รวยพรวดพราด ยังไม่ทันตั้งตัว

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูงค่ะ

 

        ลูกชื่อ มาณี ภูริปัญญวานิช อายุ 50 ปี เป็นหนึ่งในเจ้าของบริษัท แอลต้า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายและรับจ้างติดตั้งกระจกอลูมิเนียมค่ะ ลูกเป็นคนที่ชอบในเรื่องการทำบุญทอดกฐินอย่างที่สุดค่ะ เพราะลูกพลิกชีวิตด้วยบุญกฐินมาหลายครั้งแล้วค่ะ คือ ยิ่งพลิกยิ่งดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรอดตาย หายป่วย รวยเรื้อรัง แต่วันนี้ลูกจะขอเล่าสัก 2 เรื่อง เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลก

 

 

 

        เรื่องแรก คือ ในช่วงปี พ.ศ.2550 คุณพ่อของลูก อายุ 74 ปี ป่วยเป็นมะเร็งในสมอง ก้อนมะเร็งมีขนาดโตเท่าฟองไข่ต้ม และด้วยความใหญ่ของก้อนมะเร็งนี้เอง ทำให้คุณพ่อของลูกสูญเสียระบบการทรงตัว ยืน เดินไม่ได้เลย จึงได้แต่นอนเท่านั้น หมอบอกว่า “ต้องผ่าตัดจึงจะมีสิทธิ์รอด” แต่โอกาสรอดมีแค่  50% เท่านั้นนะคะ เพราะคุณพ่ออายุมากแล้ว ซ้ำร้ายหมอยังบอกอีกว่า “หลังการผ่าตัด โอกาสที่จะกลับมาเหมือนปกติมีน้อยมากๆ เพราะคนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอัมพาต สูญเสียความทรงจำ เสียระบบประสาทสั่งการและการทรงตัวไปเลย อีกทั้งก้อนมะเร็งก็อาจจะไม่หยุดลุกลาม มีสิทธิ์ที่จะโตขึ้นใหม่อีก” เมื่อลูกได้ฟังดังนั้น จิตใจก็ระทดระทวย หมดหวังไปเลยค่ะ แต่เนื่องจากลูก คือ ลูกพระธัมฯ ที่เป็นประธานกองกฐินมาหลายครั้งหลายครา ลูกจึงไม่รอช้า รีบตั้งกองให้คุณพ่อทำบุญกฐินปี พ.ศ.2550 ทันทีก่อนที่ท่านจะเข้ารับการผ่าตัด เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้ว ปรากฏว่าเมื่อคุณพ่อรู้สึกตัว ท่านสามารถจำทุกคนได้หมดอย่างเหลือเชื่อ ไม่ได้สูญเสียความทรงจำแต่ประการใดเลย แถมยังรักคุณแม่และลูกๆทั้ง 10 คนมากกว่าเดิมอีกค่ะ เพราะท่านดีใจที่ครั้งนี้ไม่ตาย และได้อยู่เพื่อมอบความรักให้กันและกันได้ต่อไป อีกทั้งท่านยังสามารถเดินได้ ทานข้าวได้ ไม่ต้องนอนเป็นอัมพาต และมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันคุณพ่ออายุ 79 ปีแล้วค่ะ

 

 

        เรื่องที่ 2 เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2551 ที่ผ่านมาค่ะ เพราะปีนั้นเป็นปีที่เศรษฐกิจตกต่ำแบบสุดๆ จนทำให้คนที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกับลูกต้องอำลาวงการ เพราะเจ๊งไปหลายรายแล้วค่ะ เนื่องจากเจอแต่ลูกค้าที่ไม่ยอมจ่ายเงินกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งลูกก็ได้รับผลกระทบทำนองนี้เหมือนกัน กล่าวคือ ลูกค้าทำทีท่าว่าจะไม่จ่ายเงินหลายครั้ง ซึ่งกว่าจะยอมจ่ายเงินก็ยืดเวลาไปนานมาก ทำให้ลูกต้องแบกภาระผ่อนดอกเบี้ยคืนธนาคารถึงปีละเป็นล้านบาท หนำซ้ำปีนั้น รายได้ของลูกก็ตกวูบจากปกติ กล่าวคือ จากเดิมต้องได้ปีละ 70-80 ล้านบาท กลับเหลือแค่ 10 กว่าล้านบาทเท่านั้น ซึ่งหากมียอดเช่นนี้ นั่นหมายความว่า รายรับไม่พอกับรายจ่าย เพราะลูกต้องจ่ายเงินเดือนให้กับคนงานถึง 50 คน และที่โชคร้ายที่สุดในปีนั้น คือ พอสามีของลูกไปประมูลงานที่ไหน ก็ไม่ค่อยได้ค่ะ และที่สำคัญโปรเจคยักษ์ใหญ่ระดับ 50 ล้านที่เราคาดว่าจะได้  เขาก็ไปเลือกเจ้าอื่นแทนบริษัทของลูก แต่โชคยังดีค่ะที่ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่หลวงพ่อมีบุญทอดกฐินมาให้ทำ ลูกจึงคิดว่า “ครั้งนี้ เราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไม่ได้ เราต้องทุ่มชีวิต ทอดกฐินปี พ.ศ.2552 ไปให้มากแบบสุดๆ คือ หนึ่งแผ่นทอง เป็นไงเป็นกัน เราจะเอาบุญนี้มาพลิกชีวิตให้กลับมายืดผงาด รวยขึ้นมาอีกครั้ง”

 

 

        เมื่อลูกถวายปัจจัยแล้วได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น กล่าวคือ พอสามีของลูกไปคุยกับบริษัทที่เขาได้งาน 50 ล้านบาทแทนบริษัทของลูก เพื่อจะไปขอแบ่งงานนิดๆหน่อยๆจากเขาเอามาทำบ้าง อยู่ๆเขาก็ยกโปรเจคยักษ์มูลค่า 50 ล้านบาททั้งหมดให้กับลูกฟรีๆเลยค่ะ จึงทำให้งานที่หลุดประมูลไปแล้ว กลับมาตกเป็นของลูกอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะเขาบอกว่า “คุณมาก็ดีแล้ว เราประมูลได้ก็จริง แต่เราทำไม่ไหว”

 

        ลูกขอกราบเรียนหลวงพ่อว่า ลูกรู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์นี้อย่างที่สุด มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่อ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว ช้างจะยอมคายออกมาง่ายๆ เมื่อลูกเจอแบบนี้ ลูกก็อึ้งกับบุญกฐิน เพราะบุญทอดกฐินแท้ๆเลยค่ะ ที่ทำให้ลูกหลุดวิกฤต และกลับมารวยใหม่อีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นนะคะ ในปีนี้เองค่ะ หลังจากที่ลูกตัดสินใจเป็นประธานกองกฐินและปิดกองทันที และที่สำคัญยังปิดกองแบบก่อนกำหนด ปรากฏว่าลูกค้าที่ยืดการจ่ายเงินออกไป กลับยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ให้ลูกก่อนกำหนดอย่างเหลือเชื่อค่ะ ดังนั้น ลูกขอยืนยันว่า “บุญกฐินพลิกชีวิตจริงๆ” และตอนนี้ลูกทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจที่จะได้มาอัญเชิญรูปหล่อหลวงปู่แก้วใส เวียนประทักษิณในวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2554 นี้ค่ะ สุดท้ายนี้ ลูกกราบขอพรหลวงพ่อให้ลูกรวยแบบสุดๆ รวยแบบไม่เกรงใจใคร รวยแบบเหลือเชื่อ รวยแบบเหนือคำบรรยาย และเหนือความคาดหมาย เพราะลูกอยากจะมีเงินทอดกฐินทุกปีอย่างเต็มที่เต็มกำลังเจ้าค่ะ

 

กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง

 

มาณี ภูริปัญญวานิช