ปีชง 2558
ปีชง
เรียบเรียงจากรายการ ทันโลกทันธรรม ที่ออกอากาศทางช่อง DMC
โดยพระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ
ปีชง
ปี 2558 เราเป็นปีชงรึเปล่า?
เรื่องของปีชง เราคงต้องย้อนกลับไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า ปีชงนั้นเป็นเรื่องหนึ่งของโหราศาสตร์
หลักการและประวัติความเป็นมาของปีชง
ทุกชาติ ทุกความเชื่อมีหลักของโหราศาสตร์อยู่ด้วยกันทั้งนั้น ย้อนไป ไม่ว่าจะเป็น บาบิโรเนี่ยน ชาวอินคา ชาวจีนโบราณ และที่โด่งดังมาก คือ มายา จุดเริ่มต้นของโหราศาสตร์ คือ การมองหาความหมายของท้องฟ้า เพราะมนุษย์เราเกิดมาก็จะเห็นสิ่งต่างๆ เช่น ดิน เวลาผ่านไปกี่ปีๆ ดินก็ยังคงเป็นดิน ก็เลยอ่านไม่ออก พอมาดูน้ำ น้ำก็ยังคงเป็นน้ำ ก็อ่านไม่ออก พอมาดูต้นไม้บ้าง ขุนเขาบ้าง มันก็ตั้งอยู่เหมือนเดิม อ่านไม่ออกอีก แต่ปรากฏว่าท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรอบๆ วันนี้ดาวดวงนี้ขึ้น อีกวันดาวอีกดวงหนึ่งขึ้น หมุนเวียนกันเป็นวัฏจักร จึงเกิดความสนใจว่าดวงดาวหมุนไปหมุนมามีความหมายว่าอย่างไร
ปีชงเริ่มมาจากการดูดวงดาว
มีการบันทึกไว้ด้วยว่า ถ้ามีดวงดาวดวงอบางอย่างนี้ถ้ามันโผล่ขึ้นมาจากท้องฟ้า จะส่งผลให้น้ำท่วม หรือพยากรณ์ได้ว่าน้ำจะท่วม เป็นต้น
ท้องฟ้า ดวงดาว เทพเจ้า ปีชง
ปีชง ก็เริ่มมาจากการอ่านท้องฟ้า ซึ่งในยุคแรกก็เป็นอ่านความหมายใน 3 เรื่อง คือ ฤดูกาล ภัยพิบัติ และเรื่องของลมฝน เหมือนตัวอย่างของ ขงเบ้ง ที่เวลาจะออกรบ จะดูฟ้าแล้วพยากรณ์ได้เลยว่าจะมีฝน แล้วลมจะมา ถ้าเราอยู่เหนือลม เราจะได้เปรียบ เพราะถ้าเราจุดไฟจะจะพัดฆ่าศึกได้ คำนวณออกมาได้เลย ว่าวันไหนๆ จะออกรบแล้วชนะ ด้วยแผนที่แยบยลจากการอ่านท้องฟ้า
ยุคต่อๆ มา มีการเติมเทพเจ้าลงมา เป็นเทพเจ้าประจำดวงดาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นยุคของโรมันโบราณ ยุคของกรีก ยุคของบาบิโรน เทพเจ้าก็จะมาจากดวงดาวต่างๆ นั่นเอง เช่น เทพวีนัส ประจำดาวศุกร์ เทพมาร์ ประจำดาวอังคาร ซึ่งเทพมาร์มาจากกรีกโบราณ เป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ก็เลยมาเป็นเทพเจ้าประจำดาวอังคาร ตั้งแต่นั้นจึงมีเทพเจ้ามาลงรักษาดวงดาวต่างๆ
ดวงดาวต่างๆ มีความหมายถึงเทพเจ้า
เทพเจ้าที่ประจำดวงดาวจึงมีหน้าที่ในการให้คุณและให้โทษแก่มนุษย์ได้ ดังนั้น จึงเป็นความเชื่อ เป็นการอ่าน และเป็นการเติมของบรรพบุรุษของเรา ซึ่งเป็นชาวโลกที่ยังอยู่ในความไม่รู้ เพราะไม่สามารถจะเจาะลึกอะไรได้เลย จึงต้องอาศัยการอ่านเอา มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สามารถอ่านทุกอย่างได้หมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ทรงขาดทะลุในเรื่องโลก ดวงดาว เรื่องทุกอย่าง เมื่อท่านรู้ทะลุหมดท่านจึงนำมาสอนพวกเรา ดังนั้น ตอนที่เรายังไม่ขาดทะลุเรื่องเหล่านี้ เราก็ต้้องฟังเทพเจ้าไปก่อน
ในจีน ก็ถือว่าเป็นประเทศที่มีอิทธิพลต่อชาวโลกในเรื่องของศษสตร์ด้านโหราศาสตร์ เพราะในส่วนของจีน จะมีอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ
1. ดวงดาว การเปลี่ยนแปลงของดวงดาวนักษัตรต่างๆ
2. พลัง จีนมองเป็นพลังหยิน-หยาง พลังที่อยู่ตรงข้ามกันแล้วก็ปะทะกันตลอดเวลา แต่สร้างสมดุลซึ่งกันและกัน พลังหยิน-หยางของจีน จะถูกควบคุมด้วย 5 ธาตุ คือ ดิน น้ำ ไฟ ทอง และ ไม้
แต่ละธาตุสร้างซึ่งกันและกัน เช่น ธาตุน้ำ จะทำให้เกิดธาตุไม้ เราเอาน้ำไปรดต้นไม้ ต้นไม้ก็โต ส่วนธาตุไม้ ก็ทำให้เกิดธาตุไฟ เพราะเอาไม้ไปเผาก็เกิดไฟไหม้ ส่วนธาตุไฟ ก็ทำให้เกิดธาตุ
ดิน เพราะเอาไฟไปเผาก็ทำให้เกิดขี้เถ้าออกมา แล้วก็กลับสู่ดิน ส่วนดินก็ทำให้เกิดธาตุทอง เพราะดินที่สะสมๆ ก็จะเกิดเป็นทองขึ้นมาจากดิน และธาตุทองทำให้เกิดธาตุน้ำ ธาตุน้ำก็ทำให้
เกิดธาตุไม้ เป็นวัฏจักร 5 รอบ และวัฏจักร 5 รอบ ใช้เวลา 12 นักษัตร ดังนั้น 5 คูณ 12 เท่ากับ 60 เพราะฉะนั้นต้องใช้เทพเจ้าคุมอยู่ทั้งหมด 60 องค์
3. เทพเจ้า
ปีชง 2558 มีปีอะไรบ้าง
ปีชง 2557 มีปีอะไรบ้างได้แก่ ปีชวด ปีมะเมีย ปีเถาะ ปีระกา ปีฉลู (ปีชงเล็กน้อย)
ปีชง 2556 มีปีอะไรบ้างได้แก่ ปีมะเส็ง ปีกุน ปีขาล และปีวอก
ปีชง 2558 เริ่มนับกันอย่างไร?
หลักแก้ปีชงของชาวจีน
ปีชงมีอิทธิพลต่อมนุษย์จริงหรือไม่ อย่างไร
สรุปว่า ไม่ว่าท่านจะเกิดปีอะไร จะเป็นปีชง หรือไม่เป็นปีชง ก็ขอให้ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส แล้วเรื่องดีๆ ก็จะเข้ามา ส่วนเรื่องไม่ดีก็จะออกไป
ปีชง 2558 คืออะไร มีปีอะไรบ้าง
เจริญพร วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ปีชง (ปีนี้ปี 2558) ถามว่าปีชงคืออะไรเอ่ย.. อันนี้มาจากจีนนะ เขาถือกันว่ามีเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ 60 องค์หมุนเวียนกันมาดูแลมนุษย์ คำว่า "ชง" เป็นคำในภาษาจีน แปลว่า การปะทะกัน พลังหยิน หยาง ดังนั้น ปีนี้จะดีสำหรับคนเกิดปีโน้น ปีพ.ศ.นี้จะไม่ดีกับคนเกิดปีโน้น ต้องระวังโชคลาภ ระวังเรื่องอุบัติเหตุ ระวังเรื่องอุปสรรคขัดข้องต่างๆ พูดง่ายๆ เรื่อง ปีชง นั้นมาจาก คติของจีน
หมอดู ซินแสทั้งหลายที่ดูเรื่อง ปีชง มักจะแนะนำให้ไปกราบไหว้เทวดาองค์ต่างๆ ให้ท่านช่วยให้เราพ้นจากอุปสรรคขัดข้องต่างๆ สรุปง่ายๆ คือ ให้ไปไหว้เทวดานั่นเอง เพื่อสะเดาะเคราะห์
ถ้าถามว่า เทวดามีจริงไหม คำตอบคือ เทวดามีจริง แต่ว่าเทวดาคือใคร เทวดาก็คืออดีตมนุษย์ ที่ทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตายแล้วจึงไปเกิดเป็นเทวดา มนุษย์เราควรไหว้เทวดาไหม ถ้ามนุษย์ที่มีศีลมีธรรม ตั้งใจทำความดี เทวดาจะมาไหว้มนุษย์ ไม่ใช่ให้เราไปไหว้เทวดา เทวดาเองมีทั้งที่เป็นสัมมาทิฏฐิ (มีความเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง) และมิจฉาทิฏฐิ (มีความเห็นผิดจากความเป็นจริง) บางคนอาจสงสัยว่า จริงหรือ ทำไมเขาไปเกิดเป็นเทวดาได้แล้วยังเป็นมิจฉาทิฏฐิล่ะ เทวดาร้ายๆ มีด้วยหรือ ตอบว่ามี
เราดูง่ายๆ ก็แล้วกัน ในโลกเรานี่แหละ มนุษย์ที่เกิดมามีในตระกูลสูง มีฐานะร่ำรวย รูปร่างหน้าตาดี แล้วเป็นคนเกเรมีไหม ตอบว่ามี บุญเก่าเคยสร้างไว้ ทำให้ได้เกิดมาในตระกูลสูง มีทรัพย์ มีฐานะ มีความพร้อม แต่ว่าเนื่องจากยังไม่หมดกิเลส พอหักเหให้กิเลสแสดงฤทธิ์ ก็เลยกลายเป็นคนเกเรไป เป็นมิจฉาทิฏฐิไป ก็มีอยู่ เทวดาก็ทำนองเดียวกัน เพราะสร้างบุญมาจึงไปเกิดเป็นเทวดา แต่ว่าบางครั้งเทวดาก็ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ ดังนั้น เราจะไปกราบไหว้เทวดานั้นหาควรไม่ เราเกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา พบพระรัตนตรัยแล้ว สิ่งที่เราควรบูชา คือ พระรัตนตรัย เป็นสรณะ เป็นที่พึ่งที่ระลึกอันสูงสุด ไม่ใช่ไปยึดเทวดาเป็นสรณะ อันนั้นไม่ใช่
แก้ปีชง 2558 ด้วยการไหว้เทวดาเท่านั้นหรือ?
: ศึกษาผ่านเรื่องราวของ ท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐีกับเทวดาที่ซุ้มประตูบ้าน
มีตัวอย่างในครั้งพุทธกาล อนาถปิณฑิกเศรษฐี อุปัฏฐากใหญ่ของพระพุทธศาสนา เป็นผู้บริจาคทรัพย์ซื้อที่ดินสร้างเชตวันมหาวิหาร ด้วยการเอาเงินเรียงจนเต็มแผ่นดิน แล้วก็สร้างกุฏิศาลาอย่างดีเยี่ยม และจัดฉลองอย่างใหญ่โต น้อมถวายบูชาแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมาภายหลังวิบากกรรมที่ทำไว้ตามมาทัน ทรัพย์สินที่ฝังดินไว้ถูกน้ำพัดไป ที่ไปค้ำประกันเขาไว้ก็ถูกโกงหนีไปอีก เงินทองร่อยหรอ จนกระทั่งจะเลี้ยงพระ ข้าวดีๆ ก็ยังไม่มีเลี้ยง ต้องใช้ปลายข้าวต้มกับน้ำส้มผอูน เทียบกับปัจจุบันก็เท่ากับน้ำผักกาดดอง มีแค่นั้นเลี้ยงพระ ใช้ปลายข้าวต้มเป็นข้าวต้ม กับข้าวก็เป็นน้ำผักกาดดอง วันหนึ่งเทวดาที่อยู่ที่ซุ้มประตูเหาะลงมาห้ามอนาถปิณฑิกเศรษฐีว่า ให้เลิกทำบุญได้แล้ว จนจะหมดตัวอยู่แล้ว ขืนทำต่อไปเดี๋ยวจะไม่มีกิน เห็นหรือไม่ เทวดามิจฉาทิฏฐิก็มีนะ
ประกอบบทความปีชง 2556
ปีชง กับ วิธีแก้ที่แท้จริง
อาตมาเข้าใจนะ คือเนื่องจากมนุษย์โดยทั่วไป ยังไม่หมดกิเลส มีอวิชชา คือความไม่รู้เป็นเจ้าเรือน ครอบงำใจอยู่ จริงๆ แล้ว ลึกๆ คือ ขาดความมั่นใจในตนเอง เราดูข้างนอก อาจเป็นผู้บริหารใหญ่โต ดูว่าเป็นผู้มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก เอาจริงๆ เข้า ขาดความเชื่อมั่นนะ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนก็ต้องวางมาด ในใจลึกๆ ขาดความเชื่อมั่น ไม่ต้องมองอื่นไกล คนที่ควรจะมีความเชื่อมั่นสูงมาก คือ ทหาร แล้วกล้าขนาดจะเป็นหัวหน้าปฏิวัติ ใครห้ามก็เอาไม่อยู่ แต่คนที่เอาอยู่ คือ หมอดู จะปฏิวัติ ก็กลัวว่าถ้าไม่สำเร็จจะกลายเป็นกบฏถูกประหารชีวิต ขอไปดูหมอหน่อย
ดูดวงปีชง!
ถ้าหมอดูบอกว่า ชะตาขาด ฤกษ์โลกาวินาศ ถูกจับ แพ้แน่นอน ถูกจับติดคุก ได้รับโทษประหาร เท่านี้เอง เลิกปฏิวัติแน่ๆ เลื่อนออกไปทีเดียว นี่คือ ความจริง เพราะฉะนั้น คนทั่วไป ก็จะเป็นอย่างนี้นี่แหละ ดังนั้น ถ้าไปเจอหมอดูทักเข้าว่า ดวงไม่ค่อยดี แล้วแนะให้ไปไหว้พระ 9 วัดก็ไปเลย อยู่ดีๆ คนเราแนะนำให้ไปไหว้พระทำบุญ ไหว้พระ ให้ไปสวดมนต์ ทำบุญ ไม่มีใครไปนะ
แต่ถ้าหมอดูบอก นี่รีบไปเพราะว่าเสียว เผื่อเหนียวไว้ก่อน มันหวาดเสียว จากอวิชชาที่ครอบงำใจนั่นเอง จึงเกิดอาการอย่างนี้
บางทีก็มีการแก้กรรมแบบแปลกๆ เช่น ต้องเอาไข่ดำ ไก่ดำ พิสดาร ก็ดั้นด้นพยายามไปทำกันเยอะแยะมากมาย เพราะว่าจะเผื่อเหนียวนั่นเอง บางคนออกจากหมู่บ้านจัดสรรมา เห็นเขาทำศาลพระภูมิเอาไว้ ยกมือไหว้หน่อย เอ๊ะ..ไม่รู้ พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบอกว่าอย่าไปแสวงหาบุญเขตนอกพระพุทธศาสนา ก็รู้เหมือนกัน แต่เห็นคนอื่นเขาไหว้กัน ก็ไหว้ด้วย เผื่อเหนียวๆ ขับรถไปตรงหัวโค้งที่มีอุบัติเหตุบ่อยๆ แล้วมีการสร้างาลเจ้าพ่อเจ้าแม่เอาไว้ ต้องยิงปืนโป้งป้าง กดแตรบ้าง บอกว่าเผื่อเหนียวๆ เห็นต้นไม้เขาผูกผ้าแดงไว้ ก็ยกมือไหว้ บอกว่าเผื่อเหนียว เผื่อไปหมด จนกระทั่งจับหลักอะไรไม่ได้เลย อย่าไปเป็นอย่างนั้น ให้ถือหลักชาวพุทธให้ดี
ปีชง หรือ วิบากกรรมเก่า?
เพราะปีชง หรือวิบากรรมเก่าของเราเอง ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ใครบอกว่าเคราะห์ไม่ดี ชะตาไม่ดี มีทางออก ชะตาเราจะไม่ดี จะมีเคราะห์ เป็นเพราะวิบากกรรม คือ สิ่งไม่ดีในอดีตที่เราเคยทำเอาไว้ ทั้งอดีตชาติ หรือในปัจจุบันชาติก็ตาม วิบากกรรมจะตามมาส่งผล วิธีการแก้คือ ต้องสร้างบุญ
ถ้าจะเปรียบก็คือ วิบากกรรมที่จะตามมาส่งผลเหมือนกับหินโสโครกที่อยู่ใต้น้ำ นาวาชีวิตเราเองจะแล่นไป เผลอๆ ก็ไปเกยหินโสโครกเข้าเรือแตก นาวาชีวิตจมได้เหมือนกัน แต่ว่าถ้าเราเองไปสร้างบุญ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา บุญกุศลเพิ่มพูนขึ้น เหมือนระดับน้ำมันยกสูงขึ้น พอน้ำสูงขึ้นเป็นอย่างไร แม้จะมีหินโสโครกอยู่ เรือก็วิ่งผ่านไปได้อย่างสบายๆ
วิธีแก้ ปีชง 2558
ปีชงที่คนทั่วไปให้ความสนใจอยู่มากในขณะนี้ แท้จริงแล้วแก้ได้อย่างไร? การจะแก้วิบากกรรม หรือเคราะห์ไม่ดี แก้วิบากกรรม สะเดาะเคราะห์อย่างนี้ สร้างบุญ อย่าไปเชื่อหมอดู แต่ว่าให้เชื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เชื่อพระรัตนตรัยดีกว่า นี้คือทางออกที่ถูกต้อง ถ้าทำได้อย่างนี้ ต่อไปเราเองก็จะได้ไปเป็นเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ แล้วบุญกุศลเต็มที่เข้า ก็จะหมดกิเลสเข้าพระนิพพานไปได้
เพราะฉะนั้นเราลองคิดดูสิว่า ถ้าเราไปฟังที่เขาบอกว่า ปีชง อย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ได้ ไปหาอีกหมอก็บอกว่า นี่เป็นปีมะ สูตรหมอไทย มะ ก็คือ มะโรง มะเส็ง มะเมีย มะเแม ไม่ดีอย่างนั้นอีก แล้วถ้าเกิดไปเจอหมอฝรั่งทักมาอีกที ตกลงว่าทั้งชาติไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะว่าแต่ละหมอก็มีสูตรไม่เหมือนกัน มีปัญหาตลอด กลุ้มใจตลอด อย่างนี้เอาเป็นหลักไม่ได้ เพราะว่าผู้ที่แนะนำเรานั้นยังไม่ใช่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ที่แท้จริง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์คือผู้ที่ตรัสรู้ธรรม เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้วที่แท้จริง
วิธีแก้ปีชง 2558 ตามหลักพระพุทธศาสนา
ปีชงไม่ใช่หลักทางพระพุทธศาสนา! เมื่อเราเกิดมาเป็นชาวพุทธมาพบพระพุทธศาสนา อยู่ในประเทศไทยที่พระพุทธศาสนารุ่งเรือง ถือเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาแห่งโลก เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วให้เราใช้ความมีโชค ใช้ความมีบุญของเราเองให้ถูกต้อง คือ ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีสิ่งใดที่ทำให้เราไม่สบายใจก็ให้แก้ไขปัญหาตามวิธีการในพระพุทธศาสนา ถ้าทำอย่างนี้ได้แล้วล่ะก็ เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และมีความสำเร็จรออยู่ ทุกๆ คน เจริญพร