กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 2


[ 4 เม.ย. 2556 ] - [ 18271 ] LINE it!

 
ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2556
กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์
ตอนที่ 2
 
 
  
 
 
กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 2
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ที่ออกอากาศทางช่อง DMC
  
 
 
        สำหรับระบบการโหวต หรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสภานักปราชญ์ ที่จะมาปกครองแคว้นในยุคนั้น ประชาชนทั้งหมดภายในแคว้น จะทำการคัดเลือกสภานักปราชญ์ที่จะมาปกครองแคว้น จากความรู้ความสามารถและภาพลักษณ์ที่ดีเป็นหลัก ที่เป็นเช่นนี้ทั้งนี้ก็เป็นเพราะ คนในยุคนั้นจะยกย่องและนับถือความรู้ความสามารถ และภาพลักษณ์ที่ดีมากกว่าสิ่งอื่นใด
 
สมาชิกในสภานักปราชญ์ จะต้องเป็นผู้ที่เกิดอยู่ในตระกูลนักปราชญ์โดยเชื้อสายเท่านั้น
สมาชิกในสภานักปราชญ์ จะต้องเป็นผู้ที่เกิดอยู่ในตระกูลนักปราชญ์โดยเชื้อสายเท่านั้น
 
        ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นสมาชิกในสภานักปราชญ์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่นับถือพระพุทธศาสนา หรือกลุ่มที่นับถือลัทธิความเชื่อแบบเทวนิยม จะต้องเป็นผู้ที่เกิดอยู่ในตระกูลนักปราชญ์โดยเชื้อสายเท่านั้น โดยจะเกิดอยู่ในตระกูลอื่นไม่ได้เลย หรือพูดง่ายๆ ว่า คนที่เกิดอยู่ในตระกูลอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาอยู่ในสภานักปราชญ์ ที่เป็นสภาการปกครองของแคว้นได้เลยนั่นเอง
        ส่วนวิธีการโหวตหรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสภานักปราชญ์ ที่จะขึ้นมาปกครองแคว้นในยุคนั้น ตัวแทนของฝ่ายประชาชนจะมีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้นำแคว้นของพวกเขา ด้วยการตั้งโจทย์หรือคำถามที่เกี่ยวกับแนวทางการปกครอง และการพัฒนาบ้านเมือง รวมไปถึง คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ที่ประชาชนต้องการจะทดสอบความรู้ความสามารถของบุคคล ผู้ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่เป็นสภานักปราชญ์ชุดต่อไป ซึ่งจะได้รับการโหวตให้ขึ้นมาปกครองบ้านเมืองในอนาคต
 
วิธีการโหวตหรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสภานักปราชญ์
วิธีการโหวตหรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสภานักปราชญ์
 
        และเมื่อตัวแทนของฝ่ายประชาชน สรุปคำถามออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม คือทั้งกลุ่มที่นับถือพระพุทธศาสนา และกลุ่มที่นับถือความเชื่อแบบเทวนิยม ก็จะทำการประชุมกันเพื่อหาคำตอบ และเลือกเฟ้นบุคคลในกลุ่มของตัวเอง ที่มีความรู้ความสามารถ และไหวพริบปฏิภาณที่จะแก้ปัญหา รวมทั้งสามารถที่จะพูดจาโน้มน้าวมหาชนทั้งหลาย ทั้งคนในสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม และประชาชนทุกหมู่เหล่า ให้มาลงคะแนนเสียงให้กับกลุ่มของพวกตน ชนิดที่เรียกว่าถ้าเป็นสินค้า ก็ต้องคัดมาอย่างดี
 
        และเมื่อถึงช่วงเวลาที่จะต้องทำการโหวตหรือลงคะแนนเลือกตั้ง สภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่นับถือพระพุทธศาสนาและกลุ่มที่นับถือความเชื่อแบบเทวนิยม ก็จะส่งตัวแทนกลุ่มของตนที่ได้เลือกเฟ้นมาอย่างดี ให้ออกมาทำหน้าที่ตอบคำถามของประชาชน พร้อมกับแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารปกครองบ้านเมืองในอนาคต และพร้อมที่จะยินดีรับใช้
 
ตัวแทนกลุ่มที่ถูกเลือกจะออกมาแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการปกครองบ้านเมือง
ตัวแทนกลุ่มที่ถูกเลือกจะออกมาแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการปกครองบ้านเมือง
 
        และเมื่อตัวแทนของทั้งสองกลุ่มได้ตอบคำถาม พร้อมกับแสดงวิสัยทัศน์และนโยบายการบริหารปกครองบ้านเมืองในอนาคตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประชาชนภายในแคว้นและสมาชิกของสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม ก็จะทำการโหวตหรือลงคะแนนเสียงให้กับฝ่ายที่ตัวเองชื่นชอบ หรือฝ่ายที่ตอบคำถามได้โดนใจตนมากกว่านั่นเอง
 
        นอกจากนั้น สมาชิกของสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม ยังสามารถที่จะโหวตหรือลงคะแนนเสียงได้อย่างเป็นอิสระ คือสามารถที่จะเลือกกลุ่มของตัวเอง หรือกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามก็ได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ คนในยุคนั้นจะตัดสินกันที่ความรู้ความสามารถและภาพลักษณ์ที่ดีเป็นหลักดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั่นเอง
 
สมาชิกของสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่มสามารถโหวตคะแนนเสียงได้อย่างอิสระ
สมาชิกของสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่มสามารถโหวตคะแนนเสียงได้อย่างอิสระ
 
        ซึ่งสมาชิกของสภานักปราชญ์ที่เลือกลงคะแนนให้กับกลุ่มของฝ่ายตรงข้ามนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่มีศรัทธา หรือมีความเชื่อในศาสนาของตนเพียงแค่ในนามเท่านั้น ดังนั้น เมื่อพวกเขาได้ลงคะแนนเลือกสภานักปราชญ์กลุ่มตรงข้ามแล้ว พวกเขาก็อาจจะมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงความเชื่อของพวกเขา ตามความเชื่อของกลุ่มตรงข้ามไปด้วย
 
        แต่ถึงกระนั้น แม้ว่าการโหวตหรือการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในยุคนั้น จะมีจุดยืนอยู่บนพื้นฐานของความรู้ความสามารถ และภาพลักษณ์ที่ดีเป็นหลักก็ตาม แต่ด้วยความที่มนุษย์ทุกคนในยุคนั้นยังมีกิเลสอยู่ในใจ จึงทำให้การเลือกตั้งในแต่ละครั้งแต่ละหน ก็มักจะมีการแก่งแย่งชิงดีเพื่อมุ่งหวังความเป็นใหญ่อยู่เสมอๆ และถ้าหากสภานักปราชญ์กลุ่มไหนได้รับการโหวตให้ขึ้นมาเป็นคณะผู้บริหารปกครองแคว้น สภานักปราชญ์กลุ่มนั้น ก็จะผลักดันและสนับสนุนนโยบายที่สอดคล้องกับคำสอน ในความเชื่อของตนเองอย่างเต็มที่
 
การเลือกตั้งมักจะมีการแก่งแย่งชิงดีเพื่อมุ่งหวังความเป็นใหญ่อยู่เสมอๆ
การเลือกตั้งมักจะมีการแก่งแย่งชิงดีเพื่อมุ่งหวังความเป็นใหญ่อยู่เสมอๆ
 
        กล่าวคือถ้าหากช่วงไหน สภานักปราชญ์กลุ่มที่นับถือลัทธิความเชื่อแบบเทวนิยม ได้รับการเลือกตั้งให้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นผู้บริหารปกครองแคว้น ณ ช่วงเวลานั้น ลัทธิความเชื่อแบบเทวนิยม ก็จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนพระพุทธศาสนาและวัดวาอารามก็จะฟุบแฟบลงไปอย่างเห็นได้ชัด
 
หากสภานักปราชญ์กลุ่มไหนได้รับการโหวตให้เป็นคณะผู้บริหารปกครองแคว้น ก็จะสนับสนุนนโยบายที่สอดคล้องกับคำสอนในความเชื่อของตนอย่างเต็มที่
หากสภานักปราชญ์กลุ่มไหนได้รับการโหวตให้เป็นคณะผู้บริหารปกครองแคว้น
ก็จะสนับสนุนนโยบายที่สอดคล้องกับคำสอนในความเชื่อของตนอย่างเต็มที่
 
        แต่ถ้าหากคราใด สภานักปราชญ์กลุ่มที่นับถือพระพุทธศาสนา ได้รับการเลือกตั้งให้ขึ้นมาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองบริหารแคว้น ณ ช่วงเวลานั้น พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ส่วนลัทธิความเชื่อแบบเทวนิยมก็จะฟุบแฟบ และไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่นั่นเอง
 
        และในยุคสมัยดังกล่าวนี้เอง หมู่คณะของเราก็ได้ลงมาเกิดสร้างบารมีด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้นำหมู่คณะของเราในยุคนั้น ท่านก็ได้ลงมาเกิดสร้างบารมีอยู่ในตระกูลของนักปราชญ์ที่นับถือพระพุทธศาสนา โดยตระกูลของท่านจะเป็นหนึ่งในสมาชิกที่อยู่ในสภานักปราชญ์กลุ่มพระพุทธศาสนาด้วย
 
ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ได้เห็นการแย่งชิงดีเพื่ออำนาจหน้าที่ทางการเมือง
ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ได้เห็นการแย่งชิงดีเพื่ออำนาจหน้าที่ทางการเมือง
 
        เมื่อผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้นเติบใหญ่และเจริญวัยขึ้น ตัวท่านก็ได้เห็นถึงการแก่งแย่งชิงดีเพื่อมุ่งหวังอำนาจหน้าที่ทางการเมือง ของสภานักปราชญ์ทั้งสองกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่นับถือพระพุทธศาสนาและกลุ่มที่นับถือลัทธิความเชื่อแบบเทวนิยม เมื่อตัวท่านได้เห็นเช่นนั้น ตัวท่านก็เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย และไม่อยากที่จะเข้าไปอยู่ในวังวนแห่งการแย่งชิงอำนาจหน้าที่ทางการเมือง เหมือนอย่างที่ตระกูลของท่านได้เข้าร่วม และทำสืบเนื่องกันมาหลายช่วงอายุคนเลย
 
        ไม่เพียงแค่นั้น ด้วยความที่ตัวท่านมีความรักในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ตัวท่านมีความปรารถนา อยากที่จะทำให้คำสอนพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นคำสอนที่มีคุณค่าและสูงส่ง แผ่ขยายและปักหลักมั่นคงอยู่ภายในใจของมหาชนทั้งหลาย และด้วยเหตุดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ได้ตัดสินใจจากเรือนเหมือนนกที่จากคอน ออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา แล้วก็ได้สร้างวัดเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกายอยู่ภายในแคว้นแห่งนั้น
 
ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ได้ตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ได้ตัดสินใจออกบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
 
        และเมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านไป ผู้นำหมู่คณะของเราในภพชาตินั้น ก็สามารถยอยกพระพุทธศาสนาในยุคนั้น ให้มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นปึกแผ่นได้อย่างมั่นคง โดยที่ไม่ขึ้นอยู่กับอำนาจทางการเมืองเลย ว่าสภานักปราชญ์กลุ่มใดจะขึ้นมาปกครองแคว้นแห่งนั้นนั่นเอง
 
        และในช่วงจังหวะนี้เอง ตัวลูกก็ได้เกิดมาเป็น “กุลบุตรสุดหล่อผู้มีความใฝ่ฝันในชีวิต” อยู่ในครอบครัวที่นับถือพระพุทธศาสนาอย่างแน่นแฟ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ของลูก ในภพชาตินั้น ซึ่งเป็นคนละคนกับคุณพ่อคุณแม่ของลูกในภพชาติปัจจุบันนี้ จะเป็นคนที่มีอัธยาศัยรักในการสั่งสมบุญเป็นอย่างมาก อีกทั้งท่านทั้งสองยังชอบที่จะเดินทางไปสั่งสมบุญที่วัดของพระเถระและหมู่คณะอยู่เป็นประจำสม่ำเสมออีกด้วย
 
ตัวลูกในภพชาตินั้นคุ้นเคยกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย
ตัวลูกในภพชาตินั้นคุ้นเคยกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย
 
        เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้ในช่วงวัยเยาว์ของตัวลูกในภพชาตินั้น ตัวลูกจึงมีโอกาสได้ติดสอยห้อยตามคุณพ่อคุณแม่ ไปสั่งสมบุญที่วัดของพระเถระและหมู่คณะในยุคนั้นอยู่เสมอๆ และด้วยเหตุดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้วันเวลาได้หล่อหลอมให้ตัวลูกในภพชาตินั้น มีความคุ้นเคยกับวัด คุ้นเคยกับพระ และคุ้นเคยกับพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
 
        ในเวลาต่อมา เมื่อตัวลูกในภพชาตินั้นเติบโตขึ้น จนถึงวัยที่พอจะบวชเป็นสามเณรได้แล้ว ตัวลูกจึงเอ่ยปากขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ของลูก ในภพชาตินั้น บรรพชาเป็นสามเณร ทันทีที่ท่านทั้งสองได้ยินถ้อยคำอันประเสริฐของตัวลูกเช่นนั้น ท่านทั้งสองก็รู้สึกดีใจและเต็มใจเป็นอย่างมาก ที่ลูกชายสุดที่รักของท่านจะออกบวชเป็นสามเณร
 
ตัวลูกได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ในภพชาตินั้นบรรพชาเป็นสามเณร
ตัวลูกได้ขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ในภพชาตินั้นบรรพชาเป็นสามเณร
 
        ที่ท่านทั้งสองรู้สึกดีใจเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เป็นเพราะท่านทั้งสองทราบดีว่า การออกบวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเยาว์วัยนั้น เป็นเส้นทางการดำเนินชีวิตที่ประเสริฐสูงสุด อีกทั้งท่านทั้งสองก็มีความปรารถนาลึกๆ อยู่ภายในใจมาโดยตลอดว่า สักวันหนึ่ง ท่านทั้งสองจะได้เห็นตัวลูกออกบวชอยู่ในเพศสมณะ
 
        ดังนั้น การขอบรรพชาของตัวลูกตั้งแต่วัยเยาว์ในครั้งนี้ จึงเป็นเสมือนกับของขวัญอันล้ำค่ามากที่สุด ที่ตัวลูกได้มอบให้แก่คุณพ่อคุณแม่ของลูกในภพชาตินั้นเลยทีเดียว ภายหลังจากที่ตัวลูกในภพชาตินั้น ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว ตัวลูกหรือสามเณรน้อยในภพชาตินั้น ก็ได้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองทั้งภาคปริยัติและภาคปฏิบัติอย่างเต็มที่ แบบไม่มีข้อแม้ข้ออ้างและเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้นมาโดยตลอด อีกทั้งตัวลูกยังได้ตั้งใจปฏิบัติตามคำแนะนำสั่งสอนของพระอาจารย์ และพระพี่เลี้ยงเป็นอย่างดีเรื่อยมาอีกด้วย
 
สามเณรน้อยได้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองทั้งภาคปริยัติและภาคปฏิบัติอย่างเต็มที่
สามเณรน้อยได้ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเองทั้งภาคปริยัติและภาคปฏิบัติอย่างเต็มที่
 
        จวบจนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้มีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งเดินทางกลับมาจากการไปทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะในต่างแคว้น และด้วยความที่ตัวท่านมีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย เป็นที่ประจักษ์แจ้งอย่างชัดเจนนี่เอง จึงทำให้ตัวท่านได้รับคำชื่นชมและอนุโมทนาสาธุการจากพระเถระและมหาชนทั้งหลายในยุคนั้น เป็นอย่างมาก
 
สามเณรน้อยรู้สึกสนใจการเผยแผ่ธรรมะในต่างแคว้นมาก
สามเณรน้อยรู้สึกสนใจการเผยแผ่ธรรมะในต่างแคว้นมาก
 
        และเมื่อตัวลูกหรือสามเณรน้อยในภพชาตินั้น ได้เห็นภาพที่พระเถระกล่าวชื่นชมและอนุโมทนากับพระภิกษุหนุ่มรูปนี้แล้ว ตัวลูกในภพชาตินั้น ก็เกิดความรู้สึกสนอกสนใจและอยากที่จะหาเวลาไปสอบถามถึงรายละเอียด เกี่ยวกับการเผยแผ่ธรรมะในต่างแคว้นแบบ “เจาะลึกถึงกึ๋น” กับพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจเลยทีเดียว
 
        และด้วยความที่ตัวลูกในภพชาตินั้น เป็นสามเณรน้อยที่มีอุปนิสัยใฝ่รู้ ชอบซักชอบถาม ด้วยอุปนิสัยดังกล่าวนี้เอง จึงทำให้ทันทีที่ตัวลูกหรือสามเณรน้อยในภพชาตินั้น มีจังหวะและโอกาสอันเหมาะสม ที่จะเข้าไปกราบพระภิกษุหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในต่างแคว้นรูปนี้แล้ว ตัวลูกในภพชาตินั้นจึงไม่รอช้า ได้คลานเข้าไปกราบพระภิกษุหนุ่มรูปนี้ ผู้เป็นเสมือนต้นแบบของตัวลูกในภพชาตินั้น เพื่อสนทนาธรรมกับท่านในทันที
 
สามเณรน้อยมีอุปนิสัยใฝ่รู้ชอบซักถาม
สามเณรน้อยมีอุปนิสัยใฝ่รู้ชอบซักถาม
 
        ส่วนว่าเรื่องราวของตัวลูกหรือสามเณรน้อยในภพชาตินั้น จะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรต่อไปนั้น เราก็คงจะต้องมาติดตามรับฟังกันต่อในตอนต่อไป
 
 
รับชมวิดีโอ
 

รับชมคลิปวิดีโอปรโลกนิวส์ คุณปู่กระจ่างใจวงศ์ ตอนที่ 2
ชมวิดีโอปรโลกนิวส์ คุณปู่กระจ่างใจวงศ์ ตอนที่ 2   Download ธรรมะปรโลกนิวส์ คุณปู่กระจ่างใจวงศ์ ตอนที่ 2
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 3กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 3

ผลการปฏิบัติธรรมของพระธรรมทายาท ตอน มีความสุขจนไม่อยากลืมตาผลการปฏิบัติธรรมของพระธรรมทายาท ตอน มีความสุขจนไม่อยากลืมตา

กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 4กรณีศึกษา คุณปู่กระจ่าง ใจวงศ์ ตอนที่ 4



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน