ประโยชน์จากน้ำตา


[ 30 ส.ค. 2562 ] - [ 18300 ] LINE it!

ประโยชน์จากน้ำตา
น้ำตาทำให้เข้มแข็งได้อย่างไร
 
เรื่อง : พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการทันโลกทันธรรม ออกอากาศทางช่อง GBN
 
 
โดยทั่วไปเราหลั่งน้ำตา ปีละมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งมีน้ำตาที่หลั่งออกมามีกี่ประเภท?
 
          เราผลิตน้ำตาปีหนึ่งประมาณ 55 - 110 ลิตร เมื่อพูดถึงน้ำตามักจะมองว่าเป็นเรื่องที่สูญเสีย พ่ายแพ้หรืออะไรต่างๆแต่ความจริงน้ำตามีหลายประเภท เช่น น้ำตาประเภทที่ 1 คือ น้ำตาที่หลังออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงตา เป็นน้ำตาที่ต้องใช้ทุกวัน เพื่อทำให้ดวงตามีความหล่อลื่น ไม่รู้สึกแห้งหรือเยื่อบุตาเกิดการอักเสบระคายเคือง ซึ่งเมื่ออายุมากขึ้นต้องไปหยอดน้ำตาเทียม เนื่องเป็นเหมือนเกราะที่คอยปกป้องตาจากฝุ่นต่างๆรวมถึงความแห้งที่เกิดจากการเสียดสี

 
          น้ำตาประเภทที่ 2 เป็นน้ำตาที่ออกมาจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น ปอกหัวหอมก็จะแสบตาแล้วน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว น้ำตาประเภทนี้ออกมาเพื่อกำจัดสารที่ก่อการระคายเคือง เช่น ฝุ่น หัวหอมหรือแม้กระทั่งน้ำตาที่เกิดจากสิ่งเร้าภายนอก เช่น บาดเจ็บหรือโดนอะไรที่เจ็บปวดแบบกะทันหัน ก็จะมีน้ำตาไหลออกมา น้ำตาที่ออกมาจากสิ่งเร้าภายนอกจะมีสารจำพวก ไลโซโซม์ ในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อย่อยเชื้อโรคเป็นกลไกการปกป้องร่างกาย 

 
          น้ำตาประเภทที่ 3 เป็นน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ เช่น ความรู้สึกสูญเสีย เห็นอกเห็นใจ เวลาดูหนังแล้วก็รู้สึกอิน ความรู้สึกสงสาร ความเจ็บปวดจากการมีชีวิตอยู่ ความกลัวความอ่อนไหวทางอารมณ์ต่างๆแม้กระทั่งการตอบสนองทางอารมณ์ต่อสิ่งสวยงาม หรือความสุขความสมหวัง เช่น ได้อะไรที่ไม่คาดฝันอย่างเช่นได้รางวัลใหญ่ พบว่าน้ำตาชนิดนี้มีฮอร์โมนอยู่ด้วย  และมีแร่ธาตุบางอย่างอยู่ด้วย

ฮอร์โมนแร่ธาตุต่างๆทำปฏิกิริยาอะไรกับร่างกาย รวมทั้งมีรสชาติเค็มด้วยหรือไม่?
 

          น้ำตาคือส่วนที่ออกมาจากเลือด กลั่นออกมาเป็นน้ำตาจะมีเกลือแร่อิเล็กโทรไลต์ ปกติเลือดจะเค็มนิดหน่อย เพราะมีเกลือแร่ โครงสร้างของน้ำตาจะคล้ายกับโครงสร้างของน้ำลายคือมีองค์ประกอบเอนไซม์ มีไขมัน ของเสีย เมแทบอไลต์คือของเสีย ที่เกิดจากการเผาผลาญของร่างกายแล้วก็มีเกลือแร่อิเล็กโทรไลต์  นอกจากนี้แล้วน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ยังมีฮอร์โมนโปรแลคตินและ ACTH  ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวกับความเครียดและอารมณ์
 
เวลาหลั่งน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์มีผลอย่างไรต่อร่างกาย?

 
          การหลั่งน้ำตาอาจเป็นการระบายฮอร์โมนความเครียดได้ แล้วระบายแมงกานีสออกไป เนื่องจากแมงกานีส เป็นสารที่จำเป็นใช้ในระบบประสาท แต่คนที่มีระดับแมงกานีสสูงจะเป็นคนหงุดหงิดง่ายขี้กระวนกระวาย ขี้น้อยใจ อารมณ์แปรปรวนอารมณ์ไม่นิ่งไม่มั่นคง การหลั่งน้ำตาออกไปเป็นการระบายแมงกานีสที่รวดเร็วได้อีกทางหนึ่ง

          นอกจากนี้น้ำตาลยังมีฮอร์โมนเอนเคฟาลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเกี่ยวกับความเจ็บปวด คือทำให้ลดอาการเจ็บปวด ทำให้รู้สึกดีเพราะเมื่อหลังน้ำตาแล้วฮอร์โมนตัวนี้ออกมาด้วยทำให้เรารู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ได้เสียน้ำตาไปก็จะรู้สึกดีขึ้น
 
กลไกการหลั่งน้ำตาเกี่ยวข้องกับความเข้มแข็งทางจิตใจของคนที่ร้องไห้หรือไม่?

 
          การร้องไห้เป็นการแสดงออกทางอารมณ์ที่อ่อนแอ แม้กระทั่งการร้องไห้ด้วยความสุข นักจิตวิทยาหรือนักวิทยาศาสตร์ มองว่าเป็นการแสดงออกซึ่งไม่มีอะไรที่ควบคุมได้ พอรู้สึกดีใจมากทำไมถึงร้องไห้เพราะคุมไม่ได้ เช่น พ่อป่วยอยู่โรงพยาบาล แพทย์มาบอกข่าวร้ายก็ร้องไห้ แพทย์มาบอกข่าวดีก็ร้องไห้ แปลว่าควบคุมไม่ได้ เป็นตัวแปรที่เข้าไปเกี่ยวด้วยไม่ได้ จะดีหรือจะร้ายขึ้นกับใครก็ไม่รู้ ซึ่งเราไปต่อรองไม่ได้ไปคุยด้วยไม่ได้ติดสินบนก็ไม่ได้ พอเหนือความคาดหวังน้ำตาเลยออกมา เพราะฉะนั้นที่รู้สึกเข้มแข็ง หรือรู้สึกดีขึ้น ความจริงคือได้ระบายฮอร์โมนที่เป็นฮอร์โมนความเครียดออกไป ระบายแมงกานีสออกไปนั่นเอง
 
การหลั่งน้ำตามีผลดีกับร่างกายอย่างไร?
 

          1.เวลาเครียด จะมีฮอร์โมน ACTH เป็นฮอร์โมนจากต่อมใต้สมอง ซึ่งเข้าไปบีบต่อมหมวกไตให้หลังฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดออกมามากขึ้น เมื่อร้องไห้ ฮอร์โมน ACTH จะสูงมากในน้ำตาที่เกิดจากอารมณ์ เพราะฉะนั้นเวลาร้องไห้แปลว่า กำลังระบาย ACTH ส่วนเกินออกไปทำให้คอร์ติซอลลดลงจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
 
          2.พบว่า หลังร้องไห้ไปแล้วจิตใจจะสงบขึ้น มีความสุขมากขึ้นเพราะก่อนจะร้องไห้คงจะมีความทุกข์ พอระบายออกไปฮอร์โมนลดลง ความทุกข์น้อยลง ก็เลยรู้สึกว่าสุข บางคนมองว่า ความทุกข์ลดลงจะรู้สึกมีความสุขมากขึ้น

 
          3.การร้องไห้บางทีก็เป็นการแสดงออกซึ่งทำให้คนรู้สึกว่ามีความกล้าหาญที่จะแสดงออก ซึ่งเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง น้ำตาผู้ชายเวลาหลั่งออกมาในจุดที่เหมาะสมจะประทับใจคนฟัง เป็นการแสดงออกด้านการสื่อสารที่อาจจะมีน้ำหนักมากกว่าคำพูด และยังสามารถโน้มน้าวจูงใจคนได้
          4.นักชีววิทยา Oeren Hasson พบว่า การร้องไห้เป็นการกระตุ้นความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ทำให้ความสัมพันธ์ที่แตกแยกกลับดีขึ้น
 
ทันธรรม...โดย พระครูปลัดสุวัฒน์โพธิคุณ

 
          น้ำตามีประโยชน์มากมายหากใครไม่มีน้ำตา ตาจะแห้งผาก ลืมตาไม่ขึ้น และเวลาที่เสียใจ ร้องไห้น้ำตาไหลหรือบางคนดีใจก็น้ำตาไหล มีการวิจัยพบว่า ตอนที่เสียใจแล้วร้องไห้ อารมณ์ดีขึ้น ทำให้ปรับสภาพจิตใจได้ง่ายขึ้น เพราะสารบางอย่างที่ออกมาในน้ำตาช่วยปรับปริมาณสารที่มีผลต่อระบบประสาท ทำให้ปรับตัวเข้าสู่สมดุลได้เร็วกว่าปกติ ดังนั้นคนร้องไห้แล้วรู้สึกปรับอารมณ์ได้ง่าย แต่เมื่อโตขึ้นคงไม่ชอบร้องบ่อยๆ จึงมีข้อคิดให้กับผู้ที่มีปกติเศร้าโศกแล้วต้องเสียน้ำตา ให้เปรียบเทียบดูว่าเรื่องที่เราเจอหนักเท่ากับนางปฏาจาราหรือไม่

 
          ในครั้งพุทธกาลที่เมืองสาวัตถี มีหญิงคนหนึ่งเกิดในครอบครัวของเศรษฐีรูปร่างสวยมาก พ่อแม่ เลี้ยงดูมาอย่างดี จนอายุได้ 16 ขวบ แต่หญิงคนนี้รักแอบรักกับคนรับใช้ในบ้าน แต่พ่อแม่เตรียมจะให้แต่งงานกับคนที่เป็นลูกเศรษฐีมีศักดิ์เสมอกัน แล้วในอินเดียสมัยก่อนการแต่งงานขึ้นกับพ่อแม่เป็นหลัก จึงเลยปรึกษากับคนรักแล้วชวนกันหนีออกจากบ้าน หนีไปอยู่ในป่าข้ามแม่น้ำไปอยู่ในป่า 
 
          จนกระทั่งท้องลูกคนแรก พอท้องแก่ก็บอกสามีว่าอยากจะกลับไปคลอดที่บ้าน แต่สามีกลัวไม่ให้ไป สุดท้ายก็หนีแต่สามีไปตามกลับมาแล้วคลอดลูกก่อนจึงไม่ได้ไป จนกระทั่งลูกคนแรกเดินได้ก็ท้องลูกคนที่ 2 พอท้องแก่ก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านอีก สามีก็ห้ามอีก แต่ตอนนี้อารมณ์คิดถึงบ้านมากแล้วอยากจะกลับไปคลอดที่บ้านให้ได้ พอสามีเผลอก็จูงลูกคนโตลัดเลาะเข้าป่าจะกลับบ้าน สามีกลับมาถึงบ้านไม่เห็นภรรยา จึงเดินตามเข้าไปในป่าไปเจอกัน ฝนกำลังตกหนักพอดี จึงไปตัดไม้มาทำเป็นที่มุงบังเพื่อหลบฝน แต่ยังไม่ทันเสร็จถูกงูกัดตาย แล้วในระหว่างฝนตกก็คลอดลูกออกมา พอสว่างก็ไปตามหาสามีเจอสามีถูกงูกัดตาย จึงร้องไห้เสียใจไม่รู้จะทำอย่างไร ตัวเองก็เพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอ แล้วมีลูกเล็กๆอีกคนหนึ่งด้วย ก็ได้แต่เอาใบไม้มากลบร่างสามี 

 
          ร้องไห้เสียใจเสร็จ ใจก็มุ่งมั่นว่าจะกลับบ้านอย่างเดียว แล้วก็อุ้มลูกที่เพิ่งคลอดกับลูกที่พอเดินได้ ไปถึงฝั่งแม่น้ำ เมื่อฝนตกหนักน้ำก็ไหลเชี่ยว ไม่สามารถเอาลูกทั้ง 2 คนข้ามแม่น้ำพร้อมพร้อมกันได้ จึงให้ลูกที่พอเดินได้รอก่อน แล้วอุ้มลูกที่เพิ่งคลอดลุยจนกระทั่งข้ามน้ำไปถึงฝั่งตรงข้ามได้ เอาลูกที่เพิ่งคลอดวางไว้ แล้วกลับไปรับลูกที่พอเดินได้มา พอเดินลุยน้ำมาถึงกลางแม่น้ำมีเหยี่ยวตัวหนึ่งเห็นเด็กคิดว่าเป็นก้อนเนื้อจึงโฉบเอาไปกิน นางเห็นก็ตกใจรีบตบมือส่งเสียงดังจะไล่ให้เหยี่ยวหนีแต่เหยี่ยวโฉบลูกไปกินแล้ว ลูกอีกคนที่พอเดินได้เห็นแม่โบกมือนึกว่าแม่เรียกจึงเดินลงน้ำมา ถูกน้ำพัดหายไป 

 
          สามีตาย ลูกเพิ่งคลอดโดนเหยี่ยวโฉบไป ลูกขวบกว่าถูกน้ำพัดไป เจอเหตุการณ์เหล่านี้ในวันเดียวกันใจก็คิดว่ามีที่เดียวก็คือที่บ้าน เข้าไปถึงเมืองสาวัตถี แบบทรุดโทรมทั้งกายทั้งใจ เมื่อไปถึงบ้านตัวเองก็ตกใจ เพราะเหลือแต่ซาก เมื่อคืนมีพายุหนักเกิดฟ้าผ่า ไฟไหม้บ้านทุกคนตายหมดเลย หญิงคนนี้ได้ฟังก็ขาดสติ ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย วิ่งเข้าไปในเชตวันมหาวิหาร ที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ จึงมีคนห้ามเพราะจะมารบกวนพระศาสดา พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่าห้ามเลยให้เธอเข้ามาเธอเข้ามาเถิด เพราะพระองค์เห็นด้วยข่ายพระญาณแล้วว่า หญิงคนนี้มีบุญมากพอ ที่จะบรรลุธรรมได้ พอมาถึงต่อหน้าพระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสให้สติก่อน เพราะนางยังไม่ได้บ้า แต่ว่าเจอหนักมาก จนสภาวะจิตใจรับไม่ไหว จึงเพ้อไปชั่วขณะ 

