วัดป่าเลไลยก์
วัดป่าเลไลย์วัดไทย ในจังหวัดสุพรรณบุรีเมืองสุพรรณแดนรุ่งเรืองเฟื่องศาสตร์ศิลป์ เป็นแผ่นดินพุทธธรรมนามไสวแหล่งประวัติทวารวดีศรีชาติไทย สืบค้นไกลย้อนหลังครั้งก่อนกาลเป็นศูนย์กลางสุวรรณภูมิลุ่มแม่น้ำ แสนเลิศล้ำคลังความรู้คู่สถานถิ่นกำเนิดตำนานเล่าเคล้านิทาน เรื่องโบราณขุนช้างขุนแผนแฟนติดตรึม
วัดป่าเลไลยก์วัดป่าเลไลยก์ เป็นวัดโบราณเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1900 มีอายุถึงปัจจุบันราว 650 ปีเศษ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จ.สุพรรณบุรี เดิมเรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่าวัดยานมะขวิด ประกอบกับบริเวณนี้เป็นป่านอกเมืองที่มีต้นไม้หนาแน่นมีสัตว์ป่านานาชนิด อาศัยอยู่ จึงเรียกกันอีกชื่อว่าวัดป่าเลไลยก์เพื่อน้อมรำลึกถึงเหตุการณ์สมัยพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับจำพรรษาอยู่ที่วัดโฆษิตตาราม อยู่ที่เมืองโกสัมพีทรงห้ามปรามสงฆ์สองฝ่าย คือพระวินัยธรกับพระธรรมธรที่ ทะเลาะกันด้วยเรื่องน้ำชำระ ต่างไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กัน พระพุทธองค์จึงเสด็จหลีกเร้นประทับจำพรรษาที่ป่าลักษณ์ขีตะวัน มีช้างป่าปานนิรันยกะและลิงมาอุปฐากพระพุทธองค์ตลอดพรรษาวัดป่าเลไลยก์ถูกทิ้งเป็นวัดร้างตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวกอยู่ได้เคยเสด็จมาที่วัดแห่งนี้ ได้ทรงบูรณะพระวิหารในโอกาสต่อมา ทำให้ในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความสำคัญของวัดป่าเลไลยก์ จึงได้ทรงประกาศยกขึ้นเป็นพระอารามหลวงในปีพุทธศักราช 2468จุดเด่นของวัดป่าเลไลยก์
วิหารหลวงพ่อโตเป็นจุดเด่นของวัดป่าเลไลยก์วิหารหลวงพ่อโตเป็นจุดเด่นของวัดป่าเลไลยก์ ลักษณะอาคารสูงเด่นความสูงถึง 28 เมตรครึ่ง กว้าง 21 เมตรเศษ ยาว 31 เมตรเศษ ซ้อนชายหลังคา 3 ชั้น ชายคาลดสองชั้น ที่หน้าบันมีสัญลักษณ์พระมงกุฏบนแท่น เป็นตราประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ประกอบฉัตรทองซ้ายขวา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ปานปานวิไลย์ ลักษณะประทับนั่งห้อยพระบาท พระหัตขวาหงายพระหัตซ้ายคว่ำบนพระเพลา ที่เสาด้านซ้ายขวาของพระประธาน เป็นปูนปั้นนูนรูปช้างปางวิไลย์และลิงกำลังถวายการอุปฐาก
ระเบียงคดรอบวิหารหลวงพ่อโตระเบียงคดรอบวิหารหลวงพ่อโตบูรณะขึ้นใหม่ในโอกาสครบ 60 ปี ครองราชย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีตราสัญลักษณ์ติดประดับที่หน้าบันประตูทางเข้า เมื่อผ่านประตูวิหารคดเข้าไป จะเห็นภาพเขียนอันงดงาม ประณีตของศีลปิน เริ่มจากภาพแรกคือภาพของอดีตเจ้าอาวาส พระธรรมมหาวีรานุวัตร (ฉลอง อินตาอินโธ) ถัดไปเป็นภาพเรื่องราววรรณกรรมพื้นบ้านขุนช้างขุนแผน ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในจ.สุพรรณบุรีให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้จับความ ตั้งแต่กำเนิดขุนช้างขุนแผนจนถึงนางวันทองถูกประหาร ผู้ชมจะได้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนสมัยนั้น ทั้งชาวบ้าน วัดวาอาราม บ้านเรือน การปกครอง เป็นวรรณกรรมที่ผูกพันชีวิตผู้คนทุกระดับชั้นครบเรื่อง ครบรส เป็นอัมตะมาจนถึงปัจจุบัน มีมุมสงบอยู่ด้านในไกล้เขตสังฆาวาส ภายในรั้วล้อมรอบไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ อันเป็นไม้ในวรรณคดี มีเรือนขุนช้างหลังใหญ่สร้างด้วยไม้สักโอ่อ่าน่าชมพระอุโบสถของวัดป่าเลไลยก์
พระอุโบสถวัดป่าเลไลยก์พระอุโบสถหลังเดิมเป็นอาคารทรงไทย หลังคามุงกระเบื้อง มีชั้นลดสามชั้น มีมุกเด็ดทั้งหน้าและหลัง ที่หน้าบันแบ่งพื้นที่ตกแต่งเป็นสามตอน ตอนบนเป็นครุฑ...แสดงถึงพระมหากษัตริย์ ทรงปฏิสังขร มีหลายเทพพนมอยู่ตามแนวลาดของจั่วทั้งสองด้าน ถัดลงมาอีกสองชั้นเป็นลายเทพพนมประกอบลายไทยอันวิจิตรบนพื้นสีน้ำเงินผนังพระอุโบสถฉาบปูนสีขาว ให้ความโดดเด่นที่บานประตูและหน้าต่างด้วยภาพเทวดาคู่ ศิลปอยุทธยาตอนปลายที่รุ่งเรืองสูงสุดในต้นรัตนโกสินทร์ ลงสีหลากหลายแต่ดูสวยงามกลมกลืนให้ความสงบนับว่าเป็นฝีมือช่างชั้นครู
พระประธาน วัดป่าเลไลยก์
พระประธานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยประทับในบุษบกทรงมงกุฎ เสมาเป็นซุ้มโปร่งย่อทรงเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ตั้งแต่เรือนซุ้มจนถึงฐาน
วัดป่าเลไลยก์กำลังสร้างพระอุโบสถใหม่วัดป่าเลไลยก์กำลังสร้างพระอุโบสถใหม่ มีขนาดใหญ่ 7 ห้อง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กตกแต่งด้วยศิลปประยุกต์ผสมแบบตะวันตก เป็นปูนปั้นเทพยาดา มีความงามน่าชมแปลกตากว่าที่เคยพบเห็นในพระอุโบสถทั่วไป จากลานด้านหน้าวัดนอกจากจะเห็นโบสถ์วิหารการเปรียญซึ่งมีขนาดใหญ่โตโอ่อ่า แล้ว ยังมีโรงเรียนพระปริยัติธรรมเป็นอาคารสามชั้นหลังคามุงกระเบื้องทรงไทย ที่ด้านหน้าอาคารมีพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประดิษฐานอยู่ การศึกษาพระปริญติธรรมของจังหวัดสุพรรณบุรี นับว่ามีชื่อเสียงเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยอดีตเจ้าอาวาสพระธรรมมหาวีรา นุวรรษ ซึ่งเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเกร็ดหรือพระวิบูลเมธาจารย์ หลวงพ่อสะอิ้งหรือพระเทพสุวรรณ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อเกร็ดเช่นกัน ท่านได้ฟื้นฟูสำนักเปรียญวัดสองพี่น้อง เมื่อครั้งดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสที่นั่น จนมีความเจริญรุ่งเรืองมาก ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์พระอารามหลวงแห่งนี้ และเป็นเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เมืองที่อุดมไปด้วยนักปราชญ์และบัณฑิตตั้งแต่อดีตกาลกระทั่งปัจจุบัน
วัดป่าเลไลยก์
[ 5 ก.ย. 2555 ] - [ 18288 ]
Desktop Version
