Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน


[ 18 ม.ค. 2549 ] - [ 18279 ] LINE it!

Solomon Islands หมู่เกาะมนุษย์กินคน



    ประเทศหมู่เกาะโซโลมอน เป็นดินแดนแห่งมนุษย์กินคนมาแต่อดีต จนกระทั่งยุคล่าอาณานิคมเกิดขึ้น อังกฤษจึงเข้ามาดูแล และมาเผยแพร่ศาสนาในดินแดนแห่งนี้ มนุษย์กินคนจึงค่อยๆเริ่มหายไป

 
 
    ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โซโลมอนเป็นที่หมายปองของคู่สงคราม เพราะเป็นจุดพักระหว่างทางของการขนส่งสินค้าในมหาสมุทรแปซิฟิค และมีทะเลล้อมรอบ จึงรบเพียงแค่ทางเรือและอากาศ และยังมีทรัพยากร ธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์จึงได้ชื่อว่า Pearl of Pacific (ไข่มุกแห่งแปซิฟิค)

    ประชากรชาวโซโลมอน มีผิวสีดำ ผมหยิก ปากแดง เพราะเคี้ยวหมากเป็นอาจิณ ตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงคนมีอายุ ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ 70% พูดภาษา Pidgin (พิดจิน) ซึ่งเป็นภาษาที่แผลงมาจากภาษาอังกฤษ และ 30% พูดภาษาอังกฤษ
 
    อุปนิสัยของชาวโซโลมอน ในปัจจุบันมีมนุษยสัมพันธ์ดี ชอบใช้แรงงาน คนท้องถิ่นจึงไม่มีอาชีพที่มั่นคง ส่วนความมั่นคงทางเศรษฐกิจเกิดจากชาวต่างชาติมาลงทุน

 
    ประชากรอยู่อาศัยตั้งแต่ชายเขาและขึ้นไปอยู่ตามยอดเขา มีฤดูกาลเพียง 2ฤดูเท่านั้นคือ ฤดูร้อน และฤดูฝน ในหนึ่งวันมี 2ฤดู เช่น ตอนเช้าอากาศร้อน พอตอนบ่ายหรือตอนเย็นฝนจะตก จะเป็นอยู่อย่างนี้ 365วัน แต่สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปมีบรรยากาศดี เงียบสงบทั้งกลางวันกลางคืน เหมาะแก่การนั่งปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง

    อาหารหลักปัจจุบันคือ ข้าว เผือก มัน ปกติชาวโซโลมอนจะกินอาหารเพียงวันละ 1มื้อ (แต่กินปริมาณมาก) และในระหว่างวันถ้าหิว เขาจะเคี้ยวหมากแทน และที่กินเพียงแค่มื้อเดียว เพราะค่าอาหารแพงมาก 1จานอย่างต่ำ 25เหรียญโซโลมอน (125บาทไทย) ที่ราคาสูงเพราะ เกือบทุกอย่างต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ

    เพราะพื้นที่เป็นเกาะ จึงเพาะปลูกได้น้อย อย่างผลไม้ ก็มีแค่ 4ชนิด คือ กล้วย มะละกอ สัปปะรด และมะพร้าว
 
    เนื่องจากคุณภาพของน้ำที่นี่ต่ำ หากไม่ผ่านเครื่องกรองน้ำ ก็ไม่เหมาะที่จะนำมาดื่ม ประชาชนที่ยากจนจึงต้องดื่มน้ำมะพร้าวแทนน้ำเปล่า เพราะที่นี่ต้นมะพร้าวมีเต็มสองข้างทาง และชายหาด ซึ่งเป็นผลงานจากชาวอังกฤษที่ได้ปลูกไว้ตั้งแต่หลังสงคราม และตามถนนหนทางจะถูกวางขายด้วย หมาก, ใบพลู, ปูนขาว แม้ในยามกลางคืนที่ผู้คนไม่ได้ไปไหนกันแล้ว แต่ชาวบ้านก็จะจุดเทียนหน้าบ้านเพื่อเอาหมากมาวางขาย
 
    ร้านค้าส่วนใหญ่เป็นของชาวจีน และตั้งชุมชนขึ้นมา (China Town) เปิดขายวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์หยุดพักผ่อน ให้ผู้คนไปโบสถ์ เพราะเขาเข้าใจว่า ถ้าทำสิ่งไม่ดี หรือทำบาปลงไปแล้ว ก็สามารถไปโบสถ์เพื่อไถ่บาปได้
 
    เครื่องดนตรีท้องถิ่นคือ ยูเกเรเล่ เป็นเครื่องดีด และ แพนฟลุท เป็นเครื่องเป่า
 
    สัตว์ที่ชาวโซโลมอนเคารพนับถือคือ จระเข้ ซึ่งถือเป็นเจ้าพ่อของสัตว์น้ำจืด และ ปลาฉลาม เป็นเจ้าพ่อของสัตว์ในน้ำทะเล จนนำเอาภาพของสัตว์ 2ชนิดนี้มาไว้ในธนบัตรของโซโลมอน


 
 
   ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวโซโลมอนจะรักพวกพ้อง และกลุ่มมาก และถูกปลูกฝังเรื่องความกตัญญูที่มีต่อบรรพบุรุษมาตั้งแต่อดีต โดยถือเป็นหน้าที่ของลูกคือ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าต้องดูแล เมื่อท่านตายต้องบูชา โดยจะนำบรรพบุรุษที่เสียชีวิตแล้ว ฝังในที่ใกล้ๆบ้านไว้เพื่อให้ลูกหลานได้บูชาเพราะเชื่อว่า จะทำให้ตัวเองมีพลังและโชคดีสามารถรบชนะศัตรูได้ และถ้าใครแต่งงานแล้วห้ามนอกใจเด็ดขาด ถ้าหากจับได้จะต้องถูกจับฆ่าและกินทันที ทั้งชายและหญิง


    ณ ตอนนี้มีชาวโซโลมอนท้องถิ่น ที่มีโอกาสได้ดู DMC จากการทำหน้าที่กัลยาณมิตรของคนไทยที่ไปทำงานที่นั่น ทำให้เกิดความตื่นตัวในเรื่องกฎแห่งกรรม และเรื่องปรโลกในหมู่ชาวโซโลมอนเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเขาตื่นเต้นมาก ที่มีบุคคลซึ่งสามารถบอกได้ว่า บรรพบุรุษของเขา ตายแล้วไปไหน และตอนนี้ชาวโซโลมอนก็เริ่มหัดนั่งสมาธิแล้วเมื่อได้ลงมือปฏิบัติ ก็ได้พบกับความสงบอย่างที่ไม่เคยได้เจอมาก่อน
   
    สำหรับเรื่องราวของประวัติศาสตร์ของชาวโซโลมอนเผ่ามนุษย์กินคน ที่มีมาแต่อดีต และยังพอหลงเหลือบ้างมาในปัจจุบัน นั้น...เขากินใคร กินเมื่อไร กินอย่างไร กินกับอะไร กินเพื่ออะไร ติดตามได้ในตอนต่อไป


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
มองโกล มองไกล ตอนที่ 1มองโกล มองไกล ตอนที่ 1

มองโกล มองไกล ตอนที่ 2มองโกล มองไกล ตอนที่ 2

สาธารณรัฐ แอฟริกาใต้สาธารณรัฐ แอฟริกาใต้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน