พลังหญิง


[ 27 เม.ย. 2562 ] - [ 18272 ] LINE it!

พลังหญิง
ผู้ชายคือเพศแห่งผู้นำ จริงหรือ? ยุคนี้นับถือคนที่ความสามารถ ผู้หญิงเองก็เก่งไม่แพ้กัน 
 
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
ผู้หญิงจะถูกมองว่าด้อยกว่าผู้ชายในหลายๆ เรื่อง ผู้หญิงควรจะทำอะไรได้เหมือนผู้ชายหรือไม่?
          โดยสรีระผู้หญิงผู้ชายไม่เหมือนกัน จะให้ทำทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย คงไม่ใช่ ประเทศส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นยุโรปก็ตาม จีนก็ตาม แม้ไทยก็ตาม อินเดียก็ตาม แต่โบราณเนื่องจากผู้หญิงต้องเลี้ยงลูกและอาชีพโบราณเป็นการเกษตร การรบราฆ่าฟันก็ต้องใช้กำลังกายเป็นหลัก ในสภาวะสังคมอย่างนั้น ผู้ชายดูเหมือนจะแข็งแรงกว่าเพราะแรงเยอะกว่า แต่ทางสติปัญญาในยุคปัจจุบัน ในมหาวิทยาลัยต่างๆผู้หญิงอาจมากกว่าผู้ชาย ในยุคข้อมูลข่าวสารที่ใช้สติปัญญาผู้หญิงไม่ได้ด้อยกว่าผู้ชาย
 
 

          มีรากฐานจากประวัติศาสตร์วัฒนธรรมที่ตกทอดมา สมัยก่อนต้องใช้แรงกายเป็นหลัก และผู้ชายเหนือกว่า ผู้หญิงเลี้ยงลูกอยู่บ้านเป็นหลักไม่ต้องรับการศึกษาอะไรมาก ผู้หญิงจึงไม่ค่อยได้เรียนหนังสือ อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ เมื่อการศึกษามันเสียเปรียบ โอกาสที่จะไปรับราชการก็ไม่เหมือนผู้ชาย ผู้หญิงจึงอยู่ในสถานะที่ด้อยกว่า แต่เมื่อสังคมเริ่มเปลี่ยนการศึกษาเริ่มกว้างขวางในแง่การทำงานจึงไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่ยังมีราก เหมือนเป็นแรงเฉื่อยของความคิดเก่าๆ ตกค้างอยู่บ้างซึ่งค่อยๆ น้อยลง สังเกตในประเทศไทย แต่ก่อนผู้ว่าราชการจังหวัดต้องเป็นผู้ชาย แต่เมื่อ 10-20 ปีที่แล้วเปิดให้มีผู้ว่าผู้หญิง ผู้หญิงจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นแต่ไม่เท่ากับผู้ชาย ซีอีโอบริษัทต่างๆ ที่เป็นผู้หญิงก็ค่อยๆ มีมากขึ้น ผู้บริหารระดับสูงอธิบดีที่เป็นผู้หญิงก็ค่อยๆ มากขึ้น แต่เปรียบเทียบกันแล้วผู้ชายก็ยังมากกว่า แต่เปอร์เซ็นต์ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ยุคนี้ต้องบอกว่าหญิงดังสำลีหุ้มเหล็กกล้า ดูละมุนตา แต่ทว่าหัวใจเข้มแข็ง ดูเบาผู้หญิงไม่ได้แล้ว
 
เมื่อผู้หญิงได้โอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำระดับประเทศ หรือระดับโลก จะต้องวางตัวอย่างไร ถึงจะเหมาะสม?
 

          เล่นสมบทบาท อยู่ในบทบาทไหนก็ทำบทบาทนั้น เช่น เมื่อเป็น ผบทบ.หญิงก็ต้องทำหน้าที่บังคับบัญชาทหารมีความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งเด็ดขาดที่ทุกคนเกรงใจมีสติปัญญา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นผู้หญิง จะต้องเหมือนผู้ชายทุกอย่างไม่จำเป็น จะมีความอ่อนโยนไปเยี่ยมเยียนประชาชน ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนผู้ชายทุกอย่าง ดูแลเด็กๆ มีความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง ไม่ได้ทำให้ด้อยค่าของตำแหน่งบทบาทที่ทำอยู่ เอาจุดแข็งจุดเด่นของผู้หญิงมาใช้ สรีระความแข็งแรงผู้หญิงอาจจะสู้ผู้ชายไม่ได้ แต่ผู้หญิงมีความละเมียดละไมในรายละเอียดมากกว่า แล้วก็อดทนมากกว่าผู้ชาย เพียงแต่โดยทั่วไปที่หญิงไม่ได้เป็นใหญ่ เพราะนอกจากรากฐานวัฒนธรรม และส่วนหนึ่งคืออารมณ์มีความผันผวนมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงต้องมีรอบเดือน พอฮอร์โมนผันผวนสภาวะทางอารมณ์ตอนนั้นมันก็ผันผวนไปด้วย ทำให้คนรู้สึกว่าโดยเฉลี่ยไม่นิ่งเท่าผู้ชาย ยกเว้น มีหญิงเหล็กที่ถึงแม้สรีระโดยธรรมชาติจะมีความผันผวนมากกว่าผู้ชาย แต่หัวใจเด็ดเดี่ยวใจคุมสรีระอยู่ และหญิงเหล็กเหล่านี้พอก้าวขึ้น มาเป็นผู้นำได้แล้วมักจะอยู่ยาว เช่น Margaret Thatcher เป็นหญิงเหล็กแห่งอังกฤษ เป็นนายกแทบจะตลอดกาลนานจนอายุมาก 
 
ทำไมผู้หญิงเก่งถึงมักครองตัวเป็นโสด?
 

          ผู้ชายมีค่านิยมสังคมที่มีอิทธิพลต่อความคิด แต่โดยรวมๆ ผู้ชายมีความรู้สึกว่า ตัวเองอยากจะเป็นผู้นำ หากไปมีคู่ครองเป็นหญิงเหล็กที่เก่ง ทำให้ความเชื่อมั่นในตัวเองถูกภรรยาข่ม ไปถึงไหนภรรยาเด่นกว่า ไปถึงไหนภรรยาเป็นช้างเท้าหน้า ตัวเองเป็นช้างเท้าหลัง รัศมีของภรรยาสว่างกว่า เจิดจ้าทุกคนจับตามองที่ภรรยา ตัวเองเป็นผู้ติดตาม พอเป็นอย่างนี้ ผู้ชายจำนวนไม่น้อยก็ทนภาวะอย่างนั้นไม่ได้ จำนวนไม่น้อยก็ไปมีกิ๊ก รู้สึกอยู่กับกิ๊กแล้วภูมิใจในความเป็นผู้ชาย ในความเป็นผู้นำ แต่หญิงเหล็กที่ยืนหยัดอยู่ได้ จำนวนไม่น้อยเพราะว่า สามีเป็นคนที่ไม่ถือ เช่น ควีนอลิซาเบธ กับพระสวามี แต่พระสวามีปรับตัวได้ รับตรงนี้ได้ ก็อยู่ด้วยกันมายาวนานจน 60-70 ปี ขึ้นอยู่กับคู่ไหนธาตุธรรมนิสัยลงตัวไปกันได้ บางครอบครัวที่ภรรยารับราชการตำแหน่งสูงกว่า ไปเป็นอัครราชทูตอยู่ต่างประเทศ สามีก็ลาออกจากงานแล้วไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยา ภรรยากลายเป็นหลักครอบครัว เพราะรับราชการตำแหน่งสูง สามีไม่ได้ทำงานแต่ก็อยู่ด้วยกันด้วยดี ช่วยดูแลบ้าน ไปเที่ยวด้วยกัน ก็ไปด้วยกันได้ อยู่ที่ว่าปรับตัวปรับใจกันได้หรือไม่ที่จะให้ภรรยาเป็นผู้นำ ถ้าจะให้ดีก็เก่งทั้งคู่ภรรยาก็เก่งสามีก็เก่ง ต่างฝ่ายต่างเกรงใจซึ่งกันและกันก็ยิ่งลงตัว

ผู้หญิงเก่งส่วนใหญ่ก็จะมีรูปสมบัติที่งดงาม มีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร?
 

          มี 2 อย่าง ผู้หญิงเก่งไม่จำเป็นต้องสวย แต่มีเงื่อนไขประกอบว่า คนที่เก่งมักจะเป็นคนที่ทำบุญไว้ดีแล้ว ในอดีตผลบุญส่งทำให้เกิดมาแล้วสติปัญญาจะค่อนข้างดี มีแนวโน้มรูปร่างหน้าตามักจะใช้ได้ไปด้วย เพราะฉะนั้นโดยเฉลี่ยผู้หญิงเก่งจะดูหน้าตาดีกว่าชาวบ้านทั่วไปโดยเฉลี่ย อีกส่วนหนึ่งเกิดจากปัจจุบัน เนื่องจากบุคลิกความน่าดู เปลี่ยนได้ ไม่ใช่เปลี่ยนเพราะมีดหมอแต่เปลี่ยนโดยธรรมชาติ เช่น สามีภรรยาส่วนใหญ่หน้าตาจะคล้ายๆ กัน ดูแล้วบางทีนึกว่าเป็นพี่น้องกัน แต่จริงๆเป็นสามีภรรยากัน เกิดจากอยู่ด้วยกันยาวนาน เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ธรรมชาติของมนุษย์จะพยายามปรับตัวเองให้สอดคล้องสภาวะแวดล้อม ส่งผลต่อหน้าตาที่ดูออกมาว่าก็คล้ายๆกัน โดยหลังจากเกิดแล้ว ไม่ใช่คล้ายโดยดีเอ็นเอ กล้ามเนื้อของมนุษย์ที่มีการทำงาน จะยิ้มเหมือนกัน พูดคุยคล้ายๆ กันนานเข้า 5 ปี 10 ปี ค่อยๆปรับให้ดูคล้ายกัน 
 

          เพราะรูปร่างหน้าตา หลังจากเกิดมาแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงได้ จากการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อ คนที่เก่งและมีความสามารถประสบความสำเร็จจะเกิดความเชื่อมั่น ตาเป็นประกาย ท่าเดินก็ยังดูกระฉับกระเฉง ดูเชื่อมั่น องอาจ น้ำเสียงก็แจ่มใสและมีพลัง อวัยวะการทำงานของร่างกาย กล้ามเนื้อทั้งหมดจะลงตัว และกลมกล่อมทำให้ดูดี แม้ว่าไม่ได้สวยแต่เกิด แต่ดูดี คนนี้ดูและบุคลิกดูดี เป็นเพราะเขาเก่ง และเกิดความเชื่อมั่น มีการฝึกฝนกริยามารยาท ท่าเดิน ท่านั่ง พอกริยามารยาททุกอย่างลงตัว ดูแล้วจึงดูดี 
 

          คนไหนบุคลิกดีจะมีส่วนเสริมต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง โอกาสประสบความสำเร็จในการงานก็สูงขึ้นจะเสริมกัน เพราะคนอื่นเชื่อมั่น ตัวเองก็ยิ่งเชื่อมั่น ฝึกตัวเองดี บุคลิกดี คนอื่นเชื่อมั่น สายตาคนรอบข้างเชื่อมั่น ตัวเองก็เกิดความมั่นใจ เกิดความมั่นใจก็กล้าทำ ได้ทำก็เก่งชำนาญมีประสบการณ์มากขึ้นๆ ก็เหมือนกับมีคนคอยดันขึ้นไป จะเสริมไปเรื่อยๆ อย่างนี้เป็นวงจรบวก
 
ผู้หญิงเก่งทางโลกส่วนใหญ่มีการศึกษาดี รูปสมบัติดี แต่ในทางธรรม ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกายคือคุณยายอาจารย์ ท่านอ่านหนังสือไม่ออกเขียนก็ไม่ได้ แต่ทำไมสามารถสร้างวัดให้คนทั้งโลกมาสร้างความดีร่วมกันได้? 
 

          คนจะประสบความสำเร็จได้ ต้องฝึกตัวเอง การศึกษาเป็นรูปแบบการฝึกตัวเองรูปแบบหนึ่ง แต่ไม่จำเป็นว่าคนมีความรู้แล้วต้องประสบความสำเร็จมากกว่าคนไม่มีความรู้ เพราะคนบางคนอาจจะเรียนต่ำ จบแค่ประถม มัธยม อาจจะรวยกว่าคนจบปริญญา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงก็ตาม การศึกษาเป็นเครื่องช่วยแต่ไม่ใช่เงื่อนไข 100% คราวนี้ของคุณยายอาจารย์ ท่านเองไม่ได้เรียนหนังสือเพราะเป็นคนในยุคก่อน หญิงไทยยุคนั้นไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ท่านตั้งใจฝึกตัวเอง ท่านบอกว่ายายสร้างวัดได้เพราะยายจริงตัวเดียว ไปฝึกสมาธิกับหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านก็ทุ่มชีวิตปฏิบัติแบบเอาจริงเอาจังเลย ไม่ไปเที่ยวไปเตร่ที่ไหน นั่งสมาธิวันละ 2 รอบ รอบละ 6 ชั่วโมง กลางวัน 6 ชั่วโมง กลางคืน 6 ชั่วโมง แล้วท่านเองหลีกเลี่ยงการเข้าห้องน้ำระหว่างนั่งด้วย จัดการภารกิจให้เสร็จ กะเวลาดื่มน้ำให้เรียบร้อย นั่ง 6 ชั่วโมง หลังพิงอากาศเลย แล้วก็นั่งรวด 6 ชั่วโมง เอาจริงเอาจัง จนหลวงปู่วัดปากน้ำยกว่า ลูกจันทร์เป็นหนึ่งไม่มีสอง ท่านทำอะไรท่านทำจริง มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจว่า คนจะประสบความสำเร็จต้องทุ่มเทฝึกตัวเองอย่างจริงจัง แต่รูปแบบการฝึกตัวเอง ไม่จำกัดเพียงเฉพาะต้องเรียนหนังสือในโรงเรียนเท่านั้น จะปฏิบัติธรรม ก็ทำได้ ในครั้งพุทธกาลพระอรหันต์หลายๆ รูปไม่ได้เรียนหนังสือ ก็เป็นพระอรหันต์ได้ อยู่ที่ว่าจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง ขอให้จริงและทุ่มเทพัฒนาตัวเองอย่างจริงจังไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ก็สามารถประสบความสำเร็จได้
 

รับชมคลิปวิดีโอพลังหญิง : ข้อคิดรอบตัว
ชมวิดีโอพลังหญิง : ข้อคิดรอบตัว   Download ธรรมะพลังหญิง : ข้อคิดรอบตัว



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โซเดียม อันตรายใกล้ตัวโซเดียม อันตรายใกล้ตัว

Why do people have to pay homage? Ignorant!Why do people have to pay homage? Ignorant!

กราบไหว้ทำไม งมงาย ! กราบไหว้ทำไม งมงาย !



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ข้อคิดรอบตัว