อิทธิบาท 4
ทางดำเนินไปสู่ความสำเร็จ
อิทธิบาท4 : ทางสู่ความสำเร็จ
ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ทุกคนต่างปรารถนาความสำเร็จด้วยกันทั้งสิ้น แล้วทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ ถ้าเราเดินเข้าไปในท้องตลาด ในร้านขายหนังสือจะพบกับตำราเทคนิควิธีการทำงานรูปแบบต่างๆ มากมาย จนบางทีอ่านแล้วงง แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ให้หลักการสั้นๆ ไว้เพียง 4 ข้อเท่านั้นเอง
ในอิทธิบาท 4 ชื่อก็บอกอยู่แล้ว อิทธิ แปลว่า ฤทธิ์ หรือ ความสำเร็จ บาท แปลว่า เส้นทางไป ทางดำเนินไป
อิทธิบาทก็คือ “ทางดำเนิน ไปสู่ความสำเร็จ” ซึ่งประกอบด้วยหมวดธรรม 4 ข้อ ได้แก่
อิทธิบาท 4 มีดีงนี้ คือ
1. ฉันทะ คือ เต็มใจทำ ได้แก่ มีความต้องการที่จะทำมีใจรักที่จะทำใจใฝ่รักที่จะทำสิ่งนั้นอยู่เสมอ
2. วิริยะ คือ แข็งใจทำ ขยันทำสิ่งนั้นด้วยความพยายาม อดทนไม่ท้อถอย อะไรจะเกิดก็แข็งใจทำ
3. จิตตะ คือ ตั้งใจทำ มีใจจดจ่อ ทำสิ่งนั้นด้วยความฝักใฝ่ เอาใจใส่เสมอ มีใจจดจ่อเป็นสมาธิ
4. วิมังสา คือ เข้าใจทำ มีความรู้ความสามารถในสิ่งที่ทำ ทำด้วยความพิจารณา หมั่นตรวจสอบ มีการวางแผน วัดผล ตลอดจนหาวิธีแก้ไขปรับปรุง
เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถึงหัวข้อธรรมทั้ง 4 ข้อ โดยการศึกษาจากตารางต่อไปนี้
|
ตัวหนุน |
ตัวขวาง |
ฉันทะ |
เห็นประโยชน์, ความสำเร็จในอดีต, ความมั่นใจในความรู้ความสามารถ |
ความไม่ยุติธรรม |
วิริยะ |
ผู้คนรอบตัวที่ขยันขันแข็ง, การตั้งสัจจะ อธิษฐาน |
อบายมุข |
จิตตะ |
การทำสมาธิ |
ความไม่มีระเบียบในการทำงาน |
วิมังสา |
การหมั่นหาความรู้ ฝึกฝนตนเองเสมอ |
ความหลงตัวเอง, การดูถูกตัวเอง |
เมื่อเรารู้ หลักนี้แล้ว เราจึงต้องไม่หยุดในการหาความรู้ ฝึกฝนตนเองเสมอ แล้วเราชาวพุทธมีอาวุธลับสำคัญคือ “ธรรมะ”ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งทันสมัยที่สุดในโลกไม่มีวันเชยเพราะเป็น อกาลิโก คือ ไม่ขึ้นกับกาลเวลานั้นเอง
ใครศึกษาธรรมจนกระทั่งเข้าใจ จะมีกรอบความคิดสำเร็จรูปที่ตั้งโดยพระสัพพัญญู คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เรามั่นใจว่าถูกต้องแน่นอนยิ่งกว่าผู้รู้ใดๆ ในโลกนี้ เมื่อเรารู้ธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วไปศึกษาเรื่องอื่นๆ เราจะสามารถจัดระบบความคิดของเราได้อย่างเป็นระเบียบและจะมองอะไรลึกซึ้งกว่าคนอื่น เพราะเรามีหลักธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นตัวจับ นี่คือข้อได้เปรียบของเรา เราจึงต้องนำมาใช้ให้คุ้มกับที่ได้เกิดมาเป็นชาวพุทธ