ปรากฏการณ์สำแดงอานุภาพของพระบรมธาตุ (2)


[ 24 ก.พ. 2557 ] - [ 18283 ] LINE it!

พระบรมธาตุ

ปรากฏการณ์สำแดงอานุภาพของพระบรมธาตุ

ปรากฏการณ์สำแดงอานุภาพของพระบรมธาตุ (2)
 

วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ ชนิดราชวรมหาวิหาร

รัตนโกสินทร์


      สมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์ทรงอธิษฐานต่อหน้าองค์พระปฐมเจดีย์ว่า ถ้าในพระมหาเจดีย์นี้มีพระบรมธาตุซึ่งท่านแต่โบราณบรรจุไว้ในภายใน ขอเทพยาผู้ใหญ่ทรงรักษา พระมหาเจดีย์องค์นี้จงมีเมตตากรุณาแบ่งพระบรมธาตุให้สักสององค์ข้าพเจ้าจะนำไปบรรจุไว้ในพระพุทธรูปหล่อใหม่นามว่าพระสัมมาสัมพุทธพรรณีองค์หนึ่งและไว้ในพระเจดีย์ทองเหลืองหุ้มเงินอีกองค์หนึ่ง ต่อมาอีก 1 เดือนครึ่ง พระสงฆ์สวดมนต์อยู่ในหอพระวัดมหาธาตุ เวลา 5 ทุ่ม เมื่อสวดมนต์ไปได้ครึ่งหนึ่ง จึงเห็นเป็นควันกลุ้มขึ้น ที่พระพุทธเนาวรัตน์สีแดง และมีกลิ่นหอมเหมือนควันธูปเทียน ควันพลุ่งขึ้นมากจนพระพุทธเนาวรัตน์นั้นแลดูพระองค์แดงเหมือนสีนาค พระสงฆ์ทั้งปวงก็ตกใจ นึกว่าไฟไหม้ ไปดูก็หาเห็นไฟอะไรไม่ จึงกลับมานั่งสวดมนต์ต่อไปจนจบควันนั้นก็จางหายไป วันรุ่งขึ้น ร.4 เสด็จทอดพระเนตรพระพุทธเนาวรัตน์ จึงเห็นพระบรมธาตุที่บรรจุเพิ่มไว้ในพระพุทธรูปเพิ่มขึ้นเป็น 2 องค์ ถามกันโดยทั่วไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดนำมาบรรจุไว้เพิ่ม ที่ฐานพระก็ไม่มีรอยเปิด พระบรมธาตุที่เสด็จมาใหม่นั้นเล็กเท่าเมล็ดพันธ์ผักกาด มีสีขาวคล้ายดอกพิกุลสด กับมีสีขาวดุจสังข์

       พ.ศ. 2396 วันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น 5 ค่ำปีฉลู เบญจศก จ.ศ. 1215 เพลายามเศษ เห็นที่องค์พระปรางค์พระปฐมเจดีย์เป็นดวงกลมออกจากซุ้มคูหาฝ่ายอุดรทิศดวงโตเท่าผลส้มเกลี้ยง มีรัศมีสว่างขึ้นไปเบื้องบนถึงยอดนภศูลเบื้องต่ำถึงชั้นทักษิณเดิม แล้วก็หายไป

      พ.ศ. 2398 เห็นที่องค์พระปรางค์พระปฐมเจดีย์เป็นดวงช่อออกมาทางซุ้มคูหาทิศเหนือ อีกคราวหนึ่งเดือนอ้าย ปีมะโรง อัฐศก เห็นอัศจรรย์ 2 ครั้ง การที่องค์พระปฐมเจดีย์ปาฏิหาริย์นั้น มีทุกปี ปีละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใดก็เป็นทุกคราวแลที่ปฐมเจดีย์ก็มีอัศจรรย์หลายอย่าง คือที่องค์พระปรางค์ บางที่เดือนมืดก็บังเกิดมีรัศมีเหมือนบุคคลเอาผ้าขาวไปคลุมไว้ แล้วก็หายไปทีละน้อยๆ จนเต็มกำลัง แลเห็นขึ้นไปจนตลอดยอดนภศูล บางทีก็สว่างซีกหนึ่ง บางทีก็สว่างข้างล่าง มืดข้างบน แล้วสว่างข้างบน มืดข้างล่าง เมื่อจะสว่างนั้นก็เป็นรัศมีเรืองขึ้นทีละน้อยๆ จนสว่างเต็มกำลังตลอดยอดนภศูล แล้วมีรัศมีโรยอ่อนลงมาทีละน้อยจนมืดไปทั้งองค์พระปรางค์ แล้วก็ค่อยมีรัศมีเรืองขึ้นมาอีก ดังกล่าวแล้ว เป็นอยู่ 2 ทุ่ม บ้าง 3 ทุ่มบ้าง จึงหายไป
 
      บางทีก็เห็นเหมือนดวงดาวติดอยู่ปลายยอดนภศูล มีรัศมีแดง เหลือง เขียว สีต่างๆ ค่อยเลื่อนลงมาทีละน้อยๆ หายไปในช่องคูหา บางทีดูที่องค์พระปรางค์มืดเป็นปกติ แต่ขอบริมนั้นขาวสว่างรุ่งเรืองขึ้นไปตลอดยอด บางทีได้ยินเสียงโห่ร้อง ครั้นไปชันสูตร ก็ไม่เห็นมีผู้ใด บางทีได้ยินเสียงฆ้องชัยเหมือนบุคคลตีอยู่ในองค์พระเจดีย์ บางทีหาใช่เวลาสัปปุรุษขึ้นไปนมัสการ พวกทำงานก็ได้กลิ่นธูปเทียนหอมตระหลบไป บางจำพวกมิอาจขึ้นไปบนทักษิณได้ก็นั่งกราบไหว้อยู่แต่พื้นดิน

     อีกครั้งหนึ่ง ต่อหน้า ร.4 มีรัศมีสีขาวตกลงมาหายไปที่หลังวิหารพระไสยาสน์เก่า ซึ่งอยู่ที่พระวิหารหลวงเดี๋ยวนี้ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการที่เฝ้าอยู่บนนั้นได้เห็นว่าดาวตกใกล้จะถึงพระลานบ้าง ถึงหลังพระราชวังบ้าง ที่อยู่ใกล้ก็เห็นตกไกลออกไป ที่อยู่ไกลก็เห็นตกใกล้เข้ามาเสมอเพียงตัวอยู่ เป็นการอัศจรรย์อย่างหนึ่ง

      อีกครั้งหนึ่งปีฉลู สัปตศก ร.4 เสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐินแล้วประทับอยู่ 2 ราตรี ได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ในที่ประชุมพระวงศานุวงศ์ ข้าราชการก็เห็นด้วยมาก พระเจ้าอยู่หัวทรงปีติโสมมนัสมากในรัศมีของพระบรมธาตุ ทองทศพิศมีอยู่ในฉลองพระองค์เท่าใด ก็เทออกพระราชทานให้เป็นส่วนพระราชกุศลจนสิ้น นอกจากนี้พวกชาวยุโรปยังศรัทธาแบกอิฐขึ้นไปก่อแล้วกราบไหว้และถวายทอง เมื่อต้องการสายโซ่รัดองค์พระ ไปถามซื้อคนขายก็พลอยยินดีให้เปล่าๆ พวกแขกก็กราบไหว้บอกว่าพระเจ้าเก่าแก่ของพวกเขาที่ล่วงไปนานแล้วเสด็จมาบรรทมอยู่ที่นี่

       รัชกาลที่ 5 ทรงทอดพระเนตรปาฏิหาริย์ 2 ครั้ง เมื่อพ.ศ. 2406 และ 2410 ที่พระปฐมเจดีย์ ทรงสันนิษฐานว่าเป็นอยู่เนืองๆ แต่มักจะเข้านอนกันแล้ว เลยไม่ค่อยมีใครเห็น ที่ปรากฏบ่อยจะมีในเดือน 11, 12 และเดือนยี่

      รัชกาลที่ 6 ทอดพระเนตร 2 ครั้ง ครั้งแรกพ.ศ. 2452 วันอาทิตย์ 24 ต.ค. ร.ศ. 128 ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 11 เพลาดึก 2 ยาม 55 นาที ทรงทอดพระเนตรเห็นองค์พระปฐมเจดีย์มีรัศมีสว่างพราวออกมาทั้งองค์ ซ้ำยังมีรัศมีพวยพุ่งขึ้นไปอีกประมาณ 3 – 4 วา ปรากฏอยู่ถึง 17 นาที มีผู้เห็นทั้งหมด 69 คน ไม่นับชาวตลาดอีกหลายคน

      พ.ศ. 2457 ร. 6 ทรงทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์อีกครั้งหนึ่ง โปรดให้จัดเครื่องพระภูษาทรงสพัก เรียกประชุมพร้อมกัน ทรงนำสวดมนต์ด้วยพระองค์เอง โปรดให้สร้างเหรียญที่ระลึก เรียกว่า เหรียญกังสดาล ด้วยทอง เงิน นาค จารึกวันเดือนปีที่พระธาตุปาฏิหาริย์ด้านหนึ่ง เป็นรูปพระปฐมเจดีย์อีกด้านหนึ่ง พระราชทานแก่ผู้ได้เห็นทั่วกัน และโปรดให้สร้างพระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย ณ จุดนั้นด้วย
 
จาก :  หนังสือพระบรมธาตุ เขียนโดย : อ.บริภัทร
พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2539

อ่านบทความอื่นๆ



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
พระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง สิรินันโท)พระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง สิรินันโท)

พระราชภัทรธาดา (ประเทือง กิตฺติสทฺโท) เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรีพระราชภัทรธาดา (ประเทือง กิตฺติสทฺโท) เจ้าคณะจังหวัดปราจีนบุรี

พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) รองสมเด็จพระราชาคณะพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) รองสมเด็จพระราชาคณะ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

พระพุทธศาสนา