ออกอาการ


[ 24 ก.พ. 2549 ] - [ 18264 ] LINE it!
View this page in: English

CASE   STUDY
ออกอาการ
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 

 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง

    ลูกเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ได้เข้าวัดครั้งแรกเมื่อปี 2526 ลูกกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ฝันในฝันเรื่องของลูกดังนี้ค่ะ

    พ่อของลูกเกิดที่สิงห์บุรี พออายุได้ 10 กว่าขวบ ปู่กับย่าก็พามาอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ต่อมาก็ได้แต่งงานกับแม่ที่นครสวรรค์  เมื่อมีลูก 2 คน   พ่อก็พาปู่ ย่า และครอบครัวไปทำงานชลประทานที่ จ.ราชบุรี อยู่ได้เพียง 2 ปี ก็อพยพครอบครัวไปทำอาชีพเข็นน้ำขายอยู่ที่ จ.เพชรบูรณ์ 

    อยู่มาไม่นาน ปู่ก็ป่วยด้วยโรคจุกเสียดในท้อง ต้องไปฉีดยาบ่อยๆ แผลที่ถูกฉีดยาซ้ำๆ ได้กลายเป็นฝีอยู่ข้างใน มีอาการปวดออกร้อนตลอดเวลา ไม่ทราบสาเหตุที่เป็น จึงรักษาไม่ถูก ทรมานอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งน้องชายปู่ซึ่งเป็นหมอเสนารักษ์มาพบเข้า เลยเจาะดู จึงพบว่ามีหนองอยู่ข้างใน ลามตั้งแต่สะโพกไปจนถึงเข่า ดูดออกมาได้เป็นกระโถน รักษาอยู่ระยะหนึ่งแต่ก็ไม่ดีขึ้น ปู่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเลยเสียชีวิตในเวลาต่อมา รวมอายุได้ 65 ปี  

    หลังปู่เสียชีวิตไป 4 ปี  ลุง (พี่ชายพ่อ) ก็เกิดอาการเหมือนถูกผีสิง   ผีบอกว่าเป็นปู่ดา   ปู่ดาเป็นญาติฝ่ายแม่  อดีตตอนเป็นมนุษย์ ปู่ดาเป็นหมอไสยเวทย์ชำนาญในด้านการสักน้ำหมึก ทำน้ำมัน และรักษาโรค  มีลูกศิษย์ลูกหามาก     ผีปู่ดามาเข้าสิงลุงแล้วบอกว่า   มาขอให้ญาติๆทำบุญผ้าป่าไปให้หน่อย   ญาติๆจึงย้อนถามว่า “บริวารก็มีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ให้เขาทำให้”  ผีปู่ดาบอกว่า “ที่เมืองโน้นเขาไม่มีเงินใช้กัน” ปู่ดายังบอกอีกว่า วันนี้ปู่ของลูก (พ่อของพ่อ) ก็มาด้วยนั่งอยู่บนขื่อ   ปู่สุขสบาย ไม่ลำบากเหมือนปู่ดา   ปู่มีหน้าที่จดรายชื่อ

    ต่อมาเมื่อมีน้ำประปาเข้ามาในหมู่บ้าน   พ่อเลยต้องเลิกอาชีพเข็นน้ำขาย  แล้วพาครอบครัวย้ายมาทำงานอยู่กรุงเทพฯ อีก 4 ปีต่อมา ลูกก็มีโอกาสได้มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก ปีนั้นลูกได้ตั้งกองกฐิน ได้นำผ้าไตร 1 ชุดมาตั้งไว้ที่บ้าน พอถึงงานกฐิน ตอนเช้าขณะลูกกำลังจะมาทอดกฐิน จู่ๆพ่อก็มีอาการตัวสั่น แม่เห็นอาการก็รู้ว่าผีเข้า จึงถามไปว่า “ใคร” เสียงตอบออกมาว่า “ปู่ดา” แม่เลยบอกว่า “วันนี้หลาน (หมายถึงตัวลูก) กำลังจะไปทอดกฐินที่วัด ไปกับหลานสิ”  ผีปู่ดาตอบว่า “ไป ก็เข้าไม่ถึง” แม่จึงนำผ้าไตรมาใส่มือพ่อ แล้วบอกให้(ผีปู่ดา)อนุโมทนาบุญกับลูก พออนุโมทนาบุญเสร็จผีปู่ดาก็ออกจากร่างพ่อไป

    ต่อมาพ่อกับย่าได้ไปทำไร่ข้าวโพดที่ จ.จันทบุรี ทำได้ 1 ปี เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับพ่อ วันนั้นเวลาประมาณ 2 ทุ่มหลังทำงานเสร็จ พ่อก็สวดมนต์นั่งสมาธิเช่นทุกวัน ขณะนั่งสมาธิไปเรื่อยๆอย่างสบายใจ จู่ๆพ่อก็มีอาการเหมือนถูกบังคับจิต ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ พ่อตัวสั่นเหมือนผีเข้า  ลุกขึ้นเต้น ร้องรำทำเพลงอยู่บนบ้าน  แล้วทันใดนั้นก็มีอำนาจลึกลับ บังคับให้พ่อไปดึงแขนย่า แล้วพ่อก็ถูกลากลงจากบ้าน พร้อมกับย่า ทั้งสองท่านถูกพาไปจนถึงแอ่งน้ำ   พ่อก็ตะโกนขอความช่วยเหลือจากแม่ธรณีขึ้นสุดเสียง   เขาลากกลับมา   พอขึ้นบ้านได้ พ่อก็ร้องรำทำเพลงขึ้นอีก พักเดียวย่าก็หลับไปเหมือนถูกสะกด  แต่พ่อถูกลากแขนลงจากบ้านไปอีกในลักษณะเดิม บรรยากาศอยู่ในความมืดมิด แม้มองไม่เห็นอะไรแต่พ่อสัมผัสได้ว่า มีชายร่างดำนุ่งหยักรั้ง ขนาบซ้าย ขวา หน้า หลังพ่ออยู่ 4 คน พ่อกลัวมากจึงหลับตาไปตลอดทาง เขาลากไปจนสุดเขตแดน   เสร็จแล้วเขาก็จับตัวพ่อหมุนให้หันหน้ากลับมาทางเดิม แล้วสั่งให้พ่อลืมตา พ่อไม่กล้าลืม ตา  เขาบอกว่า “ให้กลับไปให้ถึงบ้านก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นก่อนก็จะต้องตาย” ด้วยความกลัวพ่อจึงวิ่งหลับตา ตลอดทางจะมีเสียงผู้หญิงคอยกำกับว่า ให้เดินไปทางซ้ายหรือทางขวาจนกระทั่งถึงบ้านก็เกือบสว่าง
หลังจากนั้นมา พ่อก็เหมือนถูกผีสิง คอยแต่จะอาละวาดทำร้ายคน ตาขวาง อำนาจลึกลับนั้นสั่งให้พ่อกระโดดพุ่งหลาวลงจากบ้าน จนปากฉีก คน 5 - 6 คนพยายามฉุดแขนพ่อไว้ แต่เอาไม่อยู่     พ่อไม่ยอมสบตาคน เวลากินข้าวจะหันหน้าเข้าข้างฝา กินข้าวทีเป็นกะละมัง นอนไม่ได้ทั้งกลางวันกลางคืน ใบหน้าของพ่อหมองคล้ำ มันเลื่อม เหมือนทาด้วยน้ำมัน และคอยสั่งซ้ำๆว่า “จุดเทียนไว้นะ จุดไว้อย่าให้ดับ ถ้าเทียนดับจะต้องตาย”
เวลาผ่านไปเป็นเดือนอาการก็ไม่ดีขึ้น  แม่จึงพาพ่อและย่ากลับจากจันทบุรีมาอยู่กรุงเทพฯ อยู่ได้ 3 วัน ย่าก็ท้องเสียเข้านอนโรงพยาบาล เช้าของวันต่อมาอาการของย่าดีขึ้นมาก แต่พอพยาบาลมาฉีดยาให้ย่าก็เสียชีวิตทันที 

    ในช่วงนี้  พ่อของลูก  ตกกลางคืน ก็คอยแต่จะย่องออกจากห้อง เดินตัวแข็งลงบันไดไป เรียกก็ไม่ขาน สร้อยพระเป็นพวงที่พ่อเคยคล้องคอ พ่อก็เอามาใส่ลงในโถส้วมบอกว่าเป็นของไม่ดี รองเท้าดีๆที่มีอยู่พ่อก็เอาไปเผา นาฬิกามีกี่อันก็โยนทิ้งหมด

    3 - 4 เดือนผ่านไป ป้าจึงพาพ่อไปบวชที่นครสวรรค์ บวชได้ 3 วัน ขณะพ่อบิณฑบาตอยู่ แม่กำลังจะใส่บาตร พ่อก็เตะข้าวที่แม่ถืออยู่จนกระจาย แล้วพ่อก็ไม่สามารถบวชอยู่ต่อได้ เพราะเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง   เขาสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำ พ่อจึงไปขอสึก

    ต่อมาวันหนึ่ง ขณะพ่อนั่งอยู่เฉยๆ ก็เกิดภาพปรากฎให้พ่อเห็นว่า มีหุ่นถูกพันรอบด้วยด้ายสายสิญจน์อยู่ในตัวพ่อ และเห็นหลวงพ่อ (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) อยู่ข้างหลังพ่อ   หลวงพ่อได้ใช้นิ้วแทงเข้าไปที่หลังของพ่อ  แล้วดึงเอาด้ายที่พันหุ่นออก หุ่นนั้นหมุนติ้วตามแรงดึงของด้าย จากนั้นมาอาการพ่อก็ค่อยๆดีขึ้น แต่ยังไม่หาย   
    อาหารที่พ่อกินไปแล้ว พ่อจะไม่สามารถกินซ้ำในมื้อต่อไปได้ และของที่คนอื่นกินแล้วพ่อก็จะกินไม่ได้จะอ๊วกออกมาทันที กินข้าวเสร็จแล้ว พ่อก็จะอยู่บ้านไม่ได้  ต้องออกจากบ้านเดินไปเรื่อยๆ เหมือนคนบ้า ไปนอนตามต้นไม้บ้าง ตามที่ต่างๆบ้าง ญาติๆต่างก็ลงความเห็นว่า พ่อเป็นบ้าเพราะนั่งสมาธิ

    ปี 2537 ลูกได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวให้ตัวเอง แบบทยอยบุญ เดือนละพันจนครบองค์   ต่อมาลูกจึงสร้างองค์พระให้แม่ก่อน   เพราะตอนนั้นลูกรู้สึกเคืองพ่อ เวลาชวนมาวัดทีไร  พ่อก็จะบอกว่า “เขาไม่ให้มา” ลูกจึงสร้างให้แม่ก่อน     และทยอยบุญจนครบ   จากนั้นลูกจึงชวนพ่อว่า “พ่อจ๋า สร้างองค์พระเถอะนะ” พ่อตกลงโดยหารคนละครึ่งกับลูก พอหลังจากสร้างเต็มองค์ปุ๊บ เป็นที่น่าอัศจรรย์   จู่ๆก็มีของเหลวเหมือนน้ำมันก้นกระทะที่ผ่านการทอดมานานจนเป็นสีดำ มีกลิ่นเหม็นมาก ไหลออกมาจากทวารเปื้อนกางเกง เหม็นจนต้องทิ้งกางเกงตัวนั้นไป จากนั้นอาการของพ่อก็หายเป็นปกติ   มาวัดได้เหมือนเดิม แต่จะมีโรคๆหนึ่งเกิดขึ้นคือ จะมีอาการแน่นในท้อง เหมือนถูกรัดด้วยเข็มขัด ทำให้อึดอัด นั่งสมาธิไม่มีความสุขเหมือนก่อน ถ้าแน่นมากๆพอได้นอนสักพักก็จะหาย โรคนี้เป็นมา 10 กว่าปี ตั้งแต่ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นในไร่จนถึงปัจจุบัน 

    ลูกมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่ง เป็นลูกชายของป้า (พี่สาวพ่อ) ลูกชายป้าคนนี้ ตอนมีชีวิตอยู่ชอบดื่มเหล้า สูบกัญชา เคยบวชตามประเพณีอยู่ 1 พรรษาก็สึก หลังสึกออกมา มีครั้งหนึ่งได้นำเต่าเป็นๆโยนเข้ากองไฟ พอเต่าคลานออกมา ก็จับมันโยนเข้าไปใหม่ ทำอยู่อย่างนี้จนเต่าตาย ต่อมาไม่นาน ก็ขอบวช บวชได้ 3 เดือน เย็นวันหนึ่งท่านได้ใช้ให้สามเณรไปซื้อน้ำมันเบนซินมาให้ 2 แกลลอน  เจ้าอาวาสจึงถามว่า จะเอามาทำอะไร ท่านก็ตอบว่า จะเอามาเผาแมว จากนั้นจึงไปหาฟืนมากองไว้ใต้ต้นโพธิ์ แล้วนำผ้าห่มมาปูนั่ง ห่มด้วยจีวร แล้วใช้น้ำมันราดตัวเอง จุดไฟเผา ไหม้เป็นตอตะโกอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิ ตัวเอนเพียงเล็กน้อย  ตอนเช้าญาติเห็นท่านไม่ไปบิณฑบาตจึงออกตามหา ไปพบอีกทีก็ถูกไหม้เป็นศพดังกล่าว

    ตัวลูกเองปัจจุบันแต่งงานแล้ว สามีของลูกเป็นแขกอิสลาม  เขาเกิดที่ประเทศพม่า แต่ได้เข้ามาอยู่เมืองไทยตั้งแต่อายุได้ 10 กว่าขวบ ตอนแรกเขาขายโรตี ปัจจุบันทำงานอยู่บริษัทแห่งหนึ่ง     ตอนแรกลูกไม่ทราบว่าเขาเป็นอะไรอยู่ในศาสนานั้น  ลูกได้ยินเขาถูกเรียกว่า “อาจารย์” เวลามีเรื่องกันในหมู่อิสลาม สามีก็จะถูกเชิญไปตัดสินความ    ภายหลังลูกจึงมาทราบความจริงว่า เขาคือโต๊ะอิหม่าม เขาเคร่งในศาสนามาก   ตระกูลของเขานับถืออิสลามกันหมดทุกคน  เขาไม่ยอมรับศาสนาพุทธเลย ถ้าลูกพูดเรื่องศาสนาเป็นต้องทะเลาะกัน ดังนั้นเวลาเขาอยู่ ลูกจะเปิดดาวธรรมไม่ได้เลย เขาเคยบอกว่าถ้ามีลูกชาย เขาจะเอาไปเข้าศาสนาเขา ลูกก็เลยไม่ยอมมีลูกและอีกอย่างลูกกลัวว่า จะสร้างบารมีลำบากด้วยเจ้าค่ะ

คำถามมีดังนี้ค่ะ

1.    กรรมใดทำให้ปู่ ป่วยเป็นโรคจุกแน่นในท้อง ต้องฉีดยา และทำให้เกิดเป็นฝีขึ้นตรงรอยแผลที่ถูกเข็มฉีด กลายเป็นหนองเรื้อรังลามไปถึงเข่า    จนเสียชีวิตในที่สุด  ,  ปู่ของลูกตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศให้หรือไม่

2.    ผีปู่ดาได้มาเข้าสิงลุงขอให้ทำบุญผ้าป่าไปให้จริงหรือไม่คะ   และในวันนั้นปู่ได้มากับผีปู่ดาจริงหรือไม่คะ , ปู่รู้จักกับปู่ดาได้อย่างไร ,   ปู่มาทำไม ,  ปู่ทำหน้าที่อะไร   , ทำไมปู่ต้องไปนั่งบนขื่อคะ 

3.    วันที่ลูกจะมาทอดกฐินที่วัดพระธรรมกาย  ผีปู่ดาได้มาเข้าสิงพ่อ จริงหรือไม่คะ , ปู่ดาต้องการอะไร,   ทำไมปู่ดาจึงบอกว่า ถึงจะตามหลานไปวัดพระธรรมกาย   ก็เข้าไม่ถึง   ,  ปัจจุบันปู่ดาอยู่ที่ไหนคะ   มีความเป็นอยู่อย่างไร

4.    ชายลึกลับที่ลากพ่อไปนั้นเป็นใครคะ , เสียงผู้หญิงที่คอยบอกทางให้พ่อจนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย เป็นเสียงของใครคะ  ,พ่อถูกทำคุณไสยหรือไม่คะ ถ้าทำ  เป็นเพราะเหตุใด  ใครเป็นคนทำคะ

5.    ผู้ที่คอยออกคำสั่งให้พ่อทำตามที่เขาต้องการนั้นเป็นใครคะ,  เหตุใดสิ่งลึกลับเหล่านี้จึงไม่ชอบความดี เช่น ชวนมาวัดพ่อก็จะบอกว่าเขาไม่ให้มา พ่อจึงไม่ได้มาวัดเลยเกือบ 10 ปี, ไม่ชอบที่พ่อสวดมนต์, พระที่พ่อเคยคล้องคอ ก็สั่งให้พ่อเอาไปทิ้งลงโถส้วม, ตอนบวชก็เตะข้าวที่แม่จะใส่บาตรจนกระจาย และบวชอยู่ไม่ได้ต้องสึก ที่พ่อทำไปจะมีวิบากกรรมหรือไม่คะ เพราะถูกบังคับจิตให้ทำ

6.    กรรมใดทำให้พ่อต้องมีอาการเหมือนถูกบังคับอยู่เกือบ 10 ปี , ตอนที่เป็นทำไมพ่อจึงกินอาหารซ้ำที่เคยกิน หรือซ้ำที่คนอื่นกินไม่ได้คะ ,  น้ำมันสีดำที่ไหลออกทางทวารนั้นเกิดจากอะไรคะ , พ่อหายเพราะบุญที่ได้สร้างพระธรรมกายประจำตัวใช่หรือไม่คะ

7.    วิบากกรรมใดทำให้พ่อมีอาการแน่นทรมานในท้อง เป็นอุปสรรคต่อการนั่งสมาธิ    ทำอย่างไรพ่อจึงจะหายจากโรคนี้คะ

8.    ย่าของลูกตายแล้วไปไหนคะ ได้รับบุญที่ลูกสร้างองค์พระไปให้หรือไม่    หลังจากสร้างองค์พระไปแล้วลูกได้ฝันเห็นคุณย่า  เป็นเพราะย่าได้มาเข้าฝันจริงหรือไม่คะ  เพราะก่อนหน้าที่ยังไม่สร้างองค์พระไปให้ ย่าไม่เคยมาเข้าฝันเลยทั้งๆที่ลูกคิดถึงย่ามาก

9.    กรรมใดทำให้ลูกชายของป้า เผาตัวเองตายในผ้าเหลืองและในท่าขัดสมาธิ ตายแล้วไปไหนคะ

10.    ลูกกับสามีเคยเกี่ยวข้องกันมาอย่างไร ทำไมจึงมาเป็นสามีภรรยากันและนับถือศาสนาต่างกัน เขามีสายบุญกับหมู่คณะมาหรือไม่คะ ทำอย่างเขาจึงจะมีศรัทธามาสร้างบุญกับหมู่คณะคะ

11.    ตัวลูกคุณพ่อและคุณแม่ เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไรคะ

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 

ฝันในฝัน

หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที 
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ

1.    ปู่เป็นโรค “จุกแน่นในท้อง”   ต้องฉีดยาและทำให้เกิดเป็นฝีที่ตรงรอยแผลที่ถูกเข็มฉีด     กลายเป็นหนองเรื้อรังลามไปถึงเข่าจนเสียชีวิตในที่สุด   เพราะ.....กรรมในอดีตในชาติที่เกิดในสังคมเกษตรกรรม     ได้มีเรื่องทะเลาะกันกับผู้ชายในหมู่บ้านเดียวกัน   ได้ใช้ดาบจ้วงแทงที่ท้องจนเขาตาย     และชอบใช้ “ฉมวก” ในการแทงปลามาทำเป็นอาหารได้มารวมส่งผลจ่ะ !
 

  • ปู่ตายแล้ว   ก็ไปเป็น “ภุมมเทวา” ระดับทั่วไป  ,  ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว   ก็มีสภาพที่ดีขึ้นทุกด้านจ่ะ !
 
2.    “ฝีปู่ดา” ได้มาเข้าสิงลุงขอให้ทำบุญผ้าป่าไปให้นั้น   ก็เป็นเรื่องของอาการทางประสาทของลุง   ที่เกิดจากวิบากกรรมดื่มสุราและเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าผีในอดีตมาส่งผลจ่ะ !

 
3.    วันที่ลูกจะมาทอดกฐินวัดพระธรรมกาย   ผีปู่ดาก็ไม่ได้มาเข้าสิงพ่อ     แต่เป็นอาการทางประสาทเหมือนลุง   ด้วยวิบากกรรมดื่มสุราและเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าผี   และไสยเวทย์ในอดีตมาส่งผลจ่ะ!เพราะในชาติเดียวกันนั้น   พ่อกับลุงก็เป็นพี่น้องกัน   ได้ชวนกันไปดื่มสุราและเชื่อเรื่องทรงเจ้าเข้าผี     แต่ชาตินั้นพ่อจะดื่มเหล้าและเชื่อถือเรื่องทรงเจ้าเข้าผีมากกว่าลุงจ่ะ !

 
4.    อาการทั้งหมดของพ่อที่เป็นอยู่เกือบ  10  ปีนั้น     ก็เป็นอาการทางประสาทด้วยวิบากกรรมดังกล่าว    
 

  • ส่วนของเหลวสีดำ  ก็คือ  ของเสียที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายที่เกิดจากธาตุวิปริตไหลออกมา     และพ่อมีอาการทุเลาขึ้น   เพราะบุญที่เกิดจากการสร้างพระประจำตัว     แต่ยังไม่หมดวิบากกรรมจ่ะ !
 
5.    พ่อมีอาการแน่นทรมานในท้อง   จนเป็นอุปสรรคต่อการนั่งสมาธิ   เพราะ.....ธาตุในตัววิปริต  ,  อาหารย่อยไม่ดี  ,  ลมจึง   ตีขึ้น     ด้วยวิบากกรรมฆ่าสัตว์ทำอาหารและจ้างคนทำคุณไสยแกล้งคู่อริในอดีตมาส่งผลจ่ะ !
 

  • ให้พ่อสั่งสมบุญทุกบุญ   ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา  สวดมนต์ไหว้พระ     แต่อย่าเพิ่งนั่งสมาธิ   เพราะยังมีอาการทางประสาทที่เกิดจากวิบากกรรมเก่าอยู่     ให้ทำดังนี้บ่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นจ่ะ !
 
6.    ย่าตายแล้ว   ไปเป็น “ภุมมเทวา” อยู่บ้านเดียวกับปู่ในหมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่ง    
  • ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้ว   ก็ทำให้ท่านมีสภาพดีขึ้นในทุกด้านจ่ะ !
  • ที่ฝันเห็นย่านั้น   ก็เป็นเพราะ   สร้างบุญไปให้ท่านและ “จิตนิวรณ์” ที่คิดถึงท่านแล้วเก็บเอาไปฝันจ่ะ !
 
7.    “ลูกชายของป้า” เผาตัวเองตายในผ้าเหลือง   ในท่านั่งขัดสมาธิ   เพราะ.....วิบากกรรมปาณาติบาตที่ฆ่าสัตว์ตายทั้งในอดีตและปัจจุบัน     โดยในอดีตได้บวชเป็นสามเณร   โกรธแมวที่มาขับถ่ายฉี่เลอะเทอะบนหลังคา     แล้วมากินเศษอาหารเรี่ยราด และข่วนหลายครั้งเมื่อเวลาจับ     เลยเอาผ้าจีวรห่อคลุมแล้วจุดไฟเผา  ,  กับปัจจุบันเผาเต่าเป็น ๆ   ปิ้งย่างสัตว์เป็น ๆ เป็นอาหารมารวมส่งผลจ่ะ!
 
 
  • ตายแล้ว   ก็เป็นกายสัมภเวสีเร่ร่อนอยู่   ยังมีอาการเบลอ ๆ ทางประสาทอยู่   ยังไม่ได้ไปเกิด   เดินตุหรัดตุเหร่ไปเรื่อย ๆ จ่ะ !
 
8.    ลูกและสามีนับถือศาสนาต่างกัน   ได้มาอยู่ร่วมกัน   เพราะ.....ในอดีตได้เป็นสามี - ภรรยากัน   ได้นับถือศาสนา “เทวนิยม” ด้วยกันทั้งคู่  ,  ต่อมาตัวลูกได้พบกัลยาณมิตร   ได้ชวนมาสร้างบารมีกับหมู่คณะ     จึงเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ  ,  แต่เมื่อทำบุญแล้วก็ไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบอย่างดี    และมีบุญในการชวนคนทำความดีน้อย  ,  เมื่อมาเจอกันในชาตินี้   จึงต้องมาเป็นสามี - ภรรยากันอีก     แต่สามียังนับถือศาสนาเทวนิยมอยู่จ่ะ !    
 
 
  • สามีมีสายบุญกับหมู่คณะเบาบางมาก   เพราะพลัดกันมาหลายกัป     และช่วงที่ไม่เจอกันก็จะไปนับถือ “เทวนิยม”     จนฝังแน่นอยู่ในใจยากต่อการที่จะชวนมาสร้างบารมีกับหมู่คณะจ่ะ !
 
 
 
9.    ตัวลูก  ,  คุณพ่อ  ,  คุณแม่   เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบ “กองเสบียง”     โดยตัวลูกและคุณแม่จะสร้างบารมีกับหมู่คณะมามากกว่าคนอื่นจ่ะ !
 

  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม