มงคลที่ ๑๑ บำรุงบิดามารดา - แทนคุณอันสุดซึ้ง ต้องให้เข้าถึงธรรม


[ 27 ต.ค. 2550 ] - [ 18287 ] LINE it!


 
มงคลที่ ๑๑

บำรุงบิดามารดา - แทนคุณอันสุดซึ้ง ต้องให้เข้าถึงธรรม 

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ ง่าย แก่ท่านทั้งสอง ทั้งสองท่านคือ มารดาบิดา ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าอีกข้างหนึ่ง เขามีชีวิตอยู่ตลอด   ๑๐๐ ปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสอง ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำและการดัด และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ

        ชีวิตในวันหนึ่งๆ ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนสายน้ำที่ไหลผ่านเลยไปไม่ย้อนกลับ ทุกลมหายใจเข้าออกที่สูญเสียไป ประเดี๋ยววันประเดี๋ยวคืน นั่นคือวันเวลาของชีวิตของคนเราที่ผ่านไป เรากำลังเข้าใกล้ความเสื่อมความชราไปทุกขณะจิต ช่วงเวลาของชีวิตนี้สั้นนัก เราทั้งหลายจึงไม่ควรเป็นผู้ประมาท พึงเร่งทำความเพียร หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมทุกๆ วัน เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์ มีจิตใจแน่วแน่ ที่จะมุ่งแสวงหาทางหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งมวล เพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางของชีวิต และมีใจมุ่งตรงต่อหนทางของพระนิพพาน เช่นเดียวกับพระอริยเจ้าทั้งหลาย

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอุปมาไว้ใน อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต ว่า

        "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทน  ไม่ได้ง่ายแก่ท่านทั้งสอง ทั้งสองท่านคือ มารดาบิดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าอีกข้างหนึ่ง เขามีชีวิตอยู่ตลอด ๑๐๐ ปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้งสอง ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำและการดัด และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ

        ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงสถาปนาบิดามารดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ในแผ่นดินใหญ่อันมีรัตนะ ๗ ประการ การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้น เพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดา มีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้ แก่บุตรทั้งหลาย

        ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทาน ตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า อันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา"

        นักปราชญ์ได้กล่าวถึงพระคุณของพ่อแม่ว่า มีมากเกินกว่าที่จะพรรณนาให้หมดสิ้นได้ และเป็นการยากที่จะทดแทนพระคุณของท่านได้หมด เพราะนอกจากจะกตัญญูรู้คุณ และตอบแทนพระคุณแล้ว เรายังต้องประกาศคุณความดีของท่าน ด้วยการทำตนให้เป็นคนดี หมั่นประพฤติปฏิบัติธรรม ให้กาย วาจา ใจ สะอาดบริสุทธิ์ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา ปรารถนาดีกับทุกๆ คน ไม่เบียดเบียนรังแกใคร ความดีของเรานี่แหละ จะเป็นเครื่องประกาศคุณบุพการีท่านทั้งสองให้ชาวโลกได้รับรู้ และกล่าวสรรเสริญว่า การที่เราเป็นคนดีที่โลกต้องการอย่างนี้ได้ เพราะท่านอบรมพร่ำสอนมาดีนั่นเอง การจะทำตนเช่นนี้ได้ ต้องหมั่นฝึกตนเองให้สมบูรณ์พร้อมทั้งกาย วาจา ใจ จนเป็นที่ยอมรับนับถือของคนรอบข้าง

        เมื่อพ่อแม่ได้ยินแต่เรื่องคุณงามความดีของลูก ก็ปลื้มปีติและภาคภูมิใจ เพราะรู้สึกตนเองเป็นผู้มีส่วนอย่างสำคัญ ในการอบรมบ่มเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก และทำให้ตนเกิดแรงบันดาลใจอยากละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใสตามลูกไปด้วย  ครั้นลูกแนะนำให้พ่อแม่เป็นผู้มีศรัทธายินดีในการให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา ท่านก็จะประพฤติตามด้วยความเต็มใจ และถ้าท่านทั้งสอง สามารถประพฤติธรรม จนเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในได้ เราก็จะได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่สามารถทดแทนพระคุณของพ่อแม่ได้อย่างแท้จริง

       มีตัวอย่างของผู้ที่สามารถทำตามหลักพุทธวจนะ ที่ได้ยกขึ้นมากล่าวข้างต้น เพื่อเป็นทิฏฐานุคติ ให้เราเอาเป็นแบบอย่างของความเป็นลูกยอดกตัญญูอย่างแท้จริง บุคคลท่านนี้ คือ พระสารีบุตรเถระ อัครสาวกเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเลือกที่จะตอบแทนพระคุณของโยมแม่ ด้วยการให้ธรรมะเป็นทาน ทำให้โยมแม่ได้มีที่พึ่งอันประเสริฐ เข้าถึงความเป็นอริยะที่เป็นเหตุให้ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

        *เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร พระสารีบุตรตรวจดูอายุสังขารของตนเอง รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเพียง ๗ วัน จึงนึกถึงโยมแม่ว่า โยมแม่มีลูกเป็นพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ แต่ท่านเองยังคงนับถือพรหมเป็นสรณะอยู่ ยังไม่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยเลย

        ด้วยความตั้งใจที่จะตอบแทนพระคุณโยมแม่ ให้ได้ที่พึ่งที่แท้จริง หลังจากที่ปลงอายุสังขารแล้ว จึงได้กราบทูลลาปรินิพพานกับพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อพระพุทธองค์ทรงอนุญาต แล้ว พระสารีบุตรเถระก็ได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิด พอโยมแม่ ของท่านเห็นพระลูกชายกลับบ้าน ก็ดีใจคิดว่า พระลูกชายคงอยากลาสิกขา กลับมาเป็นฆราวาสในวัยชรา จึงจัดเตรียมห้องพัก ซึ่งเป็นห้องที่พระเถระเกิดให้

        ในคืนนั้น พระสารีบุตรเถระอาพาธหนัก ถ่ายเป็นเลือด เกิดทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า จอมเทพในสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้น และท้าวมหาพรหม ได้มาเยี่ยมตามลำดับ  โดยตั้งใจจะเอาบุญอุปัฏฐาก ดูแลพระเถระเป็นครั้งสุดท้าย แต่พระสารีบุตรให้เทวดาทั้งหมดกลับไป โยมแม่ของท่านเห็นเหตุการณ์อันน่าอัศจรรย์ อย่างที่ ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน หลังจากเทวดากลับไปหมดแล้ว จึงเข้าไปหาพระลูกชาย ถามว่า "เมื่อครู่นี้ใครมาเยี่ยมท่าน"
 
        พระสารีบุตรตอบว่า "ท้าวจาตุมหาราชและท้าวสักกะ"
 
        โยมแม่รู้สึกอัศจรรย์ใจว่า พระลูกชายมีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ จึงถามต่อไปว่า "แล้วหลังจากที่ท้าวสักกะไปแล้ว ใครมาเยี่ยมท่านอีก ดูเหมือนว่าทั่วบริเวณบ้านจะสว่างไสวไปหมด" 
 
        พระเถระตอบว่า "นั่นคือ ท้าวมหาพรหม ผู้ที่โยมแม่นับถือไงล่ะ"

        โยมแม่ฟังแล้วรู้สึกอัศจรรย์ใจ ถามว่า "ลูกเป็นใหญ่กว่าท้าวมหาพรหม ผู้เป็นพระเจ้าของโยมด้วยหรือ"
 
        พระสารีบุตรตอบว่า "ใช่โยมแม่ มหาพรหมทั้งสี่เหล่านั้น ยังต้องเอาข่ายทอง มารองรับพระผู้มีพระภาคเจ้า ในวันที่พระองค์ประสูติ"
 
        เมื่อได้ฟังดังนั้น นางคิดได้ว่า "แค่ลูกเรายังมีอานุภาพมากขนาดนี้ แล้วพระศาสดาของลูกเรา จะมีอานุภาพขนาดไหนหนอ"
 
        ในขณะนั้นเองมหาปีติได้บังเกิดขึ้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย พระเถระจึงพูดว่า "โยมแม่ ในขณะที่พระบรมศาสดาประสูติ เสด็จออกผนวช และในเวลาที่ตรัสรู้ รวมทั้งในขณะที่พระองค์ทรงประกาศธรรมจักร หมื่นโลกธาตุหวั่นไหวแล้ว ทั่วทั้งสากลโลกรวมทั้งเทวโลกและพรหมโลก ไม่มีใครสักคนที่จะมีศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ เท่ากับพระพุทธองค์"

        จากนั้นพระเถระแสดงพระธรรมเทศนา เรื่องพระคุณของพระพุทธเจ้า โยมแม่ปล่อยใจตามกระแสเสียงของพระเถระ สามารถทำใจหยุดนิ่ง จนกระทั่งได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ส่วนพระเถระปรินิพพานในเวลาใกล้รุ่งของวันนั้นเอง
 
        จะเห็นได้ว่า พระสารีบุตรท่านเลือกที่จะตอบแทนพระคุณของโยมแม่ ผู้ให้กำเนิดกายเนื้อแก่ท่าน ด้วยการให้กำเนิดกายธรรมแก่โยมแม่ เป็นการปิดประตูอบายภูมิอย่างถาวร และมีความเที่ยงตรงต่อหนทางพระนิพพาน อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต พวกเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าอยากตอบแทนคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านทั้งสอง ต้องพยายามชักชวนแนะนำให้ท่านได้ทำทาน รักษาศีล และหมั่นเจริญสมาธิภาวนา ให้ท่านได้ทำใจหยุดนิ่งในเส้นทางสายกลาง จนกระทั่งได้เข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ เพราะการตอบแทนพระคุณของท่านทั้งสอง จะสิ้นสุดต่อเมื่อลูกแนะนำให้ท่านหลุดพ้นจากสังสารวัฏไปสู่ฝั่งนิพพานได้สำเร็จ
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
*มก. จุนทสูตร เล่ม ๓๐ หน้า ๔๒๓


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๑ ( ปฐมเหตุ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๒ ( พระนางผุสดีขอพร ๑๐ ประการ )

เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )เวสสันดรชาดก ตอนที่ ๓ ( กำเนิดพระเวสสันดร )



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน