หักหลังเขาแทงหลังเรา


[ 10 พ.ย. 2561 ] - [ 18322 ] LINE it!

หักหลังเขาแทงหลังเรา
ไว้ใจมาก เชื่อใจมาก แต่ทำไมถึงโดนหักหลัง 

เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC



วิธีการสังเกตคนที่มีลักษณะชอบหักหลังคนอื่น

          ประการแรก คนที่หักหลังคนอื่นมักจะไม่ได้หักหลังคนเดียว มักจะมีประวัติทำอยู่เรื่อยๆ เป็นนิสัย ต้องเช็คประวัติให้ดี ถ้ามีประวัติเคยหักหลังคนอื่นมาแล้วต้องระวัง เพราะนิสัยเปลี่ยนยาก ดังนั้นต้องเช็คให้ละเอียด หากเป็นคนที่มีผลกับงานยิ่งต้องตรวจสอบประวัติกันให้ชัดเจน 
          ประการถัดมาคือ ดูว่าคนคนนั้นเป็นคนที่มีความกตัญญูต่อพ่อแม่หรือไม่ เพราะต่อให้เราดีกับเขาแค่ไหนไม่มีทางเกินพ่อแม่ของเขา ถ้าเขาไม่กตัญญู เรื่องที่เขาจะดีกับเรายาก ตอนที่เราให้ประโยชน์ เขาอาจจะทำดีกับเรา แต่เมื่อเราไม่ได้ให้ประโยชน์เขา เขาจะตีตัวออกห่าง หรือเมื่อเห็นผลประโยชน์ล่อใจ ก็พร้อมจะทรยศหักหลังได้เหมือนกัน จึงมีคำกล่าวว่า “ความกตัญญูกต่อเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี” 
          ประการที่ 3 คือ ดูว่าเป็นคนที่รักษาคำพูดหรือไม่ คนที่ชอบทรยศหักหลังคนอื่น จะเป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด พร้อมจะพูดอะไรก็ได้ ให้ตัวเองได้ประโยชน์ อาจจะเป็นคนพูดเก่ง พูดน่าฟังแต่เปลี่ยนได้เรื่อยๆ พูดแล้วก็ผ่านไปไม่ได้รักษาคำพูดตัวเอง ไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง 
          ประการที่ 4 คือ เป็นคนรับผิดชอบต่อการกระทำตัวเองหรือไม่ เช่น เกิดความเสียหายขึ้น แล้วกล้ารับผิดชอบหรือไม่ หรือเลี่ยง โทษคนอื่น หากเป็นคนรักษาคำพูด และรับผิดชอบการกระทำตัวเอง จะมั่นใจได้มากขึ้น เพราะคนที่ชอบทรยศหักหลังคนอื่น คือคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นใหญ่ 

หากโดนคนที่ไว้ใจเต็มร้อยทรยศหักหลัง จะมีวิธีจัดการความรู้สึกอย่างไร?



          กรณีตัวอย่าง คหบดีมีทรัพย์มากเป็นหลักร้อยล้าน มีลูกสาวคนเดียวสามีสียชีวิตไปแล้ว เมื่อลูกสาวแต่งงานจะก็ตามใจลูก พอตัวเองอายุเยอะขึ้นจึงยกมรดกให้ลูกหมด แต่ลูกเขยเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง ช่วงแรกตอนมาติดพันลูกสาวก็ทำดีกับว่าที่แม่ยาย ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ทำตัวเรียบร้อยจนแม่ยายอนุญาตให้แต่งงาน แต่งงานแล้วช่วงแรกก็ทำตัวดี เพราะทรัพย์ที่มีอยู่เป็นทรัพย์ของแม่ยาย แต่ทันทีที่แม่ยาย ยกมรดกทั้งหมดให้กับลูกสาว พฤติกรรมของลูกเขยเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวตะคอกใส่แม่ยายถึงขนาดไล่แม่ยายออกจากบ้าน ลูกเขยถือว่าภรรยาอยู่ในโอวาทเชื่อฟังตัวเองมากกว่าแม่ และมีความมั่นใจว่าตัวเองถือครองทรัพย์สินแล้ว โดยทางกฎหมายถือว่าทรัพย์ที่มีทั้งหมด เป็นทรัพย์ร่วมกันระหว่างลูกสาวคือภรรยา กับตนเพราะถือว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาภายหลังจากสมรส ทำให้พฤติกรรมต่อแม่ยายเปลี่ยนไป เศรษฐินีท่านนี้ต้องน้ำตาตกใน กลายเป็นอาศัยเขาอยู่ ต้องฝืนให้เขาด่าเขาว่า เหตุการณ์ลักษณะนี้มีหลายรูปแบบ เมื่อมีครอบครัว สามีหรือภรรยาของลูกอาจจะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ดังนั้นเมื่อจะมอบทรัพย์สมบัติให้ได้แต่ไม่ควรให้หมด จะต้องมีกรรมสิทธิ์อยู่ เพื่อให้ดูแลตัวเองพึ่งตัวเองได้ เขาจะเกรงใจ และควรทำเงื่อนไขสัญญาทำหลักทางกฎหมายต่างๆให้เรียบร้อยรัดกุม

โดนหักหลังเรื่องความรักยังพอทำใจได้ แต่โดนหักหลังเรื่องผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือในวงการทางการเมือง ควรทำใจหรือเอาตัวรอดอย่างไร?



          เมื่อใดผลประโยชน์ยิ่งก้อนใหญ่ ความเสี่ยงยิ่งสูง คนเห็นผลประโยชน์จะตาโต จากประวัติศาสตร์ในประเทศต่างๆจุดศูนย์รวมของผลประโยชน์ในยุคที่ปกครองด้วย ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือตัวของฮ่องเต้หรือกษัตริย์ เพราะเป็นศูนย์รวมของอำนาจทุกอย่าง มีสิทธิ์ขาดเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ในแผ่นดินนั้น จะมีเรื่องราว หลายๆ กรณีทั้งพ่อทั้งแม่พี่น้องท้องเดียวกันฆ่ากัน เพื่อจะแย่งชิงบัลลังก์ แม้มาถึงแวดวงการเมืองปัจจุบัน ถ้าใครชนะเหมือนได้อะไรมหาศาล แต่ถ้าแพ้ก็มีสิทธิ์โดนแกล้ง เนื่องจากผลประโยชน์ก้อนใหญ่ แม้ในวงการธุรกิจก็คล้ายกัน ยิ่งมีผลประโยชน์มากยิ่งต้องระวังกัน หากเป็นสมัยก่อนไม่มีทางอื่นต้องคอยระมัดระวังพลาดเมื่อไหร่ตาย เพราะอำนาจอยู่ที่ตัวบุคคล เรียกว่า ปกครองด้วยคน สั่งได้ทุกเรื่องไม่ต้องสนใจกฏหมาย เพราะผู้ปกครองคือกฎหมาย แต่ในยุคปัจจุบันเกิดระบบการปกครองที่พัฒนาขึ้น มนุษย์เราสร้างกฎหมายขึ้นมา เป็นการปกครองด้วยกฏหมาย ผู้นำประเทศก็ต้องเคารพกฎหมาย จึงมีเสถียรภาพมากกว่า ดังนั้นจึงต้องใช้กฎหมายเป็นตัวช่วย สัญญาต่างๆทำให้รัดกุม เอาแค่ความไว้เนื้อเชื้อใจอย่างเดียวไม่เพียงพอ 

    หุ้นส่วนทางธุรกิจ หรือหุ้นส่วนทางการเมือง ต้องเลือกคนดี โดยเฉพาะคนที่ทรยศหักหลังมา อย่าไปเลือก เมื่อเราให้ประโยชน์เขาได้ เขาก็มาอยู่กับเรา ถึงคราวเขาไม่ได้ประโยชน์ เขาก็พร้อมที่จะทรยศหักหลังเราได้ทุกเมื่อ อย่าเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า ขณะเดียวกันก็เตรียมเงื่อนไขทางกฎหมายเขียนให้รัดกุม แม้คุมไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เนื่องจากหลายๆ กรณี ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล จึงต้องใช้ทั้ง 2 อย่างประสานกัน และในสังคมมนุษย์ที่ยังมีกิเลสอยู่ จำเป็นต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมที่สุด 

หากต้องอยู่กับคนที่หักหลังทรยศจะมีวิธีเปลี่ยนนิสัยเขาได้หรือไม่



          นิสัยคนเปลี่ยนยาก และมักจะเป็นข้ามพบข้ามชาติด้วย ตัวอย่างคนจีนที่ชอบทรยศ คือ ลิโป้ เป็นหนุ่มบ้านนอก ไม่มีใครรู้ประวัติ เพราะเจ้าตัวไม่กล้าพูด เนื่องจากไม่ได้มีชาติกำเนิดที่สูง แต่ฝีมือดีรบเก่ง ได้อาศัยเต๊งหงวน เป็นข้าราชการอุปถัมภ์ รับเป็นลูกเลี้ยง ทำให้มีช่องทางได้โชว์ฝีมือตัวเอง พอคนเริ่มรู้จักว่าลิโป้รบเก่ง จึงเข้าตาตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดี คุมฮ่องแต้อยู่ในมือได้ ตั๋งโต๊ะอยากได้ลิโป้ไว้ใช้ จึงส่งสารไปว่าฝีมือของท่านอย่างกับขุนพลสวรรค์ ทำไมมาอยู่กับขุนนางระดับเล็กๆอย่างเต๊งหงวน ลิโป้ตอบไปว่า ข้าพเจ้าอาภัพไม่มีช่องทางอื่นจึงจำใจต้องอยู่กับเต๊งหงวน ตั๋งโต๊ะจึงเสนอว่า ให้หิ้วหัวเต๊งหงวนมา แล้วจะแต่งตั้งเป็นขุนพลใหญ่  ลิโป้จึงตัดหัวพ่อที่ให้โอกาสตัวเอง แล้วไปอยู่กับตั๋งโต๊ะ แต่พอถูกยุเข้าด้วยหญิงงาม ว่าหญิงนั้นรักลิโป้แต่ตั๋งโต๊ะเอาไปครอง ลิโป้จึงฆ่าตั๋งโต๊ะ ทำให้เตียวหุยเรียกลิโป้ว่าลูก 3 พ่อ คือหนึ่งพ่อที่ให้กำเนิด พ่อที่สองคือเต๊งหงวน ที่ตัวเองไปตัดหัว และพ่อที่สามคือ ตั๋งโต๊ะ พอตัดหัวเต็งหงวนมา มาคุกเข่าคำนับตั๋งโต๊ะเรียกพ่อเลย แล้วก็สุดท้ายก็ตัดคอตั๋งโต๊ะด้วย จะเห็นได้ว่าทรยศแล้ว มักจะทรยศจนเคย เพราะเป็นนิสัย ดังนั้นดูใครอย่าดูแค่ฝีมืออย่างเดียว แต่ดูประวัติให้ดี ถ้าเป็นคนทรยศหักหลังมาแล้วไม่คบด้วยดีกว่า

 คนที่ทรยศหักหลังจะมีวิบากกรรมอย่างไรบ้าง?



          เกิดภพชาติต่อไป จะหาคนที่ซื่อสัตย์ ช่วยเหลือ จริงใจยาก และทุกข์ตั้งแต่ชาตินี้ เพราะไปทรยศคนอื่น เมื่อได้ประโยชน์มาเป็นทรัพย์สินเงินทอง ยศตำแหน่ง แต่ในใจไม่มีความสุข จะระแวงทุกคนรอบตัว กลัวว่าคนอื่นจะทรยศตัวเองเหมือนที่ตัวเองทรยศคนอื่น เพราะความที่ทำไม่ดีไว้ ชาตินี้ก็ไม่สุข ชาติต่อไปวิบากกรรมตามมาก็ยิ่งแย่ และหากทรยศกับผู้มีคุณธรรมสูง วิบากกรรมยิ่งตามมามหาศาล ตายแล้วตกนรก เหมือนเทวทัต คิดแกล้งพระพุทธเจ้าจนสุดท้ายถูกธรณีสูบ ดังนั้นให้มีแต่ความจริงใจ บริสุทธ์ใจ แล้วก็มีความกตัญญูรู้คุณ ต่อผู้ที่มีพระคุณดีที่สุด สุขใจทั้งชาตินี้ สุขใจทั้งชาติหน้า แล้วจะมีความสุขความเจริญตลอดไป



          การมองนิสัยของคนที่ชอบหักหลังมี 4 ข้อ คือ 1 ชอบหักหลังคนอื่นจนเป็นนิสัย คือมีประวัติในการหักหลังคนอื่นมาโดยตลอด 2.ไม่กตัญญูต่อบิดามารดา 3.เป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด 4.เป็นคนที่ไม่รักษาแม้กระทั่งการกระทำของตัวเอง และเมื่อเราพิจารณามาถึงความทรยศของผู้อื่นแล้ว เราก็ต้องย้อนกลับมาพิจารณาตัวเราเอง ว่ามีพฤติกรรมอย่างนั้นหรือไม่ เพราะพฤติกรรมการทรยศหักหลังนั้น วิบากกรรมในระยะยาวคือ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็จะไม่มีผู้คนที่แวดล้อมด้วยความจริงใจ ไม่มีใครจงรักภักดี ส่วนวิบากกรรมที่ได้รับในชาตินี้คือความไม่สบายกายไม่สบายใจ มีแต่ความหวาดระแวงตลอดเวลา กลัวจะคนหักหลัง ดังนั้นหากไม่อยากโดนหักหลัง ควรหักใจให้ห่างไกลจากคนที่ชอบหักหลังนั่นเอง



รับชมคลิปวิดีโอหักหลังเขาแทงหลังเรา : ข้อคิดรอบตัว
ชมวิดีโอหักหลังเขาแทงหลังเรา : ข้อคิดรอบตัว   Download ธรรมะหักหลังเขาแทงหลังเรา : ข้อคิดรอบตัว





Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พลังแรงเชียร์พลังแรงเชียร์

ลอกเลียนแบบลอกเลียนแบบ

ศักดิ์สิทธิ์นอกศาสนาศักดิ์สิทธิ์นอกศาสนา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว