ได้เงินล้านมาทอดกฐินอย่างอัศจรรย์

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ

 

        ลูกชื่อ บุศกร สุวรรณะ หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า “คุณหมอกระดุม” เป็นสัตวแพทย์หญิงในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง ที่จังหวัดนนทบุรีค่ะ ลูกเริ่มเข้าวัดพระธรรมกายเมื่อปี พ.ศ.2543 หลังจากนั้นก็หาโอกาสมาสั่งสมบุญในช่วงงานบุญใหญ่ และทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน แต่หลังจากที่ลูกได้ทราบข่าวว่าจะมีการทอดกฐินในปี พ.ศ.2553 เพื่อสร้างอาคาร 100 ปีคุณยายอาจารย์ ลูกก็เกิดความศรัทธาอยากร่วมบุญเป็นอย่างมาก ลูกจึงได้เอ่ยปากกับหัวหน้างาน คือ คุณหมอสุชาติ วรวงศ์วสุ ซึ่งท่านก็ชอบทำบุญเหมือนกันว่า บุญทอดกฐินเป็นบุญใหญ่มีอานิสงส์มหาศาล แต่เนื่องจากขณะนั้น หัวหน้าของลูกมีปัญหาสุขภาพ กล่าวคือ ร่างกายไม่แข็งแรง, เหนื่อยง่าย ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ และต้องพักรักษาตัวอยู่บ่อยๆ จนทำให้มีปัญหาด้านการเงินตามมา แถมงานในโรงพยาบาลก็มีปัญหายุ่งเหยิง มีเรื่องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน

 

 

 

        แต่เมื่อหัวหน้าของลูกทราบว่า ทางวัดพระธรรมกายจะมีการทอดกฐิน ท่านก็เกิดความต้องการที่จะทำบุญอย่างแรงกล้า แต่ไม่มีกำลังทรัพย์ จึงคิดที่จะขายโรงพยาบาลสัตว์สักหนึ่งแห่ง เพราะท่านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ถึงสองแห่ง อีกทั้งท่านก็ป่วย ไม่มีแรงดูกิจการอย่างทั่วถึงด้วย จึงพูดกับลูกว่า “ถ้าขายโรงพยาบาลได้ก็ดีสินะ จะได้เอาเงินมาทอดกฐินสักหนึ่งเอ็ม ถ้าเธอขายให้ฉันได้ ฉันจะให้เธอหนึ่งล้าน” พอลูกได้ฟังดังนั้น ลูกก็ยังคิดไม่ออกนะคะว่าจะไปขายใคร เพราะในความเป็นจริงแล้ว การขายโรงพยาบาลสัตว์ของเอกชน ซึ่งเป็นกิจการการแพทย์ มีข้อจำกัดหลายอย่าง กล่าวคือ สามารถขายให้ได้แต่เฉพาะสัตวแพทย์ด้วยกันเท่านั้น ไม่ใช่ตาสีตาสาหรือแม่ค้าที่ไหนจะมาซื้อได้ อีกทั้งช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจก็ตกต่ำ และเหลือเวลาเพียง 3 เดือนก็จะถึงวันทอดกฐินแล้ว นับจากนั้น หัวหน้าของลูกได้ไปลองบอกขายเพื่อนๆที่เป็นหมอด้วยกันในราคาแค่ 12 ล้านบาท แต่พวกเขาก็ไม่สนใจค่ะ ถึงกระนั้นเราก็ยังไม่หมดความหวัง เพราะหลังจากนั้น ทั้งลูกและหัวหน้าของลูกต่างก็ช่วยกันอธิษฐานจิตว่า “ด้วยจิตที่เป็นกุศลของพวกเราที่คิดจะทำบุญกฐินในครั้งนี้ ขอให้เกิดความอัศจรรย์ ให้เราขายโรงพยาบาลให้แก่คนดีๆได้ และนำเงินไปทำบุญกฐินทันด้วยเถิด”

 

        หลวงพ่อเจ้าคะ แล้วความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นจริงๆค่ะ เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน เมื่อลูกได้มีโอกาสไปสัมมนาที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ในหัวข้อวิชาการสัตวแพทย์ และในช่วงพักทานกาแฟ 15 นาที ลูกมีโอกาสได้คุยกับวิทยากรซึ่งเป็นสัตวแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่ลูกคุ้นเคย คุยไปคุยมา ลูกจึงลองเอ่ยปากขายโรงพยาบาลกับเขาดูเล่นๆว่า “คุณหมอสนใจโรงพยาบาลสัตว์แถวสามพราน นครปฐมไหมคะ มีคุณหมอท่านหนึ่งอยากขายค่ะ” คุณหมอวิทยากรจึงถามต่อว่า “ขายเท่าไหร่ล่ะ” ลูกจึงตอบไปว่า “15 ล้านค่ะ” ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าที่หัวหน้าของลูกบอกขายถึง 3 ล้านบาท ซึ่งลูกก็พูดไปเล่นๆ เพราะคิดว่าแพงอย่างนี้คงขายไม่ได้ง่ายๆ และคิดว่าเขาก็คงรับฟังแบบเล่นๆ แต่ปรากฏว่าเขารับฟังจริงๆค่ะ แถมยังไม่ฟังเปล่า เพราะเขาซักรายละเอียดกับลูกซะถี่ยิบ แล้วก็โทรศัพท์มาหาเพื่อตกลงทำสัญญาซื้อขาย พร้อมกับโอนเงินให้ทันทีภายใน 3 เดือนค่ะ ทำให้หัวหน้าของลูกได้รับเงินเหนาะๆ 15 ล้านบาท แล้วก็แบ่งให้ลูกหนึ่งล้านบาท เพื่อนำไปทำบุญกฐิน แถมยังแบ่งให้อีกจำนวนหนึ่งเพื่อให้ลูกนำมาใช้หนี้ เมื่อเป็นดังนี้ ลูกและหัวหน้าก็มีเงินทำบุญทันทีคนละหนึ่งล้านบาทค่ะ

 

 

 

        หลังจากนั้น หัวหน้าของลูกก็มีสุขภาพดีขึ้น เพราะมีเงินนำมาใช้ในการผ่าตัดโรคหัวใจ ในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2554 ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ เพราะคุณหมอตรวจพบรูรั่วที่หัวใจซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 4 เซนติเมตร แต่หัวหน้าของลูกก็นึกถึงบุญกฐินที่เคยทำไว้ พร้อมกับทำจิตให้เป็นสมาธิ โดยการภาวนา “สัมมาอะระหัง” ในใจตลอดเวลา แล้วความอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นค่ะ เพราะในช่วงบ่ายหลังผ่าตัดนี้เอง หัวหน้าของลูกก็มีอาการดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ จนสามารถถอดเครื่องช่วยหายใจออกได้ และร่างกายก็ค่อยๆแข็งแรงขึ้นเหมือนเดิมภายในไม่กี่วัน จนหัวหน้าของลูกถึงกับเอ่ยปากพูดกับลูกว่า “การผ่าตัดครั้งนี้ต้องใช้เงินมาก และหากไม่มีบุญกฐินมาช่วยไว้ ฉันคงไม่มีเงินมาจ่ายค่าผ่าตัดในครั้งนี้แน่ๆ” และนอกเหนือไปกว่านั้นนะคะ คือ กิจการที่โรงพยาบาล ที่แต่ก่อนมีแต่ปัญหามากมาย แต่ระยะหลังๆปัญหามันค่อยๆคลี่คลายไปค่ะ อีกทั้งรายได้ยังดีขึ้นอย่างน่าแปลกใจ กล่าวคือ อยู่ๆก็มีรายได้เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนถึงหนึ่งเท่าตัว จนทุกอย่างราบรื่นราวกับสั่งได้ ทำให้พวกเรารู้สึกตื้นตันและอัศจรรย์ใจกับบุญทอดกฐินนี้เหลือเกินค่ะ

 

        สุดท้ายนี้ ลูกอยากจะบอกว่า “บุญทอดกฐินเป็นกาลทานที่มีอานิสงส์ยิ่งใหญ่ จนสามารถพลิกชีวิต จากวิกฤติให้มาเจอโอกาสทองของชีวิตได้ และกฐินครั้งนี้เราจะได้สร้างอาคารพระผู้ปราบมาร และอาคารคุณยายอาจารย์หนึ่งไม่มีสอง ซึ่งเป็นบุญใหญ่แบบสุดๆ เพราะฉะนั้นอย่าพลาดบุญใหญ่ในครั้งนี้กันนะคะ”

 

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

 

บุศกร สุวรรณะ

 

อ่านรายละเอียด...