บุปผรัตตชาดก ชาดกว่าด้วยเป็นทุกข์เพราะภรรยาไม่ได้ผ้าย้อมดอกคำ


[ 18 มี.ค. 2562 ] - [ 18270 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

บุปผรัตตชาดก-ชาดกว่าด้วยเป็นทุกข์เพราะภรรยาไม่ได้ผ้าย้อมดอกคำ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
     ครั้งเมื่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร มีภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง เมื่อบวชแล้วก็มิอาจปฏิบัติธรรมได้ เนื่องจากยังฝักใฝ่ในกิเลส ถวิลคำนึงหา
แต่หญิงที่รัก เมื่อถึงเวลาที่ภิกษุต้องปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา
 
ภิกษุหนุ่มผู้มีใจฝักใฝ่อยู่ในกิเลส
 
ภิกษุหนุ่มผู้มีใจฝักใฝ่อยู่ในกิเลส
 
     ภิกษุรูปนี้ก็ไม่อาจทำได้ ทุกครั้งไม่ว่ายามหลับตาหรือลืมตาเขาก็จะเห็นแต่หน้าหญิงอันเป็นที่รักเท่านั้น “ โอ้ น้องหญิงของพี่ ป่านนี้เจ้าจะอยู่อย่างไรนา เจ้าจะคิดถึงพี่
บ้างหรือเปล่า ตั้งแต่พี่ออกบวชมา ไม่มีวันใดเลยที่ไม่คิดถึงเจ้า ”
 
ภิกษุหนุ่มไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้เหตุเพราะจิตใจของเขาไม่สงบ
 
ภิกษุหนุ่มไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้เหตุเพราะจิตใจของเขาไม่สงบ
 
      การตัดกิเลสไม่ขาดของภิกษุหนุ่ม  เป็นเรื่องอิดหนาระอาใจของภิกษุรูปอื่นๆ  เป็นยิ่งนัก “ เฮ้อ ตั้งแต่บวชมา ภิกษุรูปนี้ยังไม่เคยปฏิบัติธรรมอันใดได้บรรลุเลย
วันๆ ได้แต่เฝ้าคิดถึงหญิงคนรัก ” “ เราจะช่วยเขาให้ตัดกิเลสได้อย่างไรบ้างนะ ” “ เราพาภิกษุรูปนี้ไปเฝ้าพระศาสดากันเถอะ ”

ภิกษุหนุ่มเฝ้าคิดถึงหญิงผู้เป็นที่รักของเขา
 
ภิกษุหนุ่มเฝ้าคิดถึงหญิงผู้เป็นที่รักของเขา
 
     ภิกษุรูปอื่นๆ ได้พาภิกษุหนุ่มผู้กระสันมาเฝ้าองค์พระศาสดาเพื่อขอคำปรึกษาหาหนทางตัดกิเลส เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องก็ตรัสถามถึงเหตุที่ทำให้ลืม
หญิงคนรักไม่ได้ ภิกษุหนุ่มก็ตอบว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หญิงนั้นมีรสมืออร่อย
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันคุยกันถึงสาเหตุที่ภิกษุหนุ่มไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้
 
ภิกษุทั้งหลายต่างพากันคุยกันถึงสาเหตุที่ภิกษุหนุ่มไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้
 
     ข้าพระองค์ไม่อาจจะพรากจากกันได้พระเจ้าค่ะ ” “ ดูก่อนภิกษุ หญิงนี้เป็นผู้ทำความพินาศให้แก่เธอ  แม้ในปางก่อนเพราะหญิงนั้นเป็นเหตุ ” เธอก็ต้องถูกเสียบหลาว
คร่ำครวญถึงแต่นางเท่านั้น ครั้นตายแล้วไปบังเกิดในนรก บัดนี้เพราะเหตุไรเธอยังปรารถนานางอีกเล่า แล้วองค์พระศาสดาก็ตรัสเล่า บุปผรัตตชาดกดังนี้ 
 
ภิกษุทั้งหลายพาภิกษุหนุ่มไปเฝ้าพระบรมศาสดา
 
ภิกษุทั้งหลายพาภิกษุหนุ่มไปเฝ้าพระบรมศาสดา
 
     อดีตกาลครั้งนั้นในนครพาราณสี มีมหรสพกลางคืนวันเพ็ญเดือน ๑๒ ผู้คนพากันตกแต่งบ้านเมืองสวยงามราวกับเทพนคร ชาวบ้านชาวเมืองต่างแต่งตัวสวยงาม
ขณะนั้นมีสามีภรรยาคู่หนึ่งมีฐานะอย่างจนกำลังถกเถียงกัน 
 
ภิกษุหนุ่มได้เล่าถึงสาเหตุที่ตนไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ต่อองค์พระศาสดา
 
ภิกษุหนุ่มได้เล่าถึงสาเหตุที่ตนไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้ต่อองค์พระศาสดา
 
     เนื่องจากภรรยาสาวอยากนุ่งผ้าย้อมดอกคำเพื่อไปเที่ยวงามมหรสพ แต่เนื่องด้วยผ้ามีราคาแพง ผู้เป็นสามีจึงไม่สามารถหาให้ได้ “ น้องหญิงจ๊ะ เจ้าห่มผ้าสีขาวนี้ก็ได้นี่จ๊ะ
ดูสิ พี่อุตสาห์เอาไปซักให้ขาวสะอาดเลยนะเนี่ย
 
เศรษฐีได้กราบทูลถามปัญหาของบุตรชายต่อองค์พระศาสดา
 
เศรษฐีได้กราบทูลถามปัญหาของบุตรชายต่อองค์พระศาสดา
     
     ถึงแม้มันจะเก่าไปบ้างก็เถอะ แต่เจ้าเป็นคนสวยอยู่แล้ว ใส่อะไรก็สวยนั่นแหละจ้า ” “อึย ผ้าเก่าๆ อย่างนี้น้องไม่ใส่ไปให้อายชาวบ้านเขาหรอกซอมซ่อจะตาย ไม่รู้ล่ะ
ถ้าไม่ได้ผ้าย้อมดอกคำ น้องก็จะไม่ไปเที่ยวงาน พี่เชิญไปกับหญิงอื่นเถอะ ”
 
นครพาราณสีได้จัดงานมหรสพกลางคืนวันเพ็ญเดือน ๑๒
 
นครพาราณสีได้จัดงานมหรสพกลางคืนวันเพ็ญเดือน ๑๒
 
     “ แหมน้องหญิงจ๋า นี่พี่จะไปกับหญิงอื่นได้อย่างไร น้องก็รู้ว่าฐานะอย่างเราจะไปหาผ้าย้อมดอกคำที่ไหนได้ ทำไมเจ้าถึงต้องการใส่แต่ผ้าย้อมดอกคำละ ชุดไหนๆ
พี่ว่าก็เหมือนกันทั้งนั้นแหละ ” 
 
สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังคุยกันถึงการไปเที่ยวงานมหรสพในพระนคร
 
สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังคุยกันถึงการไปเที่ยวงานมหรสพในพระนคร
 
     “ ไม่เหมือนหรอกจ๊ะพี่จ๋า ผ้าย้อมดอกคำ สวยกว่าผ้าอื่นเป็นไหนๆ หากน้องได้นุ่งผ้าย้อมดอกคำออกเที่ยวงานมหรสพกับพี่ น้องจะมีความสุขมากเลยนะจ๊ะ พี่ลองคิดดูสิจ๊ะ
หากพี่หาผ้าย้อมดอกคำให้น้องได้ น้องก็จะเอามานุ่งผืนหนึ่ง ห่มผืนหนึ่ง
 
ภรรยาไม่ต้องการห่มผ้าสีขาวไปเที่ยวงานมหรสพตามที่สามีจัดหาไว้ให้
 
ภรรยาไม่ต้องการห่มผ้าสีขาวไปเที่ยวงานมหรสพตามที่สามีจัดหาไว้ให้
  
     น้องต้องดูสวยมากๆ เลยนะจ๊ะพี่จ๋า แล้วเราสองคนก็จะเดินไปเที่ยวงานด้วยกัน น้องกับพี่โอบเอวกันเดิน พี่คิดดูสิจ๊ะ ชาวบ้านชาวเมืองที่เขาไปงานก็จะต้องตกตะลึง
ในความงามของน้อง ต้องมีแต่คนอิจฉาพี่แน่ๆ เลย ที่พี่มีภรรยาสาวสวยอย่างน้อง ”
 
ภรรยาต้องการให้สามีนำผ้าย้อมดอกคำมาให้เพื่อที่เธอจะใส่ไปเที่ยวงานมหรสพ    

ภรรยาต้องการให้สามีนำผ้าย้อมดอกคำมาให้เพื่อที่เธอจะใส่ไปเที่ยวงานมหรสพ
 
     ภรรยาสาวเพ้อฝันถึงการนุ่งห่มผ้าย้อมดอกคำไปเที่ยว แต่ชายผู้เป็นสามี แม้จะอยากได้ผ้าย้อมดอกคำให้ภรรยาสาวใจจะขาด แต่เขาก็ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้
จึงได้แต่ปลอบประโลมเธอและชักชวนให้ใส่ผ้าสีขาวที่มีไปเที่ยวงาน
 
สามีหนุ่มปลอบใจภรรยาสาวที่ตนไม่สามารถหาผ้าย้อมดอกคำมาให้เธอได้
 
สามีหนุ่มปลอบใจภรรยาสาวที่ตนไม่สามารถหาผ้าย้อมดอกคำมาให้เธอได้
  
     “ ฮือๆๆ ทำไมชีวิตน้องถึงได้ลำบากยิ่งนัก ตั้งแต่น้องออกเรือนมาอยู่กับพี่ วันๆ ก็ได้แต่นั่งทำงานงกๆ เสื้อผ้าสวยๆ ก็ไม่เคยมีนุ่งมีใส่เหมือนคนอื่นเขา พออยากจะได้ผ้าสักผืน
พี่ก็ไม่ยอมหาให้น้อง น้องก็แค่อยากได้ผ้าสวยๆ ไปเที่ยวกับพี่บ้างเท่านั้นเอง ฮือๆๆ ”
 
ภรรยาสาวน้อยใจสามีร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องไม่เป็นอันทำสิ่งใด
 
ภรรยาสาวน้อยใจสามีร้องไห้ฟูมฟายอยู่ในห้องไม่เป็นอันทำสิ่งใด
 
      “ พี่ก็อยากหามาให้น้องเหมือนกันละจ้า แต่เจ้าก็รู้อยู่ว่าฐานะอย่างเรามันยากจนแค่ไหน แล้วอย่างนี้พี่จะไปหาผ้าย้อมดอกคำให้เจ้าได้อย่างไรกันละ โธ่ น้องหญิง ”
“ พี่จ๊ะ เรายังพอมีหนทางได้ผ้าย้อมดอกคำอยู่นะจ๊ะ พี่ลืมไปแล้วเหรอว่า ดอกคำในไร่ของพระราชา มีมากอยู่ไม่ใช่หรือ พี่ก็ไปขโมยมาให้น้องสิจ๊ะ
 
ภรรยาสาวดีใจมากที่สามียอมที่จะไปขโมยดอกคำมาให้ตน
 
ภรรยาสาวดีใจมากที่สามียอมที่จะไปขโมยดอกคำมาให้ตน
 
     ถ้าพี่รักน้องจริง พี่ต้องไปเอามาให้น้องนะ ” “ โอ้ย ไม่ได้หรอก ที่นั่นมีการป้องกันแข็งแรงออกจะตาย ประตูรั้วก็แน่นหนา อีกทั้งมีทหารเฝ้ายามอีกมากมาย พี่ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้หรอก
เจ้าอย่าได้คิดถึงผ้าย้อมดอกคำนั้นเลย นุ่งผ้าสีขาวนี้ไปกับพี่เถิดนะเจ้านะ ” เมื่อฝ่ายสามีไม่อาจตามใจภรรยาสาวได้ ภรรยาสาวจึงน้อยใจ ร้องไห้ฟูมฟาย
 
อากาสัฏฐเทวดาได้มาเตือนไม่ให้ชายหนุ่มเข้าไปขโมยดอกคำในไร่ของพระราชา
 
อากาสัฏฐเทวดาได้มาเตือนไม่ให้ชายหนุ่มเข้าไปขโมยดอกคำในไร่ของพระราชา
 
     เก็บตัวอยู่ในห้องนอนเพื่อเรียกร้องความสงสาร สามีเมื่อเห็นภรรยาโศกเศร้าก็เสียใจ รู้สึกผิดที่ไม่อาจตามใจภรรยาได้ เขาจึงตัดสินใจทำตามแผนที่ภรรยาวางไว้
คือ เข้าไปขโมยดอกคำที่ไร่ของพระเจ้าพรหมทัต “ โธ่ น้องหญิง เจ้าอย่าได้โศกเศร้าไปเลย หากน้องหญิงต้องการผ้าย้อมดอกคำ พี่ก็จะไปเอามาให้แม้จะต้องฝ่า
อันตรายก็ตาม เฮ้ย เพื่อน้องหญิง พี่ทำได้ ”
 
ชายหนุ่มไม่ฟังคำเตือนของอากาสัฏฐเทวดาเขาเฝ้าคิดถึงแต่หญิงผู้เป็นที่รักของเขาเท่านั้น
 
ชายหนุ่มไม่ฟังคำเตือนของอากาสัฏฐเทวดาเขาเฝ้าคิดถึงแต่หญิงผู้เป็นที่รักของเขาเท่านั้น
 
       “ จริงๆ นะจ๊ะพี่จ๋า น้องดีใจจังเลย น้องเชื่อจ๊ะว่าพี่ต้องทำได้ เมื่อความมืดในยามรัตติกาลมีอยู่ ขึ้นชื่อว่าสถานที่ที่ลูกผู้ชายจะไปไม่ได้ไม่มีหรอกจ๊ะ” รุ่งขึ้นขณะที่สามี
กำลังทำสวนอยู่นั้นก็มีอากาสัฏฐเทวดาเที่ยวไปในอากาศและได้เห็นภัยในอนาคตของเขาจึงเข้ามาห้ามไว้ “ เจ้ากำลังคิดที่จะไปขโมยดอกคำที่ไร่ของพระราชาหรือ
อย่าทำเช่นนั้นเลย เจ้าจะได้รับทุกขเวทนาร้ายแรงนักกับเคราะห์กรรมครั้งนี้ ”
 
ชายหนุ่มเข้าไปขโมยดอกคำในไร่ของพระราชาในยามค่ำคืน
 
ชายหนุ่มเข้าไปขโมยดอกคำในไร่ของพระราชาในยามค่ำคืน
 
      “ ข้าแต่ท่านเทพเทวดา อันตัวเรานี้มีทุกข์อันใดที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่จะได้เห็นหญิงอันเป็นที่รักทุกข์ใจอีกแล้ว อันตรายใดๆ กระผมก็พร้อมที่จะเผชิญ แต่ขอให้น้องหญิงที่รัก
มีความสุขก็เพียงพอแล้ว ” เมื่อเห็นว่าตักเตือนแล้วไม่เป็นผล อากาสัฏฐเทวดาจึงเหาะจากไป ทิ้งให้ชายเขลาผู้หลงเชื่อถ้อยคำของนาง ด้วยอำนาจกิเลสเผชิญกับชะตากรรมที่จะได้รับ

ชายหนุ่มถูกทหารจับตัวได้ในขณะที่เขาปีนข้ามรั้วไม้แล้วเกิดเสียงดัง
 
ชายหนุ่มถูกทหารจับตัวได้ในขณะที่เขาปีนข้ามรั้วไม้แล้วเกิดเสียงดัง
 
     “ เฮ้อ ช่างเถอะจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเราก็ช่าง แต่เราจะต้องนำผ้าย้อมดอกคำมาให้น้องหญิงอันเป็นที่รักของเราให้ได้ เราสองคนจะได้ไปเที่ยวกันอย่างมีความสุขสักที ”
เมื่อถึงเวลากลางคืนผู้เป็นสามีก็เสี่ยงชีวิตจากพระนครไปสู่ไร่ดอกคำของหลวง “ มืดๆ อย่างนี้ทหารคงมองไม่เห็นตัวเราหรอก คราวนี้แหละจะต้องเอาดอกคำออกมาให้ได้ ”
 
พระราชาได้ตัดสินโทษชายหนุ่มผู้ขโมยดอกคำ
 
พระราชาได้ตัดสินโทษชายหนุ่มผู้ขโมยดอกคำ
 
     เมื่อชายผู้เป็นสามีปีนรั้วเข้าไปในไร่ ก็เกิดเสียงไม้กระทบกันเสียงดัง คนเฝ้าไร่ได้ยินเสียงรั้วต่างพากันวิ่งมาดูแล้วล้อมจับไว้ ครั้นสว่างแล้วก็พาไปมอบให้พระเจ้าพรหมทัต
ตัดสินโทษ “ บังอาจมาก เจ้ากล้าดีอย่างไร มาขโมยดอกคำในไร่ของข้า ทหารจงเอามันไปเสียบเสียที่หลาว ” สิ้นคำสั่งจากพระเจ้าพรหมทัตทหารเหล่านั้นก็มัดเขาไว้
 
ชายหนุ่มถูกพาออกจากเมืองไปยังแดนประหาร
 
ชายหนุ่มถูกพาออกจากเมืองไปยังแดนประหาร
 
      แล้วพาออกจากเมืองโดยมีคนตีกรองประกาศโทษประหารตามไปด้วย “ ขโมยอะไรไม่ขโมย ขโมยของพระราชา เป็นยังไงละ โทษถึงประหารชีวิตเลยนะนั่น ” “ น่าสงสารเขา
เหมือนกันนะ โทษเสียบหลาวทุกข์ทรมานยิ่งนัก ” เมื่อทหารพาตัวชายผู้เป็นสามีมาถึงที่ ก็พาเขาไปเสียบที่หลาว เขาได้รับเวทนาแสนสาหัส ฝูงกาพากันไปเกาะที่ศีรษะ

ชายหนุ่มถูกเสียบด้วยหลาวมีฝูงกาพากันมารุมจิกนัยน์ตาของเขา
 
ชายหนุ่มถูกเสียบด้วยหลาวมีฝูงกาพากันมารุมจิกนัยน์ตาของเขา
 
      จิกนัยน์ตาด้วยจะงอยปากอันคมเหมือนปลายคีม ชายผู้นี้ไม่ได้ใส่ใจทุกขเวทนาที่ได้รับแม้แต่น้อย เขายังคงเฝ้าคิดถึงแต่หญิงอันเป็นที่รักเท่านั้น “ โอ๊ย ที่เราถูกหลาวเสียบนี้
ไม่เป็นทุกข์ ที่ถูกกาจิกเล่าก็ไม่ได้เป็นทุกข์ เราทุกข์อยู่แต่ว่า นางผิวทองจะไม่ได้นุ่งห่มผ้าย้อมดอกคำเที่ยวงานประจำราตรีแห่งเดือน 12 นี้ 
 
ชายหนุ่มทุกข์ใจจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตที่ไม่อาจหาผ้าย้อมดอกคำมาให้ภรรยาของตนได้
 
ชายหนุ่มทุกข์ใจจนวินาทีสุดท้ายของชีวิตที่ไม่อาจหาผ้าย้อมดอกคำมาให้ภรรยาของตนได้
 
     โอ้ย เราพลาดโอกาสจากงานประจำราตรีกับนางอันเป็นที่รัก โอ้ย ไม่ได้ใช้แขนทั้งคู่โอบกอดรอบคลอเคลียกัน โอย ” ชายผู้น่าเวทนาพร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้นจนสิ้นใจ

 

คู่สามีภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่สามีภรรยาในครั้งนี้
อากาสัฏฐเทวดา ได้เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า


รับชมคลิปวิดีโอบุปผรัตตชาดก : ชาดก 500 ชาติ
ชมวิดีโอบุปผรัตตชาดก : ชาดก 500 ชาติ   Download ธรรมะบุปผรัตตชาดก : ชาดก 500 ชาติ
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สมิทธิชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รู้เวลาตายสมิทธิชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รู้เวลาตาย

ปัณณิกชาดก ชาดกว่าด้วยที่พึงให้โทษปัณณิกชาดก ชาดกว่าด้วยที่พึงให้โทษ

กฏาหกชาดก ชาดกว่าด้วยคนขี้โอ่กฏาหกชาดก ชาดกว่าด้วยคนขี้โอ่



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