สุมนสามเณร


[ 11 ธ.ค. 2556 ] - [ 18283 ] LINE it!

สุมนสามเณร

     ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของเรา เพราะจะได้ประพฤติปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นสัจธรรมนำพาชีวิตให้เข้าถึงความสุข หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งมวล ปัจจุบันมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต เมื่อไม่ได้ฟังธรรมของพระพุทธองค์ ชีวิตจึงต้องเวียนวนอยู่ในกระแสแห่งความทุกข์ เหมือนถูกตรึงด้วยเครื่องร้อยรัดพันธนาการ แต่เมื่อได้ฟังพระสัทธรรม จะเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แล้วมุ่งแสวงหาสาระอันแท้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า

“ยมฺหิ สจฺจญฺจ ธมฺโม จ    อหึสา สญฺญโม ทโม

ส เว วนฺตมโล ธีโร        โส เถโรติ ปวุจฺจติ 

     บุคคลใดมีสัจจะ มีธรรมะ มีความไม่เบียดเบียน มีความสำรวม มีความข่มใจ บุคคลนั้นชื่อว่า เป็นนักปราชญ์ผู้บริสุทธิ์ ชื่อว่าเป็นเถระ ผู้มั่นคงในธรรม”

     ผู้ที่จะสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมเหล่านี้ มิได้จำกัดอยู่ที่อายุ เพศภาวะ หรือฐานะความเป็นอยู่ หากอยู่ที่การฝึกฝนอบรมตนเอง และมีมโนปณิธานอันสูงส่งที่จะทำให้ถึงที่สุดแห่งการพ้นทุกข์ ด้วยการหมั่นชำระกาย วาจา ใจ ให้สะอาดบริสุทธิ์ หากสามารถนำใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายได้ ใจจะมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพานอย่างเดียว ทำให้เป็นผู้สำรวมระวัง สงบระงับ มีความอดทนต่อกิเลสเครื่องล่อใจต่างๆ แล้วตั้งใจประกอบคุณงามความดีโดยไม่หวั่นไหว มีใจมั่นคงประดุจขุนเขาที่ไม่หวั่นไหวต่อแรงลมที่พัดมาจากทั่วสารทิศ

     บุคคลเช่นนี้ เป็นผู้ที่หาได้ยากในโลก จึงไม่ควรล่วงเกินหมิ่นประมาท ไม่ว่าท่านจะอายุมากหรือน้อย เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม ก็ควรแก่การเคารพนับถือ แม้จะเกิดในครอบครัวที่ต่ำต้อย แต่จิตใจนั้นสูงส่ง ถึงมีผิวพรรณหยาบกร้านไม่น่าดู แต่มีใจใสสะอาดบริสุทธิ์ หรือแม้ว่ายังเป็นเด็กเล็กอายุไม่กี่ขวบ แต่ใจนั้นยิ่งใหญ่ ยิ่งเป็นผู้ที่บรรลุคุณวิเศษต้องระวัง อย่าไปพลั้งพลาดประพฤติผิดต่อท่าน เพราะจะเกิดโทษมหันต์

     ผู้รู้ถึงได้แนะนำไว้ว่า สิ่งที่เราไม่ควรดูหมิ่นมี ๔ อย่าง คือ อย่าดูหมิ่นไฟว่ามีเพียงน้อยนิด อย่าดูหมิ่นอสรพิษว่าตัวน้อย อย่าดูหมิ่นกษัตริย์ว่ายังหนุ่ม และอย่าดูหมิ่นสมณะว่ายังเยาว์ เพราะไฟแม้จะมีประกายเพียงนิดเดียว ถ้าลุกลามก็สามารถทำลายสิ่งต่างๆ ให้มอดไหม้ อสรพิษแม้จะตัวเล็กแต่พิษของมันก็สามารถทำให้เราถึงตาย กษัตริย์แม้ยังหนุ่มแต่ก็สามารถสั่งตัดสินประหารชีวิตคน หรือถ้าปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฎร์โดยธรรม จะทำให้บ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุข และสมณะแม้ว่าจะเป็นเพียงสามเณรน้อย แต่ถ้าบรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็เป็นผู้มีอานุภาพมาก

     * เหมือนดังเรื่องของสุมนสามเณร แม้อายุยังน้อยแต่สามารถปราบพญานาค ที่มีฤทธานุภาพมากให้สิ้นฤทธิ์ เรื่องมีอยู่ว่า มีอุบาสกท่านหนึ่งเป็นผู้มีความศรัทธามาก ได้ให้ลูกชายชื่อ สุมนะ บวชเป็นสามเณรเพื่อคอยอุปัฏฐากพระอนุรุทธเถระ สุมนะเป็นเด็กที่มีบุญได้สั่งสมบุญเก่ามาดีข้ามภพข้ามชาติ เพราะฉะนั้น เวลาบวช เพียงใบมีดโกนจรดปลายเส้นผม สามารถพิจารณาเห็นแจ้งถึงความไม่เที่ยงของสังขาร แล้วบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน พอโกนผมเสร็จทั้งศีรษะก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที

     วันหนึ่ง ขณะที่พระอนุรุทธะกำลังเดินจงกรม โรคลมเสียดท้องก็เกิดขึ้นกับท่าน สามเณรจึงเรียนถามพระอาจารย์ว่า “จะให้ช่วยรักษาอย่างไรบ้าง” พระเถระบอกว่า “ถ้าหากได้ดื่มน้ำจากสระอโนดาต ก็จะหายเป็นปกติ” สามเณรจึงอาสาจะไปเอาน้ำจากสระอโนดาตมาถวาย และรีบเหาะไปที่สระอโนดาตทันที

     วันนั้น พญานาคราชกำลังเล่นน้ำกับนาคบริวารอยู่ พอได้เห็นสามเณรยืนอยู่ในอากาศเหนือศีรษะของตนก็โกรธมาก แล้วคิดว่า “สมณะนี้เหาะมาทางอากาศ ทำให้ฝุ่นที่เท้าตกลงมาบนศีรษะของเรา ท่านคงจะมาที่นี่ เพราะต้องการน้ำในสระอโนดาตนี้แน่ แต่เรา จะไม่ยอมให้น้ำอย่างเด็ดขาด" แล้วพญานาคก็ขยายตัวแผ่พังพานปิดสระอโนดาตไว้

     สามเณรเห็นอาการของนาคราช ก็ทราบว่านาคราชกำลังโกรธ จึงกล่าวว่า “พญานาคราชผู้มีเดชกล้า มีกำลังมาก เรามาเพื่อจะขอน้ำไปรักษาพระอาจารย์ ซึ่งกำลังอาพาธอยู่ ขอให้ท่านได้ให้น้ำแก่เราด้วยเถิด” นาคราชบอกว่า “แม่น้ำใหญ่ๆ ไหลไปสู่มหาสมุทรมีตั้งหลายสาย ทำไมถึงไม่ไปเอา จะมาเอาจากที่นี่ทำไม”

     สามเณรรู้ว่า พญานาคคงจะไม่ให้น้ำง่ายๆ จึงคิดจะทรมานพญานาคให้คลายทิฐิมานะ จึงบอกว่า “ท่านนาคราช พระอุปัชฌาย์ให้เรานำน้ำจากสระอโนดาตนี้เท่านั้น ขอท่านอย่าห้ามเราเลย” พญานาคฟังแล้วยิ่งโกรธหนักขึ้น จึงท้าสามเณรประลองฤทธิ์

     สุมนสามเณรปรารถนาจะยอยกพระพุทธศาสนาให้สูงเด่น ให้เหล่าเทวดา พรหม อรูปพรหม ได้เห็นอานุภาพของพระรัตนตรัย จึงใช้ฤทธานุภาพเหาะไปหาเทวดาทุกชั้นฟ้า เพียงแค่เวลาชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ไปถึงพรหมโลก ประกาศให้เทวดา และพรหมได้มาเป็นสักขีพยานว่า “เราเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะต่อสู้กับปันนกนาคราชที่สระอโนดาต ขอท่านทั้งหลายจงไปดูความพ่ายแพ้หรือชัยชนะที่จะเกิดขึ้น เพื่อเป็นพยานให้กับเราด้วย”

     เหล่าเทวดาทั้งหมดฟังคำของสามเณรแล้ว ก็มาประชุมกันเนืองแน่นเต็มบริเวณ ซ้อนกันอยู่รายรอบสระอโนดาต ขณะนั้นพญานาคได้แปลงร่างขนาดใหญ่ แผ่พังพานไม่ให้สามเณรนำน้ำไปได้ สามเณรเริ่มประลองฤทธิ์กับพญานาคราช โดยเหาะขึ้นไปกลางอากาศแล้วเนรมิตกายสูงถึง ๑๒ โยชน์ เหยียบพังพานของพญานาค แล้วกดหน้าให้ควํ่าลง

     ทันทีที่เหยียบลงไปบนพังพานของพญานาคเท่านั้น แผ่นพังพานก็ได้หดเข้าเหลือเล็กเท่าทัพพี น้ำในสระอโนดาตพุ่งขึ้นมาให้สามเณรรองใส่ภาชนะที่นำมาจนเต็ม หมู่ทวยเทพต่างแซ่ซ้องสาธุการกันไปทั่วบริเวณ ในที่สุดสามเณรก็สามารถนำน้ำไปถวายพระเถระได้สำเร็จ เมื่อท่านฉันน้ำนั้นแล้ว จึงหายจากอาการปวดท้องทันที

     จากเรื่องนี้ จะเห็นได้ว่าสามเณรแม้อายุยังน้อย แต่อานุภาพไม่ธรรมดา ฉะนั้น จะไปดูหมิ่นสมณะว่ายังเยาว์ ว่าเป็นสามเณรน้อยๆ คงไม่มีความสามารถอะไร สามเณรนี่แหละเป็นเหล่ากอของสมณะ ที่จะเป็นอายุของพระศาสนา เป็นผู้สืบทอดพระสัทธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาให้ดำรงคงอยู่คู่โลกต่อไป

     ดังนั้น แม้จะอยู่ในวัยเด็กหรือผู้ใหญ่ จะร่ำรวยหรือยากจน จะดำรงอยู่ในสถานะหรืออาชีพใดก็ตาม  หากภายในจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม ปรารถนาจะทำให้สันติสุขบังเกิดขึ้นแก่โลก นับได้ว่าเป็นผู้ควรแก่การอนุโมทนาอย่างยิ่ง พวกเราก็เป็นคนหนึ่งที่สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ เริ่มต้นด้วยการให้สิ่งที่ดีงามบังเกิดขึ้นในจิตใจของเราก่อน นึกถึงบุญกุศลที่เราได้ทำมา นึกถึงองค์พระหรือดวงธรรมใสๆ ที่อยู่ในตัวของเรา และหยิบยื่นสิ่งที่ดีงามนี้ให้แก่คนรอบข้าง ตลอดจนถึงคนทั้งโลก เหมือนกับต้นน้ำที่เผื่อแผ่ธารน้ำอันชุ่มฉํ่าให้แก่สรรพสัตว์และต้นไม้ใบหญ้าให้ได้รับความชุ่มชื่นโดยทั่วกัน

     สันติภาพของโลกจะบังเกิดขึ้น ต้องเริ่มจากสันติสุขภายใน คือ เริ่มที่ใจของเราก่อน ดังนั้นให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า เราสามารถทำให้โลกเกิดสันติสุขได้ และเราจะช่วยกันทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัยที่เราเข้าถึง เราจะเปลี่ยนแปลงโลกที่รุ่มร้อนให้เป็นโลกที่ร่มเย็น เปลี่ยนโลกที่เห็นแก่ตัวให้เป็นโลกที่รู้จักการแบ่งปัน ฉะนั้นให้เริ่มต้นด้วยการหมั่นเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายให้ได้ตลอดเวลา ให้เข้าถึงความสุข แล้วแผ่ขยายความสุขไปให้แก่มวลมนุษยชาติ แล้วเราจะมีความสุขในการทำหน้าที่กัลยาณมิตรกันทุกคน

 

พระธรรมเทศนาโดย: หลวงพ่อธัมมชโย (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๔๓ หน้า ๔๐๖
 

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

สามเณรอรหันต์