เปิดใจคนเห็นพญานาค


[ 28 ก.ย. 2549 ] - [ 18615 ] LINE it!


สัมผัสประสบการณ์จริง เห็นพญานาคกลางลำน้ำโขง

วัดอุทุมพร จ.หนองคาย 

ข้าพเจ้าชื่อ
ณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง

เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าและ ครอบครัวได้เดินทางไปชมบั้งไฟพญานาคที่ อ.โพนพิสัย และทอดผ้าป่าที่ วัดอุทุมพร บ้านเดื่อ ต.จุมพล อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของ อ.โพนพิสัย โดยมี จ่าสิบตำรวจใจ ผดุงผล ลูกน้องเก่าของสามีได้บอกบุญให้มาทอดผ้าป่าที่นี่


ครอบครัวของข้าพเจ้าได้พักค้างคืนที่บ้านของจ่าสิบตำรวจใจ เพื่อรอ ดูบั้งไฟพญานาค เพราะตรงจุดนี้มีบั้งไฟขึ้นมาก และผู้คนไม่แออัดยัดเยียด เหมือนในตัวอำเภอ หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว พวกเราก็อาบน้ำ อาบท่า เอาเสื่อมาปูริมโขงหน้าวัดอุทุมพร นอนนับดาวไปพลางๆ เพื่อรอดู บั้งไฟ

 

ปีนั้นวันออกพรรษาของไทยกับของลาวไม่ตรงกัน เป็นที่รู้กันว่าบั้งไฟ อาจจะขึ้นน้อย หรือไม่แน่อาจจะไม่ขึ้นเลยก็ได้ แต่ไหนๆ ตั้งใจมาแล้วก็ ต้องดูให้ได้

 
 

ปีนั้นวันออกพรรษาของไทยกับของลาวไม่ตรงกัน เป็นที่รู้กันว่าบั้งไฟ อาจจะขึ้นน้อย หรือไม่แน่อาจจะไม่ขึ้นเลยก็ได้ แต่ไหนๆ ตั้งใจมาแล้วก็ ต้องดูให้ได

ข้าพเจ้ารอดูตั้งแต่หกโมงเย็น หลังจากพระอาทิตย์ตกดิน พระจันทร์ ก็ขึ้นมาให้ชมตอนทุ่มเศษๆ แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้เห็นบั้งไฟพญานาคเลย รออยู่จนถึงประมาณ ๓ ทุ่ม ได้มีบั้งไฟพญานาคลูกใหญ่พิเศษ ลูกเดียวโดดๆ คล้ายลูกรักบี้ ลอยขึ้นมาจากแม่น้ำโขง ตรงหน้าวัดที่พวกเรานั่งกันอยู่ บั้งไฟ ลอยขึ้นมาช้าๆ อย่างอ้อยอิ่ง เหมือนตั้งใจจะให้เราดูกันชัดๆ ให้เต็มตา เห็น เป็นดวงไฟสีรุ้งสวยงามดูแล้วเย็นตา พวกเราทั้งหมดที่ชมอยู่มีประมาณ ๓๐ คน ต่างก็ร้องด้วยความตื่นเต้น บั้งไฟนี้ลอยขึ้นไปสูงประมาณยอดมะพร้าว แล้วก็ค่อยๆ หายลับไป ทุกคนตื่นเต้นมาก เพราะบั้งไฟลูกนี้ ขึ้นมาจากแม่น้ำ โขงใกล้ฝั่งไทย ห่างจากจุดที่พวกเรานั่งดูอยู่ประมาณแค่ ๑๐ เมตรเท่านั้นเอง

รอคอยบั้งไฟพญานาค


พอตกดึกครอบครัวของข้าพเจ้าหลับกันเกือบหมด เหลือแต่ข้าพเจ้า กับลูกสาวคนสุดท้องยังนั่งตาสว่างอยู่ เพราะหวังว่าอาจจะได้เห็นบั้งไฟอีก แต่ก็ยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ให้ดู ประมาณสักเที่ยงคืน ข้าพเจ้ากับลูกสาวคนเล็กก็ ได้เห็นขอนไม้ใหญ่ ๒ ท่อน ผุดขึ้นมากลางแม่น้ำโขง ตอนนั้นดวงจันทร์อยู่ใน ตำแหน่งตรงศีรษะคือกลางท้องฟ้าพอดี แสงจันทร์ยิ่งสว่างมากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้มองเห็นท่อนไม้นั้นชัดเจน จึงสังเกตว่า ทำไมไม้สองท่อนนั้นถึงลอยอยู่ กับที่ ไม่ยอมไหลไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าน้ำตรง นั้นเหมือนกับหยุดไหลไปเลย ท้องน้ำดูสงบนิ่ง แม้แต่คลื่นน้อยๆ ก็ไม่มี ทำให้ รู้สึกประหลาดใจมากทีเดียว

บั้งไฟพญานาค


ทันใดนั้นเอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงจากกลุ่มคนข้างๆ ร้องดังขึ้นว่า "พญานาคๆ ดูพญานาค ๒ ตัว กลางแม่น้ำนั่นสิ" ข้าพเจ้าและลูกหันไปตามเสียงนั้น ก็เห็นคนพูดกำลังดูกล้องส่องทางไกล ท่าทางเขาตื่นเต้นมาก พูดออกมาตลอดเวลาว่า พญานาคๆ ตัวใหญ่จังเลย ข้าพเจ้าก็พลอยตื่นเต้น ไปด้วย รีบกระเถิบเข้าไปใกล้ๆ แล้วขอยืมกล้องส่องทางไกลมาดูบ้าง ซึ่งเขาก็ใจดี ให้ยืมทันที เมื่อข้าพเจ้าส่องกล้องไปตรงจุดที่ขอนไม้ใหญ่ สองท่อนนั้นลอยอยู่ ภาพที่เห็นทำให้ขนลุกไปทั้งตัว เพราะเห็นพญานาค ตัวใหญ่มาก ๒ ตัว อยู่กลางแม่น้ำโขง ข้าพเจ้ารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เพราะตื่นเต้นมาก จึงรีบส่งกล้องให้ลูกสาวดูบ้าง ลูกสาวดูแล้วร้องอย่างตื่นเต้นว่า "โอ้โห..ตัวใหญ่จังเลย เห็นหงอนบนหัวด้วย เสียดายนะแม่ เราไม่ได้เอากล้องส่องทางไกลมา" จากนั้นข้าพเจ้าก็ส่องกล้องดูซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งเจ้าของกล้องก็ใจดีให้ยืมดูอย่างเต็มอิ่ม

พญานาคสองตัวลอยอยู่กลางแม่น้ำโขง


ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเคยคิดว่าพญานาคมีอยู่แต่ในภาพของกล่องไม้ขีด ไฟ และในนิยายปรัมปราเท่านั้น แต่ในคืนนั้นข้าพเจ้าได้เห็นของจริงเข้าแล้ว เห็นจริงๆ แบบจะๆ ด้วยตาเนื้อ นานกว่า ๓ ชั่วโมง จนกระทั่งตี ๓ ของวัน ใหม่ ร่างของพญานาคทั้งสองก็ค่อยๆ จมหายลงไปในลำน้ำโขง


รุ่งเช้า ข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้คนอื่นๆ ฟังด้วยความตื่นเต้น แต่ พวกชาวบ้านฟังแล้วก็เฉยๆ ไม่มีใครตื่นเต้นเลย มีแต่ครอบครัวของข้าพเจ้า และเพื่อนๆ อีก ๖ คนที่มาด้วยเท่านั้นที่ตื่นเต้น พอฟังจบพวกชาวบ้านและจ่าใจก็หัวเราะ บอกว่าพญานาคสองตัวนี้ จะมาสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่วัดอุทุมพร ในวันออกพรรษาเป็นประจำทุกปี ถ้าใครอยากเห็น ก็ให้มาดูใหม่ ได้ในวันออกพรรษาปีหน้า

ประวัติพญานาคหน้าวัดอุทุมพร

 

จ่าใจยังได้เล่าอีกว่า วัดอุทุมพรเป็นวัดโบราณสร้างมาประมาณพันปี เศษแล้ว แต่ก่อนตรงนี้เป็นเมืองใหญ่มีกษัตริย์ปกครองราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข และเล่าขานสืบต่อกันมาว่ากษัตริย์ที่สร้างวัดอุทุมพรนี้ เมื่อตายไปก็ได้ไปเกิด เป็นพญานาคพร้อมกับมเหสี และได้มาสักการะบูชาพระพุทธเจ้าเป็นประจำ ทุกปี ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คราวนั้น ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้มีโอกาสไปชมบั้งไฟ พญานาคที่โพนพิสัยอีกเลย แต่ก็ยังจำสิ่งที่เห็นเมื่อสิบปีก่อนได้อย่างชัดเจน และจ่าใจที่อยู่ที่บ้านเดื่อ อ.โพนพิสัย ก็ยังยืนยันว่า แม้เดี๋ยวนี้ พญานาคทั้ง สองก็ยังคงมาสักการะบูชาพระพุทธเจ้า ที่วัด อุทุมพรอยู่เหมือนเดิม

 

 

    
 




คุณณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง
คุณณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง ผู้ที่เคยเห็นพญานาค
 
   
 

"เคยเห็นมาก่อนแล้วที่นครพนม"

ประสบการณ์ที่วัดอุทุมพร จริงๆ แล้วไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านั้น เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๕ ตอนนั้นดิฉันอายุ ๒๓ ปี ได้ตามสามีไปประจำการอยู่ที่ ฐาน ต.ช.ด. บ้านนาเข อ.บ้านแพง จ.นครพนม ที่นั่นก็มีตำนานเล่าลือเกี่ยวกับ พญานาค คือ เจ้าแม่สองนางว่า เป็นหญิงสาวสวยที่เป็นพี่น้องกัน ทำหน้าที่ คอยรักษาแม่น้ำโขงตลอดแนวชายแดนไทย-ลาว ซึ่งริมฝั่งแม่นํ้าโขงแถบ หนองคายและนครพนม จะเห็นศาลเจ้าแม่สองนางขึ้นอยู่ตลอดแนว


มีอยู่วันหนึ่ง พวกภรรยาตำรวจชวนไปเล่นน้ำตรงแถวฝั่งลาว ขณะที่ ดิฉันกำลังลอยคอเล่นน้ำอยู่เพลินๆ ก็ได้ยินเสียงน้ำแตกซ่าดังมาก ดังมาจาก ฝั่งไทยตรงหน้าศาลเจ้าแม่สองนาง พอหันไปตามเสียง ก็เห็นงูตัวใหญ่และยาวมาก สีดำทะมึน คะเนว่า ศูนย์กลางลำตัวไม่น่าจะต่ำกว่า ๑ เมตร และยาวกว่า ๓๐ เมตร กำลังว่ายน้ำข้ามมาทางฝั่งลาว ซึ่งห่างจากจุดที่ดิฉันกำลังเล่นน้ำประมาณแค่ ๒๐ เมตร มองเห็นถนัดชัดเจนมาก ตอนนั้นดิฉัน ตกใจจนตัวสั่น ทำอะไรก็ไม่ถูกเลย

ลำน้ำโขงจุดที่เห็นพญานาค บริเวณหน้าวัดอุทุมพร


แต่พวกภรรยาตำรวจที่ไปด้วยกัน เห็นดิฉันตกใจ ก็พากันหัวเราะแล้วบอกว่า "บ่ต้องกลัวหรอก เปิ้นบ่ได้ทำร้าย เปิ้นมีแต่คอยช่วยเหลือ" แล้วยังเล่าให้ฟังต่ออีกว่า พวกคนไทยที่มาทำไร่ยาสูบบนดอนกลางน้ำทาง ฝั่งลาว เวลามาเก็บยาสูบใส่เรือข้ามกลับไปฝั่งไทย จะต้องจุดธูปบอกเจ้าแม่ สองนางให้คุ้มครองรักษา เนื่องจากแม่น้ำโขงในฤดูร้อนจะมีคลื่นลมแรง บางครั้งก็มีพายุ แต่ถ้าบอกกล่าวเจ้าแม่ก่อนก็จะปลอดภัย ทำให้ชาวบ้าน แถบริมฝั่งโขงนับถือเจ้าแม่สองนางมาก นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อ ๔๐ กว่าปีที่แล้ว


"ภายหลังดิฉันได้ชมรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทางช่อง DMC ทำให้ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพญานาคมากมายหลายๆ เรื่อง ซึ่งก็ทำให้ดิฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก จึงตัดสินใจเขียนเรื่องราวที่ตัวเองได้เห็นมา กับตาส่งมาที่รายการนี้ เพื่อยืนยันว่า พญานาคมีตัวตนจริงแน่นอนค่ะ"

 
   

 

 

    
 
คุณณัฐนารถ ปิ่นเฟื่อง ผู้ที่เคยเห็นพญานาค






จ.ส.ต.ใจ ผดุงผล มัคทายก วัดอุทุมพร จ.หนองคาย
 
   
 

"คนเห็นกันเป็นร้อยๆ ยืนยันได้ว่าพญานาคมีจริง"

"สมัยก่อนผมรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ตอนนี้เกษียณ มาได้ ๑๐ กว่าปีแล้ว ผมรู้จักกับคุณนายณัฐนารถมานาน ตั้งแต่สามีของท่าน มาเป็นผู้บังคับหมวดต.ช.ด.๔๐๖ อยู่ที่อ.โพนพิสัย เมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๙


บั้งไฟพญานาคมีคนเห็นกันหลายคน ใช่ว่าผมเห็นอยู่แค่คนเดียว ดวงไฟส่วนใหญ่จะขึ้นวันออกพรรษา ชาวบ้านแถบนี้ก็เคารพเลื่อมใส มัน มีมานานแล้ว คนแถวนี้ก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร เพราะเห็นจนชินแล้ว เห็น ดวงไฟลอยขึ้นมา แล้วน้ำก็ไหลวนกลางแม่น้ำโขง พอเอาไฟส่องดูในน้ำก็ จะเห็นพญานาคตัวใหญ่มาก เห็นลางๆ ชาวบ้านก็จะยกมือไหว้ แล้วตะโกน บอกว่า "พญานาคขึ้น โชคดี.. โชคดี.."

บ้านของ จ.ส.ต.ใจ ที่คุณณัฐนารถไปพักเมื่อปี พ.ศ.2537


ผมเองก็เลื่อมใสว่า พญานาคมีจริงแน่ๆ เพราะผมเห็นจริง ตอนได้ยินเสียงน้ำแตกกระจาย ทีแรกนึกว่าวัว ควาย ลงไปเล่นน้ำ แต่ความจริง ไม่ใช่ เห็นเป็นเหมือนกับงูใหญ่โผล่ขึ้นมา น้ำตรงนั้นก็พุ่งขึ้นแตกกระจาย เป็นเหมือนน้ำพุอยู่กลางน้ำโขง น้ำจะวนเป็นรัศมีกว้างใหญ่ และไหลพุ่งขึ้นสูงมาก คนเห็นกันเป็นร้อยๆ ยืนยันได้ว่ามีจริง เป็นเรื่องจริง ที่ผมเห็นเองกับตา ไม่ได้โกหก เพราะผมก็ถือศีลถือธรรมอยู่ตามหลักโบราณเป็นประจำ คนไม่เคยเห็นอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า เป็นเรื่องจริงแน่นอนครับ.."

บทความที่เกี่ยวข้องกับพญานาค  
 

 

 
   

 

รายการวิดีโอที่เกี่ยวข้อง

พญานาค
พญานาค พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องราวพญานาคไว้หลายแห่ง ซึ่งพญานาคก็มีกำเนิดหลากหลาย มีอานุภาพ และในทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา พญานาคเกี่ยวข้องกับบั้งไฟพญานาคอย่างไร

วันออกพรรษาวันมหาปวารณาบั้งไฟพญานาคกำเนิดพญานาคคลิปพญานาคพญานาคคือหนังสือพญานาคคนเห็นพญานาค


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติ

รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์

เวินพระสุก กับปริศนาของพระสุกใต้ลำน้ำโขงเวินพระสุก กับปริศนาของพระสุกใต้ลำน้ำโขง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์