 
          พระองค์เรียกดูก่อนนางปฏาจารา เธออย่าไปเศร้าโศกร่ำไร ถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วเลย มาอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ขณะนี้สามีเธอตายไปแล้ว ลูกของเธอก็ตายไปแล้ว พ่อแม่เธอและพี่ชายเธอก็ล้วนจากเธอไปแล้ว เธอได้เคยเจอภาวะอย่างนี้ คล้ายๆอย่างนี้แล้ว เคยเสียน้ำตาเพราะการจากไปของบุคคลอันเป็นที่รัก ในวัฏสงสารอันยาวนานหาเบื้องต้นและที่สุดไม่ได้นี้ น้ำตาเธอที่หลั่งไหลออกมา เพราะเรื่องนี้รวมกันมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 อีก แล้วตรัสต่อว่า ดูก่อนปฏาจารา แล้วเธอยังร้องไห้ร่ำไรอยู่อย่างนี้อีกหรือ 
 
          ในเมื่อร้องมาเยอะขนาดนั้นแล้ว เธอหยุดความร่ำไรรำพันนั้นเสียเถิด ไม่ว่าใครที่เธอรัก จะเป็นลูกเป็นสามีเป็นพ่อแม่พี่ชายน้องชาย หมู่ญาติก็ตาม หรือแม้ตัวเธอเองก็ตาม หรือแม้ตัวเราตถาคตก็ตาม ล้วนแล้วแต่ต้องจากโลกนี้ไปในวันใดวันหนึ่งทั้งนั้น เธอหยุดความร่ำไรเสียเถิด แล้วพึงตั้งอยู่ในอินทรีย์สังวร 4 และปฏิบัติตามมรรคมีองค์ 8 จะเป็นที่พึ่งให้เธอได้จริงๆ ฟังพระสุรเสียงพระองค์แล้ว นางปฏาจาราได้คิด สติก็คืนมา ละอายทรุดตัวลงก็มีคนโยนผ้าห่มให้ จึงเอามาห่มตัวไว้ แล้วพระองค์ก็แสดงธรรมต่อ ฟังธรรมไปใจทำสมาธิไปด้วย ฟังธรรมจบนางปฏาจาราบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันแล้วขอบวชเป็นภิกษุณี สุดท้ายเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในพระพุทธศาสนา

 
          และด้วยความที่เป็นคนจริง ตอนเล็กไม่มีพ่อแม่หรือใครที่มาสอนแบบถูกหลัก แต่เป็นคนเด็ดเดี่ยว ชอบสามีที่เป็นคนรับใช้ พอพ่อแม่จะบังคับหนีเลย ใจเด็ดขนาดนั้น ถึงคราวศึกษาธรรมะก็ใจเด็ดทุ่มเหมือนกัน เอาจริงเอาจัง ผลคือได้รับยกย่องเป็นเอตทัคคะผู้เชี่ยวชาญด้านพระวินัยในพระพุทธศาสนา 
          เมื่อเจอเรื่องทุกข์ เจอเรื่องร้ายๆ ขอให้เทียบกับเรื่องนางปฏาจาราว่าเราหนักเท่านี้หรือไม่  ถ้ายังไม่เท่า หยุดน้ำตาของเราเสีย แล้วให้มีอินทรีย์สังวรระลึกตามที่พระพุทธเจ้าสอนว่า เรื่องร้ายๆ อย่างนั้น เราเจอมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เคยเสียน้ำตามาเยอะแล้ว พอแล้ว อย่าเสียน้ำตาอีกเลย มาทำที่พึ่งให้ตัวเองอย่างนี้ดีกว่า ตั้งใจศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรม จะได้เป็นที่พึ่งให้ตัวเราได้อย่างแท้จริง เมื่อเป็นอย่างนี้จะไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับเรื่องเศร้าโศกใดๆอีกเลย


รับชมคลิปวิดีโอประโยชน์จากน้ำตา : ทันโลกทันธรรม
ชมวิดีโอประโยชน์จากน้ำตา : ทันโลกทันธรรม   Download ธรรมะประโยชน์จากน้ำตา : ทันโลกทันธรรม




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
นิสัยสำเร็จยุค Gen Yนิสัยสำเร็จยุค Gen Y

เอาชนะศัตรูทางอารมณ์เอาชนะศัตรูทางอารมณ์

หวานซ่อนร้ายหวานซ่อนร้าย



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทันโลกทันธรรม