กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงครับ

 

        กระผมชื่อ วาสนา ทวนทอง อายุ 59-ปี อาชีพชาวนา หลังสู้ฟ้าก้มหน้าสู้ดิน ปลูกข้าวทำมาหากิน เลี้ยงคนทุกถิ่นทั่วทั้งแผ่นดินไทย อยู่แถวๆจังหวัดสุพรรณบุรีครับ ก่อนหน้านั้นกระผมทำธุรกิจให้เช่ารถสิบล้อครับ โดยไปดาวน์รถมาก่อน แล้วเอารายได้จากการปล่อยให้เช่ามาผ่อนรถ แต่พอปล่อยเช่าไปเช่ามา ธุรกิจก็ดีลงดีลงทุกวัน ไม่มีใครยอมมาเช่ารถของกระผมเลยครับ ทำให้ทุนหายกำไรหด ขาดทุนหมดจด แบบไม่เหลือชิ้นดีเลยครับ อยู่ดีๆมีหนี้มหาศาลเกิดขึ้นทันทีกว่าสามแสนบาท หนำซ้ำร่างกายก็ดันมาป่วยทรุดหนัก เป็นมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่อีก ตอนนั้นที่ดินทำนา ข้าวของทุกอย่างที่เคยมี ก็ต้องเอามาขายเพื่อใช้หนี้ เหลือไว้บ้างนิดหน่อย ให้พอได้ทำนาเลี้ยงดูครอบครัวครับ กระผมจึงทุกข์มากกับปัญหาที่รุมเร้ารอบด้าน

 

 

 

        จนวันหนึ่ง กระผมได้เจอผู้นำบุญท่านหนึ่ง ก็เลยเดินไปคุยและเล่าปัญหาต่างๆที่เจอให้ฟัง พอเขาฟังจบก็พูดกลับมาทันทีว่า “นี่คุณ รู้ไหม...ที่คุณเจอปัญหามากมายขนาดนี้เป็นเพราะว่าคุณหมดบุญ”-พอฟังก็จี๊ดขึ้นมาในใจเลยครับ กับคำว่า หมดบุญ มันสะกิดและแทงขึ้นมาถึงขั้วหัวใจ กระผมคิดว่า เออ...มันก็จริงนะ เพราะเราเคยมีสมบัติทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับเอามาขายใช้หนี้จนหมดเกลี้ยง และผู้นำบุญก็ได้พากระผมไปที่วัดพระธรรมกาย พอกระผมไปถึงวัดได้เห็นมหาธรรมกายเจดีย์ ก็เกิดความศรัทธาขึ้นมาอย่างนับอย่างประมาณไม่ได้ รู้สึกอยากสร้างองค์พระให้กับตัวเองและครอบครัวขึ้นมาอย่างจับใจ แต่กระผมยังไม่มีเงินครับ

 

        หลังจากกลับมาจากวัดแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะสร้างองค์พระก็ยังอยู่ในใจกระผมตลอดเวลา กระผมตั้งหน้าตั้งตาทำนาอย่างสุดชีวิต เงินที่ได้มาก็กินก็ใช้อย่างประหยัด เก็บหอมรอมริบมาเรื่อยๆจนได้เงินครบจำนวน กระผมก็รีบนำเอาไปสร้างองค์พระถึงสี่องค์ ให้กับตัวเอง ภรรยาและลูกทั้งสองคนทันทีเลยครับ ซึ่งมันแปลกมากครับ หลังจากทำบุญไปแล้ว รู้สึกว่าอะไรๆในชีวิตมันก็ดีขึ้น ทำไร่ทำนาก็มีกำไรมากขึ้น มีเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆ จนสามารถผ่อนใช้หนี้สามแสนบาทจนหมดจดอย่างรวดเร็ว และไม่ว่าจะทำอะไรก็จะมีคนมาคอยอุปถัมภ์ คอยช่วยเหลือเป็นอย่างดี แม้แต่อาการป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ของกระผม ก็ไม่รู้สึกทรมานเลยสักนิด ทั้งๆที่มะเร็งลุกลามจู่โจมทำลายอวัยวะต่างๆ จากลำไส้ใหญ่ลามไปถึงตับ แค่นั้นยังไม่พอ ยังทะลุทะลวงทำลายไปถึงปอด และลุกลามบุกทำลายไปถึงที่ต่อมน้ำเหลือง จนคุณหมอที่โรงพยาบาลสุพรรณบุรี ต่างพร้อมใจกันส่ายหัว แล้วถามกระผมว่า จะให้ส่งตัวไปที่ไหน กระผมก็เลยขอไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชครับ

 

        ก่อนไป กระผมก็ได้ทำตามหลักวิชชา คือ นึกถึงบุญสร้างองค์พระและอธิษฐานจิตตลอดเวลาว่า ขอให้บุญนี้ ช่วยให้กระผมได้เจอหมอดีที่รักษาได้ตรงกับโรค ที่สามารถรักษากระผมได้ ขอให้กระผมได้อยู่สร้างบารมีไปนานๆ พอกระผมมาถึงโรงพยาบาลศิริราช คุณหมอเห็นอาการของกระผมแล้วก็ต่างส่ายหน้าเช่นกัน คุณหมอต่างบอกกับญาติๆไว้ว่า ให้เตรียมทำใจไว้เลย อาการอย่างนี้คงอยู่ได้ไม่ถึงสองเดือน

 

        ในช่วงวินาทีนั้น กระผมก็รู้สึกคิดถึงพ่อกับแม่ขึ้นมา และคิดได้ว่าเรายังไม่ได้สร้างพระให้พ่อกับแม่เลย เดี๋ยวเกิดเราตายไปตอนนี้ ก็ไม่ได้สร้างพระให้ท่านกันพอดี ไม่ว่าจะอย่างไร...ก่อนตายชาตินี้ ขอสร้างพระให้ท่านก่อนก็แล้วกัน ก็เลยตัดสินใจบอกภรรยาให้เอาเงินที่จะเก็บไว้รักษาตัวเอง ให้เอาไปสร้างพระให้พ่อกับแม่ก่อนสี่องค์ คือ ให้พ่อ-แม่ของกระผมเอง และพ่อ-แม่ของภรรยากระผมในวันนั้นทันทีเลยครับ พอสร้างเสร็จ กระผมรู้สึกปลื้มและปีติในบุญมากๆ มันรู้สึกหมดห่วงหมดกังวล สบายใจอย่างบอกไม่ถูก คิดว่าถ้าหากตายตอนนี้ก็คงจะนอนตายตาหลับแล้วครับ

 

        แต่ทันใดนั้น คุณหมอก็ได้มาถามกระผมว่า “คุณวาสนาครับ คุณจะลองเข้าโครงการทดลองใช้ยารักษาโรคมะเร็งไหม เป็นยาจากต่างประเทศ ตอนนี้เขากำลังต้องการหาผู้ป่วยอาการแบบนี้มาทดลองรักษาอยู่พอดีเลย”-กระผมก็ตอบไปทันทีเลยว่า “เข้าครับ หมอว่าอย่างไรผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะครับ แต่....ผมไม่มีเงินรักษานะ”-หมอก็มองหน้ากระผมแล้วพูดกับกระผมว่า “ไม่เป็นไรครับ งานนี้เขารักษาให้ฟรี”-กระผมรู้สึกทึ่ง และอัศจรรย์มากๆครับ

 

        แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากสร้างพระธรรมกายให้พ่อกับแม่แล้ว อาการป่วยของกระผมมันก็ดีขึ้นอย่างมาก ยาที่โครงการของโรงพยาบาลเอามาทดลองกับกระผม สามารถเข้ากับร่างกายกระผมได้เป็นอย่างดีอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดแค่ลองยาครั้งแรก มะเร็งที่เป็นอยู่ยุบลงไปถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ อาการต่างๆก็ค่อยๆดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ผู้ป่วยที่เข้าทดลองรักษามะเร็งตัวเดียวกับกระผมอีกแปดคน กลับมีอาการทรุดหนัก ทยอยตายกันไปเรื่อยๆจนหมด กระผมรักษาตัวพร้อมกับคุณยอดรัก สลักใจ นักร้องชื่อดัง แต่เขาก็จากกระผมไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2551-ตอนนี้เหลือแค่กระผมคนเดียวที่รอดชีวิต จนคุณหมอและพยาบาลที่รักษาถึงกับเอ่ยปากบอกว่า “ลุงนี่ยอดจริงๆ เป็นผู้ป่วยที่น่าอัศจรรย์มากๆ คนอื่นๆทยอยตายกันไปหมดแล้ว แต่ลุงกลับรอดมาได้ แถมอาการของลุงก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมากๆ”

 

        หลวงพ่อครับ หลวงพ่อทราบไหมครับว่ายาที่เขาเอารักษาให้กระผมนั้นราคาเท่าไร การรักษาครั้งหนึ่งค่ายาเบาะๆก็ 275,400-บาท กระผมรักษาไปทั้งหมด 15-ครั้ง รวมๆแล้วก็ 4,131,000-บาทครับ แต่กระผมกลับได้เข้ารักษาฟรีๆ ไม่เสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว แถมเขายังออกค่าเดินทางและค่าอาหารในการมารักษาที่โรงพยาบาลให้กระผมอีก ครั้งละ 2,000-บาท รวมเป็นเงินถึง 82,000-บาท น่าทึ่งไหมล่ะครับ ใครจะไปเชื่อว่าทั้งหมดนี้ มันคือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะมันเกิดขึ้นจริงๆกับกระผม กระผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า บุญจากการสร้างองค์พระจะมีอานุภาพแรงได้ถึงขนาดนี้ กระผมพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า “ที่กระผมอยู่รอดมาทุกวันนี้ได้นานถึง 41-เดือนหรือสามปีกว่าๆแล้ว ทั้งๆที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและลามไปในอวัยวะที่สำคัญทุกส่วนของร่างกาย เป็นเพราะบุญจากการสร้างองค์พระล้วนๆเลยครับ กระผมอยากจะบอกว่า บุญนี้แรงจริง รักษาโรคได้จริงครับ

 

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

 

กัลฯวาสนา ทวนทอง