ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 43


[ 25 ม.ค. 2551 ] - [ 18264 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 43


        จากตอนที่แล้ว   ท่านสิริวัฒกเศรษฐี ผู้ทั้งรักและเป็นห่วงบุตร ด้วยคิดว่าเขายังเล็กนัก จึงได้กราบทูลทัดทานพระเจ้าวิเทหราชไว้ก่อนว่า  ขอให้เขาโตขึ้นอีกสักหน่อย จึงจะทูลเกล้าถวาย

        แต่เมื่อท่านเศรษฐีได้รับพระราชดำรัสยืนยันว่า พระองค์จะทรงชุบเลี้ยงมโหสถเป็นอย่างดี อย่าได้เป็นห่วงเลย ก็ไม่อาจทัดทานท้าวเธออีกเป็นครั้งที่สอง จึงหันมาทางบุตรชาย สวมกอดมโหสถไว้แนบอก  พลางให้โอวาทแก่มโหสถ เสร็จแล้วจึงทูลลากลับสู่ปาจีนยวมัชฌคาม

        ภายหลังจากที่ท่านเศรษฐีกลับคืนสู่เรือนแล้ว พระเจ้าวิเทหราชได้พระราชทานเคหสถานอันสมควร ให้แก่มโหสถบัณฑิตและบริวาร  พร้อมกับพระราชทานข้าวของเครื่องอุปโภคบริโภคที่ประณีต ให้ได้อยู่กินและใช้สอยอย่างสะดวกสบาย

        กระทั่งวันหนึ่ง  พวกราชบุรุษนำความมากราบทูลพระองค์ว่า  “ในสระโบกขรณีอันตั้งอยู่ในทิศทักษิณ ไม่ไกลจากประตูเมือง ได้ปรากฏมีดวงแก้วมณี ส่องแสงเจิดจ้าแวววาว  อยู่ในสระนั้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง”

        ครั้นท้าวเธอได้สดับดังนั้น  ก็ทรงมีพระราชหฤทัยโสมนัสเปรมปรีดิ์  เพราะถือว่าเป็นของมงคลล้ำค่า และหาได้ยากยิ่ง  ท้าวเธอจึงเปล่งพระอุทานขึ้นว่า “โอ...วันนี้ช่างเป็นวันมหามงคลจริงเชียว ไหนล่ะมณีรัตนะ ช่วยนำมาให้เราได้ทัศนาสักทีซิ” 

        พวกราชบุรุษจึงเกิดอาการงงงวย เพราะดวงแก้วมณีนั้นยังไม่มีใครได้สัมผัสแตะต้องเลย ครั้นพอได้สติ จึงรีบกราบทูลพระราชาด้วยท่าทีอึกอักว่า “หามิได้พะยะค่ะ พวกข้าพระบาทได้เห็นเพียงแสงของแก้วมณีในสระโบกขรณีเท่านั้น ยังไม่ทันคิดจะนำขึ้นมา ก็รีบนำความมากราบบังคมทูลใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในทันทีนี้แหละ พะยะค่ะ”

        “อืมม..ถ้าเช่นนั้นพวกท่านจงไปเรียกท่านอาจารย์เสนกะมาโดยเร็ว”  รับพระราชดำรัสดังนี้แล้ว พวกราชบุรุษจึงได้รีบไปเชิญท่านอาจารย์เสนกะมาเข้าเฝ้าท้าวเธอในทันที 

    ท้าวเธอจึงตรัสหารือกับท่านอาจารย์เสนกะว่า  “ท่านอาจารย์ วันนี้เราทราบข่าวว่า มีผู้เห็นแสงแก้วมณีในสระโบกขรณีทางประตูเมืองทิศใต้ หากว่าเราจักให้คนไปนำมา ท่านอาจารย์คิดว่าจะสมควรหรือไม่ล่ะ” 

        “ข้าแต่มหาราชเจ้า นับเป็นเรื่องมงคลโดยแท้ พระเจ้าค่ะ เพราะแก้วมณีเป็นของประมาณค่ามิได้ ย่อมจะคู่ควรกับพระราชาผู้เปี่ยมด้วยพระบารมีอย่างสูงส่งเช่นพระองค์ ข้าพระองค์เห็นควรอย่างยิ่ง ที่พระองค์จะทรงโปรดให้นำมาโดยเร็ว พระเจ้าค่ะ”  อาจารย์เสนกะกราบทูล

        “ดีล่ะ ท่านอาจารย์  แต่เรายังกังวลอยู่หน่อยหนึ่งว่า แก้วมณีนั้นปรากฏให้เห็นเพียงแสงเจิดจ้า ชะรอยว่าคงจะอยู่ลึกถึงก้นบึ้งของสระโบกขรณี ก็เราจักทำอย่างไรเล่า  จึงจะได้แก้วมณีมาเล่าท่านอาจารย์”  พระราชาตรัสซักด้วยทรงกังวลพระทัยอยู่ไม่น้อย

        อาจารย์เสนกะเห็นเป็นโอกาสที่ตนจักได้สนองงาน ให้เป็นที่พอพระทัยของท้าวเธอ จึงกราบทูลให้ทรงเบาใจ พร้อมกับรับอาสาว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ทรงวิตกกังวลไปเลย ภาระนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าพระองค์เถิด เรื่องนี้ไม่เป็นการยากแต่อย่างใด เพียงแค่ให้คนช่วยกันวิดน้ำออก แล้วพากันค้นหา  คาดว่าภายในชั่ววัน ก็จักสามารถนำแก้วมณีนั้นมาถวายพระองค์ได้ พะยะค่ะ” 

        ท้าวเธอจึงรับสั่งว่า  “ถ้าเช่นนั้น ท่านอาจารย์อย่าได้ชักช้าอยู่เลย จงรีบไปนำแก้วมณีนั้นมาโดยเร็วเถิด”

        อาจารย์เสนกบัณฑิตน้อมรับพระราชกระแสรับสั่งแล้ว  ก็รีบออกไปกะเกณฑ์พวกทหารและชาวเมืองนับร้อยคน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำ ให้ไปชุมนุมกันที่ริมฝั่งสระโบกขรณีแห่งนั้น

        ครั้นแล้วอาจารย์เสนกะจึงได้แจ้งกระแสพระบรมราชโองการให้มหาชนที่มารวมตัวกันในที่นั้น ทราบมูลเหตุที่พระเจ้าวิเทหราชได้ทรงมอบหมายให้ตนเป็นผู้จัดการกะเกณฑ์ผู้คนมาช่วยกันวิดน้ำออกจากสระ เพื่อค้นหาดวงแก้วมณีขึ้นทูลเกล้าฯถวาย

        เมื่อได้ชี้แจงที่มาที่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อาจารย์เสนกะจึงออกคำสั่งให้เริ่มงานขุดลอกสระโบกขรณีแห่งนั้นในทันที

        “ท่านทั้งหลาย ขอพวกท่านจงพร้อมใจกันสนองงานแด่เจ้าเหนือหัวด้วยความอุตสาหะเถิด อย่าได้เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากกันเลยนะ เอาละ!! เมื่อพร้อมกันแล้ว ก็เริ่มลงมือกันได้เลย”

        สิ้นเสียงของอาจารย์เสนกะ  มหาชนต่างระดมกันออกแรงวิดน้ำออกจากสระอย่างสุดกำลังความสามารถ

        แต่ธรรมดาว่าการวิดน้ำออกจากสระโบกขรณีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องใช้เวลาถึงครึ่งค่อนวัน จึงจะสามารถวิดน้ำออกไปได้หมด จนกระทั่งน้ำในสระนั้นเริ่มแห้งขอด 

        ลำดับนั้นอาจารย์เสนกะจึงตะโกนถามทุกคนว่า  “ไหนล่ะ พวกเจ้ามีใครได้เห็นแก้วมณีนั่นบ้างไหม ถ้าแม้นใครเห็นแล้ว ก็อย่าได้ชักช้า รีบนำขึ้นมาเลย”

        เมื่อวิดน้ำจนสระแห้งแล้ว แต่แล้วก็ยังไม่เจอ ท่านอาจารย์เสนกะจึงได้สั่งให้ช่วยกันลอกโคลนขึ้นอีกชั้นหนึ่ง ด้วยเข้าใจว่าแก้วมณีอาจหมกอยู่ในโคลนตม แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบแก้วมณีนั้นสมดังความมุ่งมาดปรารถนา

        ในที่สุดก็เลยพากันอ่อนใจไปตามๆกัน หลายคนถึงกับบ่นด้วยความทดท้อใจปนความกังขาว่า  “ท่านอาจารย์ จนป่านนี้แล้ว พวกเราก็ยังไม่เห็นแก้วมณีที่ว่านั้นเลยแม้แต่คนเดียว เอ...ช่างแปลกเสียจริง แก้วมณีอะไรกัน ทำไมถึงเล่นกลเสียได้” 

        อาจารย์เสนกะได้ฟังเช่นนั้น จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า  “นั่นน่ะสิ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ก็ในเมื่อสักครู่ เรายังเห็นแสงแวววาวอยู่แท้ๆ   แต่แล้วทำไมตอนนี้ ถึงกลับไม่เห็นอะไรเลยสักนิดเดียว”

        ขณะนั้นสีหน้าของอาจารย์เสนกบัณฑิตเริ่มส่อเค้าว่ามีความผิดหวังอยู่ไม่น้อย เพราะเหตุที่ตนเป็นผู้อาสาที่จะค้นหาแก้วมณีมาถวายแด่พระราชาเอง แต่แล้วก็จนปัญญา เกรงอยู่อย่างเดียวว่า ตนจักต้องเสียหน้าอีกคราวเป็นแน่

        แม้นความหวังที่จะได้เจอแก้วมณี ยังไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ แต่ถึงกระนั้น ท่านอาจารย์เสนกะก็ยังยืนยันให้ทุกคนช่วยค้นหากันต่อไป ทำราวกับว่าจะให้คุ้ยดินโคลนค้นหาเกล็ดทอง  “อืมม...ถ้าเช่นนั้น ก็ลองช่วยกันค้นหาให้รอบคอบดีๆ  อีกทีเถิด” 

        คำสั่งของท่านเสนกะ บัดนี้ แม้นจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เฉียบขาดเหมือนครั้งก่อน และทุกคนแม้จะถูกเกณฑ์มาให้กระทำตามคำสั่งของอาจารย์เสนกะก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครคิดจะบิดพลิ้ว เพราะเหตุที่มีความเคารพในพระราชาของตน ดังนั้น จึงต่างตั้งหน้าตั้งตาทำงานนั้นด้วยความเต็มใจ ส่วนว่า ผลแห่งการค้นหาดวงแก้วมณีจะลงเอยอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป


พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 44ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 44

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 45ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 45

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 46ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 46



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก