ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 189


[ 31 ต.ค. 2552 ] - [ 18266 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 189
 
 
    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าวิเทหราชทรงทอดพระเนตรมโหสถแล้ว ก็ทรงดีพระทัย รับสั่งถามด้วยความห่วงใยว่า “มโหสถเอย เธอรอดพ้นเงื้อมมือพระราชาจุลนีมาได้อย่างไร ไหนเล่าให้เราฟังซิ”

    มโหสถจึงทูลตอบว่า “ขอเดชะ ข้าพระองค์อาศัยปัญญาอันแยบคาย จึงสามารถหว่านล้อมพระเจ้าจุลนีให้ทรงยอมจำนนเสียได้ เหมือนมหาสมุทรที่ล้อมชมพูทวีปไว้พระพุทธเจ้าข้า”

    พระเจ้าวิเทหราชสดับดังนั้น ก็ทรงชื่นชมโสมนัส จากนั้นมโหสถก็ได้ ทูลขอให้พระเจ้าวิเทหราชทรงส่งพระชนนี พระมเหสี และพระโอรสของพระเจ้าจุลนี กลับคืนสู่ปัญจาลนครในเร็ววัน ครั้นได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว มโหสถจึงสั่งให้เตรียมขบวนส่งเสด็จกษัตริย์ทั้งสามพระองค์อย่างสมพระเกียรติ

     พระนางนันทาเทวีทรงดีพระทัยที่จะได้กลับไปหาพระราชสวามี แต่ก็ทรงเศร้าพระทัยที่จะต้องจากพระราชธิดาไป ในวันเสด็จกลับปัญจาลนคร พระนางทรงสวมกอดไว้แนบพระอุระ จุมพิตที่พระเศียรเบาๆ แล้วตรัสล่ำลาด้วยความเป็นห่วงว่า “ลูกรัก แม่ลาล่ะนะ เจ้าอยู่ทางนี้ก็จงปรนนิบัติพระสวามีตามเยี่ยงอย่างขัตติยราชกุมารี อย่าให้เป็นที่ขุ่นเคืองเบื้องยุคลบาทนะลูก”

    เมื่อต่างล่ำลากันและกันแล้ว กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ก็เสด็จขึ้นสู่ราชพาหนะ แวดล้อมด้วยเหล่าจาตุรงคเสนาอย่างสมพระเกียรติ ครั้นแล้วขบวนเสด็จก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากมิถิลานคร เดินทางเข้าสู่เขตแดนปัญจาลนครโดยลำดับ

    ลำดับนั้น พระเจ้าจุลนีทรงต้อนรับพระราชมารดา พระเทวี และพระโอรสด้วยความเอิบอิ่มพระทัย ตรัสถามพระมารดาว่า “เสด็จแม่ พระเจ้าวิเทหราชทรงปฏิบัติกับเสด็จแม่อย่างไร พระองค์ทรงเบียดเบียนเสด็จแม่ให้ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจบ้างไหม พระเจ้าข้า”

    พระมารดาสลากเทวีตรัสตอบว่า “เจ้าตรัสอะไรอย่างนั้น พระเจ้าวิเทหราชช่างดีกับเราเหลือเกิน ทรงปรนนิบัติและเทิดทูนแม่อย่างสูงสุดราวกับเทวดาทีเดียว ทั้งทรงยกย่องนันทาเทวีไว้ในฐานะพระมารดา และปฏิบัติต่อจันทกุมารเหมือนพระอนุชาของพระองค์เอง ส่วนปัญจาลจันทีนั้น มิต้องพูดถึงว่าท้าวเธอทรงโปรดปรานลูกหญิงของเจ้าสักเพียงใด”

    พระเจ้าจุลนีได้สดับดังนั้น ก็ทรงเพิ่มพูนพระปีติโสมนัสยิ่งขึ้น มีพระดำรัสให้ตกแต่งบรรณาการเป็นอันมาก ส่งไปถวายพระเจ้าวิเทหราชและมโหสถอีก

    จำเดิมแต่นั้นมา กษัตริย์ทั้งสองพระนครต่างสมัครสมานสามัคคีกัน ทรงเชื่อมสันถวไมตรีอันดีต่อกันเสมอมาดุจสุวรรณปฐพีแผ่นเดียวกัน ทั่วสกล ชมพูทวีปจึงปราศจากภัยสงคราม ประสบแต่ความสงบร่มเย็นตลอดมา 
 
    พระนางปัญจาลจันที พระธิดาของพระเจ้าจุลนี ทรงเป็นที่รักที่โปรดปรานของพระเจ้าวิเทหราชยิ่งนัก พระนางปฏิบัติพระองค์สมฐานะมิได้บกพร่องเลย ทั้งพระนางอุทุมพรเทวีก็ทรงพระเมตตาพระนางปัญจาลจันทีเสมือนพระกนิษฐา มิได้มีพระหทัยหึงหวงแต่อย่างใด

    พระนางปัญจาลจันที ทรงตอบแทนมิตรไมตรีที่พระนางอุทุมพรมีต่อพระองค์ ด้วยการเคารพยกย่องและให้เกียรติพระนางอุทุมพรดุจพระภคินีอย่างเต็มพระทัย ความสุขสำราญและความรื่นรมย์ในพระราชวังจึงแผ่กำจายไปทั่วพระนคร

    สองปีต่อมา พระนางปัญจาลจันทีได้ประสูติองค์รัชทายาท ถวายแด่พระเจ้าวิเทหราชสมดังพระมโนรถของพระสวามี ข่าวมงคลนั้นยิ่งก่อให้เกิดความปรีดาปราโมทย์ไปทั่วแคว้นวิเทหรัฐ

     พระราชกุมารทรงเจริญวัยแล้ว ก็ทรงเป็นมิ่งขวัญของปวงพสกนิกรถ้วนหน้า สมเด็จเจ้าเหนือหัววิเทหราชทรงมีพระชนมายุต่อจากนั้นอีก 10พระชันษา ก่อนจะเสด็จสวรรคตท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าข้าราชบริพารผู้จงรักภักดี

    เมื่อราชบัลลังก์แห่งวิเทหรัฐว่างลง ท่านมหาบัณฑิตดำริว่า “แม้พระกุมารจะยังทรงพระเยาว์อยู่ก็จริง แต่พระองค์ก็ทรงพระปรีชาสามารถ เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะได้ครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดา นับแต่นี้ไป ชาววิเทหรัฐก็จะสงบร่มเย็นภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของพระองค์”

    มโหสถปรารภถึงเหตุนี้ จึงได้จัดให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เชิดชูพระราชโอรสขึ้นเป็นบรมกษัตริย์ตามโบราณขัตติยราชประเพณี ภายหลังจากถวายราชสมบัติแด่องค์รัชทายาทแล้ว มโหสถก็หวนรำลึกถึงคำปฏิญญาของตนที่ได้ถวายไว้แด่พระเจ้าจุลนีว่า “เมื่อใดพระเจ้าวิเทหราชเสด็จ สวรรคต และหากว่าตนยังมีชีวิตอยู่ เมื่อนั้นแหละ ตนถึงจะมีโอกาสได้รับใช้พระเจ้าจุลนี”

    มโหสถใคร่จะรักษาคำสัตย์นั้น จึงได้เข้าเฝ้าพระราชาเพื่อทูลขอพระบรมราชานุญาตเดินทางไปรับราชการที่ปัญจาลนคร “ขอเดชะ ข้าพระองค์เคยถวายสัตย์ปฏิญาณแด่พระเจ้าจุลนี พระอัยกาธิราชของพระองค์ว่า เมื่อพระเจ้าวิเทหราชเสด็จสวรรคตแล้ว ข้าพระองค์จะเดินทางไปรับราชการในสำนักของพระอธิราชจุลนี บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่ข้าพระองค์จะต้องเดินทางไปปัญจาลนคร พระพุทธเจ้าข้า”

    พระราชาพระองค์น้อยทรงทัดทานว่า “ท่านบัณฑิต ท่านเปรียบเหมือนบิดาของเรา อย่าเพิ่งทิ้งเราผู้ยังเด็กไปเลย จงอยู่กับเราที่นี่เถิด”

    แม้พระนางเจ้าปัญจาลจันทีก็มีพระเสาวนีย์ ตรัสวิงวอนมโหสถว่า  “ท่านบัณฑิต อย่าไปเลยนะ หากท่านไปแล้ว เราจะได้ใครกันเล่าเป็นที่พึ่งในยามยาก อย่าไปเลยนะท่านบัณฑิต อยู่ที่มิถิลานี่เถิด”

    มโหสถทูลอธิบายว่า  “ธรรมดาบัณฑิตทั้งหลายย่อมจะรักษาคำสัตย์ยิ่งชีพ และยกย่องสัจจะว่าเป็นธรรมอันเลิศ ข้าพระองค์ก็ไม่อาจกลับคำได้จริงๆ พระเจ้าข้า ขอใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท โปรดประทานอนุญาตให้ข้าพระองค์ไปเถิด”
 
    พระราชาพระองค์น้อยทรงดำริว่า “ถึงเราจะห้ามท่านมหาบัณฑิตสักเท่าใด ก็คงไม่มีทางสำเร็จแน่”
 
    เมื่อไม่อาจจะยับยั้งความตั้งใจของมโหสถได้ ในที่สุดพระองค์จึงทรงประทานพระบรมราชานุญาตให้ตามที่ขอ ตรัสว่า “ท่านบัณฑิต ท่านจงไปเถิด ไปอยู่กับพระอัยกาของเรา แต่ขอให้ท่านกลับเยี่ยมเราบ้างก็แล้วกัน”

    ส่วนว่าเมื่อมโหสถบัณฑิต ได้เดินทางไปรับราชการในสำนักของพระเจ้าจุลนีแล้ว จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์อย่างไรบ้าง เพราะเป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็มีทั้งคนที่รักและคนที่เกลียดเป็นธรรมดา มโหสถจะใช้สติปัญญาแก้ไขอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป 
 
 พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 190ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 190

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 191ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 191

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 192



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก