้ดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ต้องบอกว่าตอนที่กำลังเสพยานั้น สติสัมปชัญชะไม่ค่อยครบเท่าไหร่ คือสติไม่สมประกอบนั่นเอง เบลอๆ ลอยๆ เพ้อๆ แล้วอย่างนี้เราจะสามารถรังสรรค์ผลงานออกมาให้ดีได้อย่างไร ถ้าเราเองไปชมผลงานของศิลปินที่ติดยา เราเองก็อาจจะตามๆ เขาไปด้วยได้
 
        ฉะนั้นอะไรก็ตามที่เป็นการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาจากยานั้นมักจะไม่ยั่งยืน และอาจเป็นโทษต่อผู้ที่ไปชื่นชมมันด้วย เพราะอารมณ์ตอนนั้นคืออารมณ์ที่สติไม่ได้อยู่กับตัว ใครไปชอบเข้าก็จะชักจูงไปในอายตนะเดียวกัน เราจะเห็นว่า ค่ายเพลงต่างๆ นั้นเขาจะถือมากเลย ถ้าศิลปินคนไหนติดยาก็จะถูกตัดชื่อออกจากค่ายทันที ส่วนหนึ่งเพื่อรักษาภาพลักษณ์ว่าค่ายนี้ไม่สนับสนุนให้ศิลปินที่เป็นขวัญใจวัยรุ่นนั้นติดยา เป็นการรักษาภาพลักษณ์ตัวเอง แต่อีกส่วนหนึ่งเพราะรู้ว่าถ้าศิลปินติดยาแล้วสร้างสรรค์ผลงานออกมาสุดท้ายแล้วมันไม่ยั่งยืน และจะเกิดผลเสียตามมา เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นศิลปินก็ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเด็ดขาด และเราก็ไม่ควรสนับสนุนผลงานของผู้ที่ติดยา เว้นแต่เขาจะกลับตัวกลับใจเลิกได้เด็ดขาดแล้ว
 
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะมีวิบากกรรมอย่างไรบ้าง?
 
        ทั้งผู้เสพและผู้ขาย วิบากกรรมคือ จะตกมหานรกขุม 5 ขุมเดียวกับพวกสุรานั้นเลย และจะเจอกรรมการลงโทษที่ยาวนาวมาก จากยาเสพติดแต่ละชนิด แล้วแต่ว่าจะใช้ชนิดไหนก็แยกประเภทกันไป ซึ่งน่ากลัวมากๆ อย่าไปยุ่งเด็ดขาด ต่อให้พ้นจากมหานรกแล้ว ก็ยังต้องมาตกอยู่ในอุสสทนรกเป็นขุมบริวารอีก พ้นจากนั้นแล้วก็ยังต้องมาตกอยู่ในขุมยมโลกอีกนานเหมือนกัน แล้วก็ไปเป็นเปรต อสุรกาย และกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน กว่าจะเป็นมนุษย์อีกครั้งก็ยากแสนยาก เมื่อเป็นมนุษย์แล้ววิบากกรรมที่ตามมาคือ ทำให้เป็นคนใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน สติปัญญาไม่ค่อยดี มีผลมากมายเลย คนไหนเป็นคนคอยสนับสนุนเขาก็จะมีญาติพี่น้องคนใกล้ชิดเป็นคนใบ้ บ้า ปัญญาอ่อน ที่เราต้องคอยดูแล ฯลฯ
 
        ฉะนั้นวิบากกรรมมันหนักมาก ขนาดเศษวิบากกรรมก็แค่เป็นคนปัญญาอ่อนนั้นก็แย่แล้ว ตอนตกนรกเป็นเปรต อสุรกายนั้นหนักกว่านี้มาก เพราะฉะนั้นอย่าเด็ดขาดไม่คุ้มกันเลย คนที่ติดยานั้นเช่น ศิลปินมีแรงกดดันมาก ต้องการคลายเครียดด้วยการเสพยา เหมือนคนที่เป็นแผลแล้วไม่ยอมรักษา แต่เอาผ้าพันแผลมาปิดบังเอาไว้ไม่ให้คนเห็น แล้วออกไปโชว์ตัวอย่างสวยงามแต่ข้างในมันเน่า มันกินเนื้อในอยู่ พอกร่อนเข้ากระดูกเดี๋ยวก็ตาย
 
        ฉะนั้นจริงๆ แล้ว ก็ต้องแก้ที่ต้นเหตุ พอเอายาเสพติดมาแก้ก็เหมือนเห็นไฟลุกอยู่แล้วเอาฟางมาดับไฟ แล้วไฟก็ลุกกว่าเดิม เผาไหม้จนเจ้าตัวเสียชีวิตไปด้วย จึงควรต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือแก้ที่แหล่งไฟจริง เช่น ถ้าเครียดก็ควรหลับตาทำสมาธิ อย่าง คุณโน้ต อุดม แต้พานิชย์ นี้เป็นตัวอย่างที่ดีมากในการแก้ปัญหา ในการขึ้นโชว์แต่ละครั้งนั้นแรงกดดันสูงมากเลย บทสคริปส์ยาวมากเพราะโชว์เดี่ยวแต่ละครั้งนั้นใช้เวลานาน ถ้าใช้คำผิดพลาดนิดหน่อยก็เกิดปัญหาได้ คนก็ไม่ขำ แต่เขาก็ทำได้เพราะทำสมาธิ ก่อนจะขึ้นโชว์เดี่ยวไมโครโฟนนั้นต้องไปเก็บตัวนั่งสมาธิให้ใจนิ่งใสสว่างก่อน แล้วจะทำให้จำบทได้อย่างต่อเนื่องง่ายดาย หลังไหลพรั่งพรูออกมาเป็นเรื่องราวไปเอง อย่างนี้จะเป็นอมตะและยั่งยืน
 
ที่มาของยาเสพติดนั้นมีความเป็นมาอย่างไร?
 
        ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เสพแล้วมันติด คือพอเสพเข้าไปแล้วจะมีกระบวนการทำให้ร่างกายต้องการฤทธิ์ยานั้นเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ พอเลิกเสพมันจะเกิดอาการที่เรียกว่า ลงแดง คือ ทุรนทุราย กระสับกระส่าย เหงื่อออก หงุดหงิด ใจสั่น บางทีเลิกกะทันหันแล้วตายก็มีถ้าเลิกไม่ถูกวิธี
 
        แหล่งกำเนิดของยาเสพติดจริงๆ เท่าที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้จะอยู่แถวๆ เมโสโปเตเมีย คืออยู่ในย่านตะวันออกกลางในปัจจุบัน รวมถึงอิหร่าน โครเอเชียแถบนั้นด้วย เจอหลักฐานว่ามียาเสพติดในแถวนั้นราวๆ สัก 7 พันปีมาแล้ว ซึ่งในอินเดียก็มีพวกฝิ่นมาหลายพันปีแล้วเหมือนกัน ซึ่งแต่ก่อนนั้นมาจากธรรมชาติ เช่น กระท่อม กัญชา แต่ภายหลังมาเมื่อวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้นก็สามารถสร้างเป็นยาขึ้นมาได้ แต่ก็มีประเภทคิดพิเรนท์ได้เหมือนกัน คือไปสังเคราะห์เป็นยาเสพติดขึ้นมาได้ พอเสพแล้วติดก็มีคนคิดอยากทำขึ้นเรื่อยๆ เพราะขายได้ราคาดี
 
        อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ยาเสพติดระบาดมากนั้นก็มาจากมหาอำนาจทางตะวันตกด้วย พอตะวันตกไปค้าขายกับจีนปรากฏว่าคนจีนนั้นค้าขายเก่ง ทั้งที่เทคโนโลยีทางตะวันตกนั้นก้าวหน้ากว่ามาก แต่พอผลิตสินค้าไปขายคนจีนซื้อนิดเดียว แต่คนจีนขายของมาก ปรากฏว่าอังกฤษขาดดุลการค้ากับจีน ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้ เพราะคนจีนประหยัด ซื้อเฉพาะของจำเป็นเท่านั้น แต่ขายของให้มาก เมื่ออังกฤษเจอปัญหาอย่างนี้ก็เลยไปพบทางแก้ไขคือเอาฝิ่นไปขาย เอาฝิ่นจากอินเดีย พม่า ขนไปขายที่เมืองจีน ให้คนจีนติดฝิ่น พอติดฝิ่นแล้วเคยประหยัดอย่างไรก็ยั้งไม่อยู่แล้ว ต้องการเสพมากขึ้นๆ เป็นเหตุให้อังกฤษมีเงินไหลมาเทมามหาศาล
 
        พอชาวจีนเห็นโทษเห็นภัย ประมาณสมัย ร.3 ของเรา เมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว ก็เลยพยายามเลิกการค้าฝิ่น และห้ามการค้าฝิ่น ฝ่ายอังกฤษก็สั่งห้ามเลิก ส่งผลให้เกิดสงครามฝิ่น ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ประเทศมหาอำนาจไปบีบบังคับให้เขาค้าขายฝิ่น ในยุคนั้นเรื่องจริยธรรมอย่างนี้คนยังไม่ได้คิดขนาดนี้ รบกันไปมาส่งผลให้จีนแพ้สงคราม เลยต้องยกฮ่องกงให้อังกฤษ เป็นเขตเช่าของอังกฤษอยู่ 150 ปี เพิ่งได้คืนมาเมื่อปี 2540 นี่เอง
 
ยาเสพติดแต่ละชนิด
ยาเสพติดแต่ละชนิด
 
        พอคนจีนเข้าไทย ก็เอาฝิ่นมาระบาดในไทยด้วย ซึ่งช่วงแรกก็เป็นรายได้เข้าประเทศทำการขายฝิ่นได้ถูกต้อง เป็นรายได้ที่สูงมากเลย แต่ต่อมาเห็นว่ามีโทษมากก็เลยไม่เอา ร.5 ท่านจึงพยายามค่อยๆ ให้เลิกอย่างนิ่มนวล คล้ายๆ เลิกทาสนั่นแหละ คนเสพฝิ่นก็ค่อยๆ น้อยลงๆ มาเริ่มขจัดปัญหาเรื่องฝิ่นออกไปจากสังคมอย่างจริงจังในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ท่านประกาศคณะปฏิวัติให้เลิกการค้าฝิ่น แต่ท่านรู้ว่าคนกำลังติดจะให้เลิกกะทันหันนั้นไม่ได้ ก็ให้ขึ้นทะเบียนก่อนสำหรับคนที่ติดฝิ่น แล้วอนุญาตให้ซื้อต่อได้ แต่คนที่ไม่ติดฝิ่นไม่ได้ขึ้นทะเบียนนั้นห้ามซื้อขาย เริ่มจำกัดขอบเขต ค่อยๆ บีบ สุดท้ายก็ให้เลิกเด็ดขาดเป็นขั้นเป็นตอน ฝิ่นก็เลยลดไปจากสังคมไทยไปมาก ยังไม่หมดแต่เริ่มแปรรูปไปเป็นอย่างอื่นแทน เช่น พัฒนาเป็นเฮโรอีน ยาม้า ยาบ้า ยาไอซ์ เยอะแยะไปหมด ซึ่งปัจจุบันถ้าจะแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ แล้วจะมีประเภทที่ว่า เป็นยาเสพติดแบบกดประสาท เช่น ฝิ่น มอร์ฟีน พอเสพเข้าไปแล้วก็มึนๆ เมาๆ กดประสาทไป ทำให้เบลอแล้วหายจากความเครียดตรงนั้น ก็อยู่ในโลกแห่งจินตนาการในช่วงที่ยาออกฤทธิ์ มันจะกระตุ้นประสาท และกัดกร่อนภายในสุดท้ายก็จะแย่ เห็นภาพหลอน ลวง สารพัด เกิดอาการประสาทหลอนขึ้นมา เพราะฉะนั้นพูดง่ายๆ คือ กี่ชนิดก็ไม่ดีทั้งนั้นเลย ดังนั้นดีที่สุดคือ อย่าไปยุ่งเลยดีที่สุด
 
        มีประสบการณ์จริงของคนติดยาแล้วต้องเสียอนาคตไปที่อยู่ใกล้ตัวเรา ในสมัยอยู่ชั้นประถมรุ่นพี่คนนี้เป็นคนเรียนเก่งมาก ได้ที่ 1 ทุกเทอม เป็นที่ 1 ของจังหวัดเลย พอจบมัธยมปลายก็มาสอบเข้าโรงเรียนสวนกุหลาบได้ ตอนเรียนปีแรกก็ดีอยู่ พอขึ้นปีสองก็ติดยาเท่านั้นเองอนาคตดับวูบเลย ใครๆ ก็ไม่อยากพูดถึงอีก เพราะประวัติมันเสียไปแล้ว ติดยาตัวเดียวนี้ทำให้เสียอนาคตได้เลย เช่นคำที่เขาเขียนเอาไว้ว่า “หลงทางเสียเวลา ถ้าหลงติดยาก็เสียอนาคตเลย” เป็นอย่างนั้นจริงๆ
 
        ฉะนั้นไม่เฉพาะศิลปินหรอก แต่ทุกแวดวง ทุกสาขาอาชีพ อย่าไปยุ่งกับยาเสพติดเด็ดขาด อย่าลองเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้ลองไม่ได้ ยาบางชนิดนั้นครั้งเดียวก็ติดได้ ขนาดเป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดมือดี ถูกผู้ร้ายจับตัวได้เขาล็อคตัวไว้ไม่ให้ดิ้น แล้วเอายาเสพติดฉีดเข้าเส้นครั้งเดียวเท่านั้นเอง วันต่อมาครั้งที่ 2 นั้นไม่ต้องจับตัวล็อคไว้อีกแล้ว ยื่นแขนให้เลย เพราะแค่ครั้งเดียวนั้นก็ติดแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามเอง รู้โทษภัยทุกอย่างดี เพราะฉะนั้นยาเสพติดนี้ลองไม่ได้ ห้ามเสี่ยง ห้ามยุ่งเด็ดขาด อันตรายมากๆ จะดับอนาคตเราเองทั้งหมดเลยทั้งชาตินี้และจะพาเราไปสู่อบายด้วย ดังนั้นทุกวงการต้องห่างไกลจากยาเสพติด แล้วแก้ปัญหาให้ถูกวิธี โดยแก้ที่ต้นเหตุคือแก้ที่ใจของเราเอง
 
วิธีการปฏิเสธอย่างไรเมื่อมีคนมาชวนเสพยา และถ้าติดแล้วจะแก้ไขอย่างไร และทำอย่างไรให้ชีวิตมีความสุขโดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด?
 
        ถ้ามีคนมาชวนเราเสพยา ประการแรกเลยเราควรปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แล้วให้หลีกห่างจากคนนั้นเลย แต่ถ้าเราเคยติดยามาก่อนแล้วอยากเลิก ก็ต้องไปเข้ารับการบำบัดให้หายขาดเลย แล้วเปลี่ยนสถานที่และสิ่งแวดล้อม พ่อแม่ผู้ปกครองต้องร่วมมือด้วย เปลี่ยนกลุ่มเพื่อนกลุ่มคนใหม่ แล้วตั้งใจทำความดีให้มากจะได้เป็นภูมิคุ้มกันตัวเราเองให้เข้มแข็งขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมละครจึงมีอิทธิพลจนเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้ทำไมละครจึงมีอิทธิพลจนเกิดพฤติกรรมการเลียนแบบได้

ทำไมจึงมีสถิติการหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทำไมจึงมีสถิติการหย่าร้างเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

วิธีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติวิธีการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว