อาถรรพ์..!!สะพานข้ามลำน้ำโขง


[ 13 ต.ค. 2548 ] - [ 18330 ] LINE it!

CASE STUDY
อาถรรพ์..!!สะพานข้ามลำน้ำโขง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ
    
    กระผม เป็นเจ้าอาวาสวัดทรายทอง จังหวัดมุกดาหาร เป็นหัวหน้าศูนย์พัฒนาคุณธรรม  และที่สำคัญเคยมาอบรมพระกัลยาณมิตรรุ่นที่ 62 อีกด้วยครับ ปัจจุบันมีโอกาสพบคุณครูไม่ใหญ่ทุกวันโดยผ่าน DMC ช่องนี้ช่องเดียว วันนี้กระผมขออนุญาตส่งเรื่องราว Case Study ที่เกี่ยวกับพญานาคมาดังนี้ครับ
   
    ในราวปีพ.ศ. 2536-2537 ทางการมีข่าวว่าจะสร้าง สะพานข้ามแม่น้ำโขงมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 ที่บ้านคำผักหนอก หมู่ 7 ต.บางไทรใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งบริเวณน่านน้ำใกล้สถานที่ที่จะทำการสร้างสะพานนี้ แม่ของคนขับรถของกระผม เล่าว่า เมื่อประมาณ 30-40 ปีก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ท่านสาวๆ ได้ออกมานอกระเบียงบ้านในคืนวันเพ็ญ แล้วมองทอดไปยังลำน้ำโขง มองเห็นเรือพายธรรมดาๆลำเล็กๆ ลอยอยู่ไม่ห่างจากริมฝั่งเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นเรือร้างที่ไม่มีคนอยู่ จึงคิดอยากได้เอาไว้ใช้งาน จึงได้ชวนญาติพายเรือออกไปเอา แต่เมื่อพายเข้าไปใกล้ขึ้น..ใกล้ขึ้น เหลืออีกเพียง 10 เมตรจะถึงตัวเรือแล้ว  ทันใดนั้น ทุกคนที่มาในเรือ ต่างตกตะลึงแทบช็อค เพราะอยู่ๆ เรือลำดังกล่าว ได้ขยายใหญ่ สูงขึ้นกว่าเดิมไม่รู้กี่เท่า จึงได้แต่ตาลีตาเหลือกรีบกลับลำแจวเรือหนีขึ้นฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต และคนขับรถของผมก็ได้เล่าต่อไปอีกว่า ตรงบริเวณใกล้กับบริเวณที่กำลังสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 นี้ เขาเคยเห็นตัวอะไรไม่ทราบ ว่ายข้ามลำน้ำ โดยโผล่ส่วนที่พ้นน้ำมีลักษณะคล้ายครีบหลังของปลาว่ายลอยทวนกระแสน้ำ โดยเริ่มต้นว่ายทวนกระแสน้ำจากฝั่งลาวมายังฝั่งไทย ว่ายมายังปากน้ำห้วย หรือบริเวณที่เรียกว่า ห้วยบ้านทราย ทำให้คนขับรถของกระผมและเพื่อนของเขา วิ่งไปดักดู แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ปรากฏว่าว่ายหายไปเสียแล้วครับ...
   
    การสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 นี้ แม้จะมีข่าวว่าจะสร้างนานแล้วก็จริง แต่เพิ่งจะลงตัวเรื่องพื้นที่ที่จะสร้าง และเริ่มต้นสร้างจริงๆในปี 2543 ซึ่งขณะเริ่มสร้างได้มีลางร้ายทำลายขวัญคนงานคือ มีคนไปผูกคอตายใน Office ที่เพิ่งสร้างใหม่ ซึ่งยังไม่ได้เริ่มใช้กันเลย ซึ่งการผูกคอตายนี้ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด จนทำให้พนักงานที่จะต้องมาใช้ Office หลังนี้หวาดกลัวมาก จนทำให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบต้องตัดสินใจ สั่งทำการรื้อถอน Office ทั้งหมด แล้วเอาเหล็กกระเบื้องและวัสดุที่เกี่ยวกับการสร้าง Office หลังนี้ ไปบริจาคถวายให้กับวัดของกระผมแทน จากนั้นทางบริษัทผู้รับเหมา ก็ได้สั่งอุปกรณ์ก่อสร้างเข้ามาใหม่ เพื่อสร้าง Office ในพื้นที่ตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นอีก 4-5 เดือน ก็มีลางร้ายครั้งที่ 2 อีกคือคนงานก่อสร้างที่กำลังสร้างสะพานอยู่นั้น ได้ตกนั่งร้านตาย และไม่นานต่อมาก็ได้เกิดลางร้ายครั้งที่ 3 เกิดการตายขึ้นอีกคือ คนงานที่ออกไปทำงานสร้างเสาที่กลางลำน้ำ รู้สึกร้อนอยากล้างหน้า จึงได้ก้มลงไปตักน้ำจากลำน้ำโขงมาล้างหน้า ซึ่งก็ได้ตกน้ำตายอีกคน
 
    เหตุการณ์แปลกๆ อันผิดสังเกตของที่นี่ ทำให้คนงานเริ่มเกิดความสะพรึงกลัว ทีมงานก่อสร้างระส่ำระสาย โดยเฉพาะการสร้างเสาเข็มต้นที่ 11 ของสะพานซึ่งอยู่กลางลำน้ำโขง มีปัญหามากกว่าเพื่อน คือ ตั้งแต่เริ่มทำการตอกเสาเข็มต้นนี้  ตอกยังไง..ก็ตอกไม่ลง แม้ใช้สว่านนำร่องขุดเจาะก็เจาะไม่ลง ซึ่งวิศวกรก็ใช้ความพยายามทุกรูปแบบ เพื่อดันทุรังเจาะต่อให้ได้ จนหัวสว่านหัก วิศวกรจึงตัดสินไปจ้างนักประดาน้ำ ให้ดำลงไปดู เพื่อจะเอาหัวเจาะขึ้นมา และดูว่ามันเป็นเพราะอะไร แต่พอดำลงไปนักประดาน้ำก็ต้องพบกับความตกใจสุดขีด เพราะเห็นดวงตาอะไรไม่รู้แดงก่ำเป็นคู่ๆอยู่เต็มใต้น้ำไปหมด ซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาที่ตน  พอมองต่อไปก็เห็นลำตัวสีเขียวยาวลอยอยู่รอบๆบริเวณนั้น ทำให้เขารีบว่ายหนีขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิต พอขึ้นบกได้ ก็เก็บข้าวของกลับบ้านไปเลย เงินค่าจ้างก็ไม่ยอมรับเลยสักบาท  แต่วิศวกรญี่ปุ่นก็ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นทั้งนั้น จึงได้สั่งให้เอาปูนเทลงไปที่ตอม่อของเสาต้นนี้เลย เจาะได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ซึ่งขณะเทลงไปนั้น ก็ต้องพบแต่ความประหลาดใจสุดขีดอีกครั้ง คือ เทปูนลงไปเท่าไหร่ก็เทไม่เต็มสักที ทำให้เสาต้นนี้ใช้ปูนเป็นจำนวนมากกว่าทุกต้น แต่ในที่สุดก็เทเต็มจนได้
   
    การสร้างสะพานยังคงดำเนินไปท่ามกลางอุปสรรคและความสับสนของเหตุการณ์ประหลาดนานัปการ             จนกระทั่งถึงวัน วิสาขะบูชา ปี2548 ยามที่เฝ้าไซท์ก่อสร้างนี้ได้ฝันว่า มีคนใส่ชุดขาวมาบอกว่า “ในวันพรุ่งนี้เป็นวันเข้าพรรษา ให้ยามช่วยไปบอกหัวหน้าด้วยว่าขอให้หยุดงานก่อน 1 วัน เพราะพวกเขาจะอธิษฐานเข้าพรรษากัน” ซึ่งวิศวกรญี่ปุ่นไม่ยอมหยุดตามที่ขอ เพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2548 วันเข้าพรรษานี่เอง วิศวกรชาวญี่ปุ่น 3 คนได้ลงเรือไปดูงานการวางคานของสะพานด้วยตัวเอง ทั้งๆที่ไม่เคยลองนั่งเรือออกไปดูเลยตั้งแต่เริ่มสร้างมา และทันใดนั้นเอง...ขณะคนงานกดสวิทช์ เครนก็ได้ยกแท่นปูนเพื่อนำไปวางบนหัวเสาต้นที่ 11 ต้นที่มีปัญหามากที่สุด แต่ยังไม่ทันวางถึงหัวเสาเลย เหตุการณ์อันเลวร้ายอย่างไม่มีใครคาดฝันก็ได้เกิดขึ้น เครนได้พังถล่มหักออกเป็น 3 ท่อน คานยกแท่นปูนและ Sling ได้เหวี่ยงฟาดตัดร่างวิศวกรคุมงานชาวญี่ปุ่นวัย 45 ปี ขาดออกเป็น 2 ท่อนตายทันที และเครนที่หักตกลงกลางสายน้ำนั้นได้ตกลงกระแทกทับวิศวกรบนเรือ 3 คน จมดิ่งสาบสูญไปในลำน้ำทันที ซึ่งตามข่าวได้รายงานว่า
 
    จากเหตุการณ์ครั้งนี้มีคนจมลงไปในน้ำแล้วหาศพไม่พบรวมทั้งหมด 8 คน เป็นวิศวกรใหญ่ชาวญี่ปุ่น 3 คนที่นั่งเรือออกมาดูงานดังกล่าว เป็นชาวฟิลิปปินส์ 1 คน และคนงานไทยอีก 4 คน นอกนั้นบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลอีก 7 คน ซึ่งเรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวดังหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับในช่วงวันเข้าพรรษา 22-23 กรกฎาคม พ.ศ.2548 ซึ่งหลังจากนั้นบริษัทผู้รับเหมาทุกบริษัทที่เข้ารับงานสร้างสะพาน พากันหยุดงานเพื่อทำบุญ  แต่ไม่นานต่อมาในวันที่ 19 สิงหาคม 2548 เวลาประมาณบ่าย4-5 โมงเย็น ได้มีการบวชกันแบบเงียบๆ โดยคนงาน 8-9 คน พากันบวชแก้บนกัน 7 วัน
   
    จากเหตุการณ์อาถรรพ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มมีการสร้างสะพานแห่งนี้นั้น ได้สังเวยชีวิตของคนงานที่นี่ไปทั้งหมด 17 ชีวิตแล้ว จึงทำให้คนงานที่เป็นคนไทยอีสานและคนงานลาว พาหยุดงานไม่ยอมสร้างสะพานต่อกันเลยเพราะกลัวตาย  แต่ก็เหลือคนงานชาวต่างชาติและคนที่ไม่เชื่อยังทำการก่อสร้าง ทำให้การก่อสร้างยังพอขับเคลื่อนไปได้ แต่ถึงกระนั้นเสาเข็มต้นที่ 11 นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้  ไม่มีใครไปแตะต้อง หรือทำการสร้างต่อเลย ได้แต่ดำเนินการสร้างส่วนอื่นไปก่อน และข่าวนี้ได้ทำให้ชาวบ้านบางกลุ่ม ได้ไปหาเจ้าหน้าที่อากรจังหวัด ซึ่งท่านก็ได้ไปหาร่างทรง ร่างทรงบอกว่าให้ตั้งศาลพญานาคใกล้บริเวณที่ก่อสร้าง เพื่อจะได้อัญเชิญพญานาคขึ้นมา แล้วจะได้ทำการสร้างสะพานต่อได้ แล้วร่างทรงยังบอกต่ออีกว่า พญานาคท่านจะให้ พระสุก ขึ้นมาด้วย พระสุก ที่เป็นพระพุทธรูปประจำตัวของธิดาพญานาคที่เก็บรักษาไว้ใต้บาดาล ซึ่งเรื่องราวนี้ได้มาประจวบเหมาะกับการที่ชาวประมงคนหนึ่งในย่านนั้น ได้ออกเรือหาปลา แล้วลากที่ดักปลาขึ้นมาเจอพระพุทธรูปทองสำริด ขนาดหน้าตัก 35 เซนติเมตร  สูง 70 เซนติเมตร เป็นศิลปะแบบเวียงจันทน์ ซึ่งต่างสันนิฐานว่าคือ พระสุก และขณะนี้ก็กำลังทำการพิสูจน์อยู่ว่าจริงหรือไม่ครับ
   
    จากนั้นข่าวการที่จะสร้างศาลพญานาคนี้ได้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ก็มีชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างศาลนี้  เพราะไม่รู้ว่าพญานาคจะพอใจหรือไม่ ซึ่งหากพญานาคไม่พอใจพวกเขาอาจจะต้องมีอันเป็นไป จึงคิดต่อต้านการสร้างศาลแห่งนี้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆต่อครับ
 
ขอเรียนถามคำถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อดังนี้ครับ
 
1. ทำไมแม่ของคนขับรถ ถึงเห็นเรือลำดังกล่าว และเรือเป็นของใคร ทำไมจึงขยายใหญ่ได้ครับ หากเขาไม่ยอมให้เรือทำไมไม่ทำให้กลัวตั้งแต่แรก แต่กลับล่อให้ออกไปเอาก่อน แล้วทำไมคนในเรือถึงไม่ถูกทำอันตรายครับ
 
2. สิ่งมีชีวิตที่ว่ายทวนน้ำ ที่คนขับรถเห็นคืออะไร ทำไมเขาถึงปรากฏตัวให้เห็น และทำไมถึงหายไปครับ
 
3. บุพกรรมใดที่ทำให้คนงานก่อสร้างผูกคอตาย และตายเพราะสาเหตุอะไร ทำไมต้องเกิดการตายที่ Office ใหม่ด้วยมีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่     ตายแล้วไปไหน    ยังอยู่ที่ Office หรือไม่
 
4. ทำไม4-5 เดือนต่อมา คนงานตกนั่งร้านตาย และไม่นานต่อมา คนงานที่ไปสร้างเสากลางน้ำ ที่ก้มลงไปตักน้ำล้างหน้าก็ตายอีก ทำไมต้องมาตายในสถานที่ก่อสร้างนี้ด้วย  ตายแล้วไปไหน  ยังวนเวียนอยู่ในที่ก่อสร้างหรือไม่, โดยปกติคนเราเวลาจะตายนั้น วิบากกรรมจะกำหนดเวลาและสถานที่ตายไว้ล่วงหน้าแล้วหรือเปล่า เพราะทราบมาว่าผู้มีญาณทัสนะจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
 
5. เสาต้นที่ 11 ทำไมถึงใช้สว่านเจาะไม่ลง และต้องใช้ปูนจำนวนมากเทลงไปถึงจะเต็ม สิ่งที่นักดำน้ำเห็นคืออะไร หากเป็นพญานาคจริง เขาต้องการอะไร  เขาเห็นด้วยกับการสร้างสะพานมิตรภาพไทยลาวหรือไม่ เขาอยากให้ทำอย่างไร และทำไมนักดำน้ำถึงไม่ถูกทำร้ายครับ
 
6. พญานาคได้มาเข้าฝันยามจริงหรือไม่ และทำไมถึงต้องเลือกเข้าฝันยาม ทำไมไม่ไปเข้าฝันผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจหยุดงานเอง และทำไมถึงเลือกการติดต่อกับมนุษย์ด้วยวิธีการเข้าฝัน ทำไมถึงไม่ปรากฏตัวให้เห็นไปเลยครับ
 
7. ในวันเข้าพรรษาที่วิศวกรและคนงานตายเป็นจำนวนมากนั้นแต่ละคนมีวิบากกรรมอะไร  ตายแล้วไปไหน พญานาคมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่และทำไมถึงต้องทำเช่นนั้น หากพญานาคทำจะได้รับวิบากหรือไม่อย่างไร
 
8. พญานาคกลุ่มนี้ เคยเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์หรือไม่ หากเห็นเขาคิดอย่างไร พญานาคมีการอธิษฐานพรรษากันอย่างไร เหมือนมนุษย์ไหม และหากพญานาคอธิษฐานพรรษาจริง ออกพรรษาปีนี้พญานาคบริเวณนั้นจะขึ้นมาพ่นบั้งไฟหรือไม่ ในขณะที่พญานาคพ่นบั้งไฟ พญานาคส่วนใหญ่เขาอยากให้มนุษย์เห็นเขาหรือไม่ อย่างไร
 
9. คนงาน 8-9 คนที่บวชบนอะไรไว้ ผลจากการบวชแก้บนช่วยให้เหตุการณ์ร้ายๆ สงบลงได้ไหม พญานาคได้บุญหรือคิดอย่างไรบ้าง
 
10. ทำไมคนทรงถึงบอกให้ตั้งศาลพญานาค การสร้างศาลพญานาคนั้นจะทำให้การสร้างสะพานง่ายขึ้นหรือไม่  พระสุกที่ชาวประมงเจอเป็นของจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงเป็นพระมาจากไหน แต่ถ้าจริงทำไมธิดาพญานาคถึงยอมมอบพระให้ครับ
 
11. จะมีวิธีช่วยอย่างไรให้การสร้างสะพานนี้สำเร็จได้อย่างสะดวกราบรื่น และต้องทำอย่างไรกับเสาต้นที่ 11 ดีครับ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าแตะต้องเสาต้นนี้เลยครับ
 
12. กระผมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร มีบุญบวชตลอดชีวิตหรือไม่ เคยเข้าถึงธรรมกายไหมครับ และบุญใดทำให้ผมเป็นเจ้าอาวาสครับ
 
กราบนมัสการ คุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเครพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. แม่ของคนขับรถในสมัยท่านสาว ๆ ได้มองเห็น “เรือพาย” ลำเล็ก ๆ ลอยอยู่ไม่ห่างริมฝั่งเท่าไหร่นัก,  จึงได้ชวนญาติพายเรือออกไปเอาเพื่อจะเอามาใช้งาน     แต่พอพายเข้าไปใกล้ ๆ เหลืออีกเพียง  10  เมตรจะถึงตัวเรือ     ปรากฏว่าเรือลำนั้น “ขยายสูงใหญ่ขึ้น” มากมาย   จึงตกใจรีบพายเรือหนีไป   
 
 
  • เพราะ ... “อุปทาน” เนื่องจากเป็นตอนกลางคืน   จึงทำให้เห็นไม่ชัด     จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรแต่ก็กลัวกันไปเอง     อีกทั้งน้ำก็เชี่ยวและมีความฝังใจในเรื่องราวลี้ลับที่เคยได้ยินเรื่องเหล่านี้จ่ะ !   ... เพราะ   ถ้ามีจริง  ก็คงจะทำให้กลัวตั้งแต่แรก   ไม่ต้องล่อให้ออกไปก่อน จ่ะ!
 
 
2. สิ่งที่ “ว่ายทวนน้ำ” ที่คนขับรถเห็น คือ ... ปลาชนิดหนึ่งที่ตัวใหญ่   แต่ไม่ใช่พญานาคจ่ะ!   ... มันก็ว่ายไปทำมาหากินตามเรื่องตามราวของมัน ยังไม่ใช่พญานาคอย่างที่เข้าใจจ่ะ !

 

3. คนงานก่อสร้าง “ผูกคอตาย”    เพราะ ... มีความผิดปกติทางจิต     ด้วยวิบากกรรมสุรากับปาณาติบาตในอดีต คือ ชาติในอดีตได้เกิดปมปัญหาชีวิต     แล้วก็เลยดื่มสุราและฆ่าตัวตาย จ่ะ! วิบากกรรมดังกล่าวมาส่งผล   ไม่มีอะไรอยู่เบื้องหลัง จ่ะ !

 
  • ตายแล้วก็ไปเป็นสัมภเวสีร่อนเร่อยู่ทั่ว ๆ ไป   ไปเรื่อย ๆ คล้ายคนขาดสติ     ไม่ได้อยู่ที่ Office จ่ะ!
 
 
4. 4 - 5  เดือนต่อมา  คนงาน “ตกนั่งร้านตาย”     ต่อมาคนงาน “ไปสร้างเสากลางน้ำ” ก็ตาย   เพราะ ... กรรมส่วนตัวที่เคยทำปาณาติบาตในอดีตและปัจจุบัน     ที่ฆ่าสัตว์ทำอาหารเป็นอาจิณของคน ๆ นั้นมาส่งผลจ่ะ!    ... กรรมบีบคั้นส่งผลตอนไหน         ก็ตายตอนนั้นและตรงนั้น จ่ะ !

 
  • ตายแล้ว   ก็ยังวนเวียนอยู่แถว ๆ บริเวณก่อสร้างจ่ะ!  คนเราเวลาจะตายบางอย่างก็บอกได้  ,  บางอย่างก็บอกไม่ได้ , พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า   ความตายไม่มีนิมิตหมาย   ว่าจะตายที่ไหน  ,  อย่างไร  ,  เมื่อใด   เป็นต้น จ่ะ!
 
 
5. “เสาต้นที่ 11”   ใช้สว่านเจาะไม่ลง   ต้องใช้ปูนจำนวนมากเทลงไปถึงจะเต็ม   เพราะ ... ไปเจอชั้นหินแข็งพอดี  ,  อีกทั้งลึกกว่าจุดอื่น จ่ะ!

 
  • สิ่งที่นัก “ดำน้ำ” เห็นนั้น  ก็คือ  เรื่องเล่าลือเป็นตุเป็นตะ   อย่าเอามาเป็นอารมณ์เลย จ่ะ!
 
 
6. ความฝันของยามเกี่ยวกับ “พญานาค” นั้น   ก็เป็นตุเป็นตะ เนื่องจากเป็นวันหยุด   ซึ่งงานก็เร่ง   แต่ยามอยากหยุดจึงพูดเป็นเรื่องเป็นราว จ่ะ!   ... ลืม ๆ มันไปเสียเถิด   อย่าเอามาเป็นเรื่อง   เป็นราวเลย !
 
 
7. ในวันเข้าพรรษา   วิศวกรและคนงานตายจำนวนมากมาย เพราะ  ...วิบากกรรมส่วนตัวของแต่ละคน     ไม่เกี่ยวกับพญานาค , เกี่ยวกับอุบัติเหตุในปัจจุบัน     และกรรมส่วนตัวของแต่ละคนดังกล่าว จ่ะ!

 
  • ตายแล้ว   บางส่วนก็ยังวนเวียน  ,  บางส่วนก็ไป “ยมโลก”     ตามวิบากกรรมของแต่ละคน จ่ะ!  เช่น  มีวิบากกรรมฆ่าสัตว์  ,   บางคนก็มีวิบากกรรมฆ่าคนในอดีต     บางคนก็มีวิบากกรรมสุรา เป็นต้น จ่ะ!
 
 
8. แถวนั้นก็มีพญานาคเหมือนกัน   แต่ไม่มาก  ,  พญานาคกลุ่มนี้ไม่ได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์    เพราะเกิดไม่ทัน     แต่รู้วันสำคัญเกี่ยวกับการเข้าพรรษา     และไม่เคยไปแกล้งพวกคนงานหรือใครแถวบริเวณก่อสร้างเลย จ่ะ!

 
  • พญานาคโดยปกติ   จะเข้ามาประชุมกันตามเขตของการปกครองเพื่อฟังโอวาท     และจะมีส่วนหนึ่งที่จะขอลาไป “จำศีล” ในพรรษา เพราะในสมัยเป็นมนุษย์   ก็เคยมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา กับเคยได้ยินเรื่องราวการเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า    จากพญานาคที่เคยได้เห็นแล้วก็เล่าต่อ ๆ กันมาเหมือนมนุษย์เรานี่แหละ จ่ะ!    
 
 
  • แถวนั้นก็จะมีพญานาคอยู่จำศีล          ในพรรษาบ้าง   แต่ไม่มาก  ,  เมื่อออกพรรษาก็จะมาพ่นบั้งไฟบ้างแต่ไม่มาก จ่ะ!   ... ในขณะที่พญานาคพ่นบั้งไฟ   ก็ไม่มีความปรารถนาจะให้มนุษย์เห็น     ยกเว้นมีความจำเป็นหรือโอกาสพิเศษเท่านั้น  ,  อีกประการหนึ่งในขณะที่พ่นบั้งไฟ   ใจก็มีแต่การระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าเท่านั้น จ่ะ!
 
 
9. คนงาน  8 – 9 คน ที่บวชแก้บนให้กับคนที่ตาย     และเพื่อจะได้รอดปลอดภัยจากอันตรายจากการก่อสร้าง     แล้วอุทิศให้พญานาคตามความเชื่อของตน    เพราะ  ...กลัวพญานาคจะมาเบียดเบียนตนไปตามความคิดคำนึงของตน     แต่ความเป็นจริงพญานาคก็ไม่ได้คิดที่จะมาเบียดเบียนมนุษย์หรอก จ่ะ!

 
10. คนทรงบอกให้ตั้งศาลพญานาค     ก็เป็นความเชื่อส่วนตัวที่ชอบเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว     เป็นความเชื่อพื้นบ้านตาม ๆ กันมา จ่ะ! พระพุทธรูปที่ขึ้นมานั้น   ไม่ใช่ “พระสุก” จ่ะ!  ... เป็นเพียงพระพุทธรูปที่จมน้ำธรรมดาเท่านั้นจ่ะ !
 
 
11. สะพานเดี๋ยวก็สร้างเสร็จ จ่ะ!     อย่าไปกังวล  ให้หันมาสนใจสร้างบุญดีกว่า จ่ะ!
 
 
12. ลูกก็มีบุญบวชตลอดชีวิตได้     เพราะเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาเป็นฝ่าย “เผยแผ่” มาตลอด, ที่ได้เป็นเจ้าอาวาส   เพราะมีบุญเป็นผู้นำบุญชักชวนคนทำความดี จ่ะ!   
 
 
  • ผลการปฏิบัติธรรมที่ผ่านมาก็เคยเข้าถึงพระธรรมกาย     ชาตินี้ก็ให้ตั้งใจทำความเพียรให้ถูกหลักวิชชา   ก็จะเข้าถึงได้อีกและดีกว่าเดิม จ่ะ!
 
  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญแล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์อย่าได้พลัดกันเลย จ่ะ!
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม