จากยาจกหน้าสลัม สู่มหาเศรษฐีเงินล้าน

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ

 

        ลูก...กัลฯสมพร สามีของลูกชื่อ กัลฯสมเกียรติ เกาเล็ก ปัจจุบันเราเป็นเจ้าของบริษัท เค.พี.ธรรมสำเร็จ จำกัด และ บริษัทผ้างาม จำกัด อยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร เป็นธุรกิจตัดเย็บชุดวอร์ม, ชุดกีฬา และเสื้อยืด ภายใต้แบรนด์ที่ชื่อว่า “วิคตอรี่” หลวงพ่อคะ เมื่อก่อนลูกจนมากเลยค่ะ แม้ตอนแต่งงานยังต้องไปกู้เงินมาเช่าที่เล็กๆแถวสลัม ปลูกกระต๊อบเพิงหมาแหงนอยู่ แล้วกระต๊อบที่ว่านั้นก็เป็นหลังคามุงจากเล็กๆแค่สามคูณสี่เมตรเท่านั้น ซ้ำร้ายพอฝนตกก็ต้องตากฝนอยู่ในกระต๊อบค่ะ เพราะหลังคารั่ว จนต้องวิ่งเอาขันไปรองน้ำกันให้วุ่น แถมตอนนั้นลูกยังเป็นแค่เสมียน ส่วนสามีก็เป็นเพียงโฟร์แมนในโรงงานย้อมผ้า ที่ต้องกระเสือกกระสนทำอาชีพเสริม โดยไปซื้อของจากสำเพ็งมาขาย อีกทั้งยังอดหลับอดนอน ไปรับตุ๊กตาตัวเล็กๆจากโรงงานมาประกอบได้ค่าแรงแค่ตัวละ 1 บาท

 

 

 

        แต่แม้ลูกจะจนแสนจนมากแค่ไหน ลูกก็จะทำแบบรวยแสนรวยค่ะ กล่าวคือ ทำบุญทอดกฐินกับวัดพระธรรมกาย ไม่เคยขาดเลย ทำทุกปีแบบทุ่มสุดใจ แม้จะมีเงินหรือไม่มีเงิน ลูกก็ทำแบบเต็มกำลังมาโดยตลอด โดยเริ่มจากสมัยที่ลูกเป็นนักศึกษายังไม่มีรายได้ ลูกก็ทำแบบสุดๆที่ 10-20 บาท หลังแต่งงานแล้วมาอยู่กระต๊อบหน้าสลัม ก็ทุ่มทำบุญสุดใจที่ 100 บาท และด้วยบุญจากการทอดกฐินแบบสุดๆนี้เอง ทำให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น จนสามารถมีเงินทำบุญทอดกฐินเพิ่มขึ้นทุกๆปี จนปัจจุบันสามารถทำได้เป็นเอ็มค่ะ อีกทั้งบุญทอดกฐินยังช่วยกู้วิกฤตชีวิตครั้งสำคัญของลูก กล่าวคือ ในช่วงที่ลูกคิดการใหญ่ ลูกได้ไปกู้เงินมา 10 ล้านบาท เพื่อทำโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งในช่วงเริ่มต้น เราตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเจ๊งสูงมาก เพราะนอกจากจะต้องจ่ายค่าจ้างคนงาน และค่าโน่นค่านี่แล้ว ยังต้องทยอยใช้หนี้ธนาคารถึงเดือนละ 60,000 บาท ซึ่งลูกก็ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ จึงตัดสินใจรวบรวมเงินทั้งหมดที่มีในขณะนั้น ทุ่มทำบุญทอดกฐินปี 49 ไปหนึ่งเอ็มทันที พอใครรู้ เขาก็อึ้ง แต่พวกที่ไม่อึ้ง เขาก็ว่าค่ะ เขาสงสัยว่า “เราบ้าไปแล้ว” เพราะเขาคิดว่าลูกกำลังอยู่ในช่วงก่อร่างสร้างตัว โรงงานก็ยังอยู่ในภาวะลูกผีลูกคน แต่ลูกไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะเราเป็นลูกพระธัมฯ ลูกจึงชิงตัดหน้าเอาเงินไปทำบุญก่อน โดยไม่ยอมสำรองเงินไว้หมุนกันพลาดในโรงงานเลย แต่เพราะลูกอยากจะกันพลาดนี่แหละค่ะ จึงคิดว่า “ในภาวะที่เสี่ยงเช่นนี้ หากมีกำลังบุญไม่มากพอ ก็จะไม่สามารถรองรับสมบัติใหญ่ คือ โรงงาน ให้อยู่กับเราต่อไปได้” อีกทั้งไม่อยากเจ๊ง โดนธนาคารยึดเหมือนหลายๆเจ้าที่ลงทุนทำโรงงานแล้วไปไม่รอด เพราะบุญไม่ถึง

 

        เมื่อลูกทำบุญหนึ่งเอ็มไปไม่นาน ลูกก็พบกับความมหัศจรรย์พันลึก จนหัวใจเต้นรัวระริก กล่าวคือ อยู่ๆลูกก็ได้คำสั่งซื้อ (Order) หนึ่งล้านบาท เข้ามาแบบไม่คาดคิดทันที และนับจากนั้นธุรกิจของลูกก็โตแบบพรวดพราด จนมีเงินทำบุญได้หลายเอ็มเลยค่ะ จนกระทั่งปี พ.ศ.2553 ล่าสุดที่ผ่านมาสดๆร้อนๆ ซึ่งเป็นปีที่พลิกชีวิตธุรกิจที่แรงที่สุด คือ ลูกเกิดความปีติอยากทำบุญทอดกฐินห้าเอ็มซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่พอมาดูแล้ว มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะเพิ่งจะทำบุญอื่นไปจนหมด อีกทั้งการที่จะได้กำไรห้าเอ็ม นั่นหมายถึงในระยะเวลาที่เหลือสั้นๆก่อนถึงวันทอดกฐินแค่สามเดือนนี้ ลูกจะต้องมีคำสั่งซื้อ (Order) เข้ามามากถึงยี่สิบล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ตั้งโรงงานมา ลูกยังไม่เคยทำได้เลย หนำซ้ำภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ อยู่ๆใครจะมาสั่งซื้อเสื้อเป็นแสนตัวเป็นเงินยี่สิบล้านบาท มันเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากที่ลูกอธิษฐานขอพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯอย่างแรงกล้าว่า “อยากจะทำบุญกฐิน...อยากจะทำบุญกฐิน” อยู่ๆก็เกิดโกลาหล กล่าวคือ มีคำสั่งซื้อ (Order) ห้าล้านบาท เข้ามาถึงสี่รายติดๆกัน จนมีเงินให้ลูกไปทอดกฐินได้ห้าเอ็มอย่างอัศจรรย์ค่ะ

 

        หลวงพ่อคะ ลูกพลิกชีวิต เพราะบุญที่ได้ทอดกฐินจริงๆค่ะ เพราะหากมาดูปูมหลังของลูกเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ลูกเป็นเพียงยาจกอยู่กระต๊อบหน้าสลัม ที่มีเงินทำบุญเพียง 10-20 บาท แต่วันนี้กลายเป็นมหาเศรษฐีเงินล้าน ที่เป็นเจ้าของที่ดิน, โรงงาน และบริษัทถึง 2 แห่ง แล้วยังมีเงินทำบุญทอดกฐินเป็นเอ็มทุกปีค่ะ และปีนี้ก็ตั้งเป้าจองเป็นประธานกองอีกเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม คือ ความปีติเบิกบานที่เพิ่มขึ้นแบบสุดๆค่ะ เพราะนอกจากลูกจะได้ทำบุญสร้างอาคารพระผู้ปราบมาร (พระมงคลเทพมุนี) ซึ่งเป็นที่พักสงฆ์แล้ว ลูกยังได้สร้างอาคารคุณยายอาจารย์ ผู้เป็นหนึ่งไม่มีสอง และสร้างเกือบทุกสิ่งด้วยค่ะ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องมาฟังแบบเจาะลึกในวันสัมมนา ซึ่งจะมีขึ้นในวันธรรมชัย 27 สิงหาคม พ.ศ.2554 นี้ค่ะ

 

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

กัลฯสมพร เกาเล็ก