ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 183


[ 28 ก.ย. 2552 ] - [ 18275 ] LINE it!

  ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 183
 
 
   
จากตอนที่แล้ว มโหสถจึงได้เริ่มพรรณนาความงามของพระนางนันทาเทวี ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “ข้าแต่สมมติเทพ พระนางเจ้านันทาเทวีนั้น ทรงเป็นยอดเบญจกัลยาณี หาสตรีอื่นเปรียบปานมิได้ แม้นบุรุษใดได้ยลโฉมสะคราญของพระนางแม้เพียงชั่วครู่ ย่อมจำสนิทติดตาตรึงใจไปชั่วกาลนาน ด้วยเหตุนี้เอง พระนางจึงนับว่าเป็นนางแก้วผู้เปี่ยมล้นด้วยพระบุญญาธิการโดยแท้ สมแล้วที่เป็นยอดขัตติยานีคู่บุญบารมีของพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”
">
">
 
">
">
">
    ตลอดเวลาที่พร่ำพรรณนาถึงความงามของพระนางนันทาเทวีอยู่นั้น มโหสถก็เฝ้าสังเกตพระเจ้าจุลนีไปด้วย เห็นชัดว่าทรงเคลิบเคลิ้มไปตามถ้อยพรรณนาในทุกบทตอน พระนางนันทาเทวีได้ปรากฏในพระหทัยของท้าวเธอเสมือนมาประทับอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์
 
">
    มโหสถจึงได้ถือโอกาสกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นพระภัสดาของพระนางนันทาผู้น่าสงสาร บัดนี้ขอพระองค์จงตัดสินพระทัยให้แน่วแน่เถิดว่า พระองค์จะทรงรอชื่นชมกับความตายของพระนางนันทาหรืออย่างไร หากพระองค์ทรงฆ่าหม่อมฉันให้ตายเสียในบัดนี้ พระเจ้าวิเทหราชก็จะประหารพระนางให้สิ้นพระชนม์เช่นกัน เมื่อหม่อมฉันต้องบ่ายหน้าไปสู่สำนักของพญายมพร้อมๆกับพระนาง พญายมเห็นหน้าเราทั้งสองแล้ว ไฉนเลยจึงจะไม่ยกพระนางให้เป็นกรรมสิทธิ์ของหม่อมฉัน มีอย่างที่ไหน อยู่ดีๆก็ได้นางแก้วมาครอง โดยมิต้องลงทุนอะไรเลย พระพุทธเจ้าข้า”
">
 
    วาจาของมโหสถ ช่างทิ่มแทงพระหฤทัยของพระเจ้าจุลนียิ่งนัก เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ผู้ที่ยังหลงใหลติดอยู่ในกามคุณ ไม่ว่าจะติดอยู่ใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งโศกเศร้าเสียใจ ทุกข์ทรมานแสนสาหัสยิ่งนัก
 
">
    ขณะที่พระเจ้าจุลนี ทรงสดับถ้อยพรรณนาถึงพระนางนันทาเทวีอยู่นั้น ก็เกิดความโศกาอาดูร ความอาลัยรักและความเสียดายพระนาง ต่างประดังเข้ามาสู่ห้วงพระหทัย 
แม้ว่าพระหทัยของพระองค์จะแข็งแกร่งสักปานใด แต่ในยามนี้กลับถูกความรักความสิเน่หา
">
หลอมละลายพระหทัยจนไม่มีเหลือ เหมือนขี้ผึ้งลนไฟต้องอ่อนยวบลงเป็นธรรมดา
แม้ความดำริแต่เดิมที่คิดจะฆ่ามโหสถ ก็พลอยจางหายไปจากพระหทัย กลายเป็นความอาลัยอาวรณ์ในพระนางแทน
">
">
 
">
">
">
    พระองค์ทรงมีพระอาการเศร้าโศกเป็นที่สุด แม้จะทรงกล้ำกลืนความรู้สึกนั้นไว้ แต่ก็ไร้ประโยชน์
ท้าวเธอทรงดำริแต่เพียงว่า “นันทาเอ๋ย ป่านนี้เจ้าจะเป็นเช่นไร จะสุขหรือทุกข์ หรือเป็นตายร้ายดีอย่างไร เว้นมโหสถเสียแล้ว พี่ยังไม่เห็นใครอื่นที่จะสามารถพาเจ้ากลับมาหาพี่ได้เลย”
">
 
">
">
    มโหสถเฝ้าดูอาการของพระเจ้าจุลนีอยู่ตลอด เมื่อเห็นดังนั้นก็ทราบว่า บัดนี้ความหมายมั่นที่จะฆ่าตนได้หมดสิ้นไปแล้ว คงมีแต่ความอาลัยในพระเทวีเท่านั้น
มโหสถจึงทูลปลอบโยนพระเจ้าจุลนีว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์อย่าได้ทรงวิตกไปเลย พระเจ้าข้า พระนางเจ้านันทาเทวี พระโอรสและพระธิดา ตลอดจนพระชนนีของพระองค์ จักเสด็จกลับมาหาพระองค์อย่างแน่นอน 
">
ขอพระองค์วางพระทัย แล้วคลายจากพระอาการเศร้าโศกเถิด เพราะทันทีที่ข้าพระองค์กลับคืนสู่มิถิลานครแล้ว กษัตริย์ทั้งหมดก็จักเสด็จกลับมาถึงที่นี่อย่างปลอดภัย พระเจ้าข้า”
 
   
พระเจ้าจุลนีได้ฟังดังนั้น ก็ทรงสบายพระทัยขึ้น แต่แล้วพระองค์ก็ทรงอดสงสัยไม่ได้ว่า “นี่ขนาดเราได้เตรียมการป้องกันปัญจาลนครไว้แล้วอย่างแน่นหนา อีกทั้งยังยกกองทัพใหญ่ทั้ง 18กองทัพ มาปิดล้อมพระนครนี้ไว้
แต่ดูเถิด ทั้งๆที่มโหสถก็ยังอยู่ตรงนี้ ก็ยังสามารถช่วยพระเจ้าวิเทหราชให้หนีไปได้ โดยที่ไม่มีใครรู้สักคนว่าวิเทหราชหนีไปแล้ว
และไม่ใช่ไปคนเดียว แต่ไปพร้อมกับไพร่พลอีกมากมาย มิหนำซ้ำยังพาเสด็จแม่ เทวี โอรสและธิดาของเรา ไปถวายวิเทหราชนั่นเสียอีก
">
">
">
ช่างน่าอัศจรรย์จริง มโหสถรู้เล่ห์กลแห่งทิพมายาหรือไฉน หรือเป็นเพราะรู้มนต์กำบังตากันแน่”
">
 
    ครั้นดำริฉะนี้แล้ว พระองค์จึงรับสั่งถามมโหสถว่า “เจ้าบอกข้าได้ไหมว่า เจ้าน่ะรู้มนต์ทิพมายา หรือว่าเจ้าทำอุบายบังตาข้ากันแน่ เหตุใดเจ้าจึงช่วยวิเทหราชให้หนีรอดไปได้”
 
">
    มโหสถทูลตอบว่า “ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นธรรมดาของบัณฑิตผู้ชาญฉลาด ย่อมจะเรียนรู้ทิพมายาเอาไว้เพื่อช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นให้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง
เหล่านักรบหนุ่มของหม่อมฉันล้วนเป็นคนฉลาด ชำนาญในการตัดช่องตัดทาง พวกเขาช่วยกันขุดอุโมงค์ตามคำสั่งของหม่อมฉัน เพื่อใช้เป็นเส้นทางกลับสู่มิถิลานคร
และบัดนี้พระเจ้าวิเทหราช พร้อมด้วยพระนางเจ้านันทาเทวี พระโอรสและพระธิดา ตลอดจนพระชนนีของพระองค์ ก็เสด็จหนีกลับกรุงมิถิลาไปตามอุโมงค์ที่ตกแต่งไว้ดีแล้วนั่นแหละ พระเจ้าข้า
">
">
 
">
">
">
    พระองค์คงคาดไม่ถึงสิว่า หม่อมฉันน่ะได้เตรียมการไว้ตลอด ตั้งแต่ก่อนเข้ามาสู่แว่นแคว้นของพระองค์เสียด้วยซ้ำ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าหม่อมฉันกำลังทำอะไรอยู่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของพระเจ้าวิเทหราช และเพื่อความปลอดภัยของหม่อมฉันเอง การคิดหาทางรอดด้วยปัญญาอันชาญฉลาดและเพียรพยายาม ทำให้สำเร็จลงให้จงได้นี่แหละ คือ ทิพมายาของบัณฑิต พระพุทธเจ้าข้า”
 
    พระเจ้าจุลนีได้ทรงสดับดังนั้น ก็ทรงมีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรอุโมงค์ที่มโหสถบอกว่า ตนได้นำพระเจ้าวิเทหราชออกไป
">
ทางอุโมงค์นั้น พระองค์จึงตรัสกับมโหสถว่า “แน่ะมโหสถ เราใคร่จะดูอุโมงค์ที่เจ้าบอกเหลือเกิน จะได้หรือไม่ล่ะ”
">
">
 
">
">
">
">
    มโหสถทราบว่า พระเจ้าจุลนีทรงมีประสงค์จะทอดพระเนตรอุโมงค์ จึงกราบทูลว่า “ขอเดชะ ได้สิพระเจ้าข้า ถ้าเช่นนั้น เชิญพระองค์เสด็จตามหม่อมฉันมาเถิด หม่อมฉันจักให้พระองค์ได้ทอดพระเนตรอุโมงค์ที่หม่อมฉันสร้างไว้ดีแล้ว”
 
">
    ส่วนว่าเมื่อมโหสถได้นำเสด็จพระเจ้าจุลนี ทอดพระเนตรภายในอุโมงค์นั้นแล้ว จะมีแผนการอย่างไร อีกทั้งความโกรธแค้นของพระเจ้าจุลนี ที่มีต่อมโหสถจะยุติลงหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
">
 
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
">
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 184ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 184

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 185ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 185

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 186ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 186



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก