วันธรรมชัย ใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ


[ 24 ส.ค. 2557 ] - [ 18306 ] LINE it!

วันธรรมชัย ใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ


โดย : พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร


 

พระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)

 พระเทพญาณมหามุนี หลวงพ่อธัมมชโย (คุณครูไม่ใหญ่)


 

     ในช่วงนี้ก็ใกล้จะถึงวันธรรมชัย คือวันที่ 27 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ลูกพระธัมมฯทั่วโลกทุกๆท่านก็จะได้มารวมใจกัน "เข้ากะ" ปฏิบัติธรรมพิเศษ บูชาพระเดชพระคุณหลวงพ่อเนื่องในวันธรรมชัย ซึ่งก่อนที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านจะไปปลีกวิเวกท่านก็ได้กำชับให้ลูกพระธัมมฯทั่วโลกทุกคนตั้งใจนั่งสมาธิเข้ากะให้ได้ทุกๆวัน โดยเชื่อมเวลานั่งสมาธิของลูกๆทุกคนให้ทั้งวันตลอด  24 ชั่วโมง ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่ปราศจากการนั่งสมาธิ เพื่อนำสันติภาพโลกให้กลับคืนมาจากสันติสุขภายใน 

 

     เนื่องในวันธรรมชัยนี้พระอาจารย์ก็จะได้นำเรื่องราวดีๆ ของโอวาทพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ท่านให้ไว้เป็นสูตรสำเร็จในการทำงานต่างๆ ว่า "เมื่อใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ เมื่อใจหยุดที่ฐานที่เจ็ด ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบายๆ" 

 

ความหมายของคำว่า "ใจใสใจสบาย"

 

     คำว่า ใจใส หมายถึง ใจที่มีความผ่องใสสว่างไสว ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมองด้วยกิเลสอาวะ หรือเราอาจจะกล่าวได้ว่า คือ ใจที่อยู่ในบุญนั่นเอง เพราะบุญคือเครื่องชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส 

 

สภาพใจ

 " ใจใส " คือ ใจที่ผ่องใสไม่ขุ่นมัว


     ดังนั้นถ้าใจอยู่ในบุญ ทำบุญแล้วระลึกนึกถึงบุญ บุญนั้นเองจะทำให้ใจของเราผ่องใส ที่สำคัญคือ เราจะมีความสุข เพราะว่า "บุญ" เป็นชื่อของความสุข นอกจากนั้น "บุญ" ยังเป็นคุณเครื่องแห่งความสำเร็จทั้งปวง นั่นคือว่า ถ้าเราใจใสแล้ว ย่อมได้ทั้งความสุขและความสำเร็จ

 

     ส่วนคำว่า ใจสบาย ก็คือใจที่ไร้กังวล ปลอดจากเรื่องต่างๆที่จะมาคอยเหนี่ยวรั้งใจให้ไม่ผ่องใส เช่น เมื่อคราวมีปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็ไม่ได้เครียดวิตกกังวลใจไปกับปัญหาเหล่านั้น แต่ใช้ใจที่สงบเย็น ประคองสติและสมาธิ และปัญหาต่างๆก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เมื่อใจสบายแล้ว ใจก็จะใสสว่างอยู่ในบุญได้อย่างต่อเนื่องเพราะไม่มีอะไรมาเหนี่ยวรั้งใจได้ ทั้งหมดนี้ก็สมดังคำว่า "เมื่อใจใสใจสบายทำอะไรก็สำเร็จ"

 

 

 

ทำอย่างไรให้ใจใส

 

     คำถามต่อมาคือว่า แล้วทำอย่างไรจึงจะใจใสได้  วิธีทำใจให้ใสขอนำเสนอไว้ 2 วิธีง่ายๆ วิธีแรก ขอยกตัวอย่างมีแก้วน้ำอยู่ใบหนึ่ง ใส่น้ำที่มีฝุ่นดินลงไป ถ้าเราเขย่าหรือทำให้ภาชนะนั้นไม่อยู่นิ่ง น้ำก็ย่อมขุ่น จะมองอะไรที่ก้นภาชนะก็เห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ถ้าเราตั้งภาชนะไว้นิ่งๆ ไม่ช้าไม่นาน ฝุ่นดินโคลนต่างๆก็ตกตะกอนนอนก้น น้ำก็ใสสามารถมองทะลุไปถึงก้นภาชนะได้เลยทีเดียว

 

     ใจคนเราก็เหมือนกับน้ำ กิเลสอาสวะเรื่องขุ่นมั่วหมองใจทั้งหลายก็เหมือนกับดินฝุ่นโคลนตม ถ้าใจของเราขุ่นอยู่ก็เหมือนกับน้ำขุ่น วิธีทำให้ใจใส ก็คือ "ทำใจให้นิ่งๆ" นำใจมาตั้งที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดอย่างนิ่งๆ โดยไม่ส่งใจไปในเรื่องราวต่างๆเลย ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ต่างๆ ทั้งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ทำใจเย็นๆ ไม่ช้าไม่นาน เรื่องขุ่นมัวทั้งหลายก็จะตกตะกอน และใจของเราก็จะใสสว่างได้อย่างง่ายๆ 

 

 ใจใส เหมือนน้ำใสที่ตกตะกอน


 

     ซึ่งสภาพใจของมนุษย์ มีปกติผ่องใส ปภัสสร คือมีความใสและมีแสงสว่างในตัว แต่ใจของเราถูกกิเลสอาสวะนิวรณ์ทั้ง 5 ห่อหุ้มอยู่ เราจึงไม่อาจจะเห็นแสงสว่างที่เกิดจากใจที่ผ่องใสของเราได้ และกิเลสอาสวะนั้นเองก็ดึงใจของเราให้ไม่หยุดไม่นิ่ง เมื่อใจไม่หยุดไม่นิ่ง ใจจึงไม่อาจจะใสสว่างได้ แต่ถ้าเราหมั่นฝึกใจ ทำใจนิ่งๆ ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ใจที่นิ่งๆไม่ซัดส่ายนี้เอง ไม่ช้าไม่นานกิเลสอาสวะก็จะค่อยๆหลุดร่อน ใจก็จะใสสว่างได้ในที่สุด

 

     ส่วนวิธีที่สองที่ทำให้ใจใสได้อีกก็คือ "การนึกถึงบุญ" เพราะทันทีที่เรานึกถึงบุญที่เราได้สั่งสมมาไว้ดีแล้ว ใจจะมีความปลื้มปีติในบุญนั้น บุญก็จะกลั่นใจให้ใสสะอาดได้ในทันที เรื่องหมองๆขุ่นมัวก็จะหายไปจากใจของเรา เหมือนที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านแนะนำในช่วงเริ่มต้นของการนั่งสมาธิ ให้เรานึกถึงบุญที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้ว ก็จะทำให้ใจของเรา "ใส" ได้เร็วขึ้น และเมื่อใจของเราใสใจของเราสบายแล้ว เราจะทำอะไรก็สำเร็จได้

 

 

ใจใสใจสบาย ไม่กังวล เป็นนิสัยของผู้ประเสริฐ

 

     ในเรื่องใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จอย่างง่ายๆ เย็นๆ  นี้ ขอยกเรื่องราวในพระไตรปิฎก ในเรื่องของ ตินทุกชาดก

 

     ในอดีต มีลิงตัวหนึ่งปกครองฝูงลิงจำนวน 80,000 ตัวในป่าชนบท คราวหนึ่งฝูงลิงคิดอยากกินผลมะพลับในเขตแดนชาวบ้าน จึงพากันไปขออนุญาติหัวหน้า แต่หัวหน้าลิงห้ามปรามมิให้ไป เพราะเกรงจะมีอันตราย แต่ฝูงลิงจะขอไปตอนเที่ยงคืน ต่างพากันมาอ้อนวอนจนหัวหน้าใจอ่อน หัวหน้าลิงจึงอ่อนใจยินยอมอนุญาต 

 

 ต้นมะพลับที่ฝูงลิง 80,000 ตัว แอบลอบไปกินผลในเวลาเที่ยงคืน


 

     ครั้นพอตกดึก พวกลิงพากันไปรุมกินผลไม้ หัวหน้าลิงคอยดูแลความปลอดภัยให้ แต่บังเอิญมีชายคนหนึ่งออกมาอุจจาระกลางดึก เหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าดูดาว แต่กลับเห็นลิงเต็มต้นมะพลับ จึงรีบตะโกนบอกคนในหมู่บ้านว่า  "พวกลิงมารุมกินผลไม้กันหมดแล้ว"

 

     ชาวบ้านรีบพากันคว้าธนู ถือหอกพร้อมอาวุธต่างๆ มาล้อมบริเวณที่ฝูงลิงอยู่ไว้หมดสิ้น ดูท่า นอกจากลิงจะเหาะได้แล้ว นอกนั้นไม่เห็นทางหนีรอดได้เลย

 

     รุ่งเช้า ชาวบ้านเห็นลิงถนัดชัดเต็มตา ฝูงลิงทั้งหมดก็เห็นชาวบ้านถืออาวุธเต็มไปหมด ลิงทั้งฝูงต่างตกใจกลัวตายยืนตัวสั่นงันงกทั่วหน้า สถานการณ์ตอนนี้คับคันมากแล้ว หัวหน้าฝูงจำเป็นต้องสงบอารมณ์ให้เยือกเย็นที่สุด นิ่งที่สุด แต่บัดนี้ฝูงลิงบริวารทั้งหมดไม่อาจจะสงบใจให้นิ่งได้ หากหัวหน้าลิงไม่กล่าวคำปลอบโยนบริวารเสีย  ลิงทั้งหมดแม้ไม่ถูกชาวบ้านฆ่าตาย ก็ต้องกลัวจนหัวใจแตกตายเป็นแน่! หัวหน้าจึงปลอบกับฝูงลิงว่า

 

     “พวกเจ้าสงบอารมณ์ไว้! อย่าเพิ่งกลัวไป รอดูไปก่อน พวกมนุษย์มักมีกิจธุระมาก พวกเขาแค่คิดจะฆ่าพวกเรา ถึงเวลานั้นคงมีเรื่องอะไรเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจของพวกชาวบ้านเป็นได้ ใจเย็นๆ ก่อน สงบใจไว้ให้ดี ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่อีกนิด เจ้าจงเก็บผลไม้กินให้จุใจเถิด จงกินให้อิ่มหนำสำราญกันเถิดพวกเรา

 

     ตอนนี้อาการลนลานของลิงพลันสงบลง ความกลัวของฝูงลิงค่อยๆ หายไป ทุกตัวต่างกินผลไม้อย่างเอร็ดอร่อย รอคอยเวลาอย่างเยือกเย็น ขอเพียงสงบใจรอดูเหตุการณ์ ในเมื่ออย่างไรก็ต้องตายมิสู้สงบใจไว้จะประเสริฐกว่า แต่ฝูงลิงดูท่าไม่ต้องตายแล้ว เนื่องจากว่าหัวหน้าลิงได้เรียกบริวารให้ช่วยกันนับบริวารลิงทั้งหมดอย่างละเอียดอย่าให้ตกหล่นแม้เพียงตัวเดียว จึงพบว่าลิงชื่อ "เสนกะ" ผู้เป็นหลานของหัวหน้าไม่อยู่ในที่นี้ พริบตานั้นเอง! เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้โหมกระหน่ำที่กลางหมู่บ้าน พวกชาวบ้านเห็นเปลวไฟก็ต่างตกใจจนลืมฝูงลิงรีบวิ่งกลับไปดับไฟอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อชาวบ้านไปหมดแล้ว ลิงเสนกะเดินเข้ามาที่ต้นไม้อย่าง "สบายใจ" ลิงเสนกะนอนตื่นสายเลยมาร่วมทานผลมะพลับไม่ทัน ตื่นขึ้นมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด จึงใช้ปัญญาแก้ปัญหาด้วยการจุดไฟกลางหมู่บ้าน 

 

     ชาวบ้านดับไฟได้แล้ว และชีวิตลิงก็มิได้ดับไป ลิงทุกตัวได้กินอิ่มท้อง ชาวบ้านก็มิต้องทำปาณาติบาต ฝูงลิงไม่ต้องตาย บ้านเรือนไม่ทันเสียหาย เหตุการณ์คลี่คลายได้ดี 

 

     พระพุทธองค์ทรงประชุมชาดก ว่า เสนกะวานรครั้งนั้นมาเป็นพระมหานามศากยะ พญาวานรมาเป็นตถาคตแล

 

     จะเห็นว่า ไม่ว่าจะมีเรื่องปัญหาใดๆ ใหญ่โตมากมายเพียงใดก็ตาม อย่าใช้ความกังวล อย่าใช้ความตระหนกตกใจในการแก้ปัญหา แต่ให้ใช้ความสงบเย็นของจิตใจ ทำใจให้สบาย แล้วปัญหาต่างๆจะคลี่คลายได้อย่างง่ายๆ เหมือนเพลงที่ตะวันธรรมแต่งไว้ว่า "จงมองปัญหา อย่าให้เป็นปัญหา มันเป็นเพียงภาพลวงตา เหมือนไอแดดที่แผดเผา หลับตาให้สบาย อย่าเอามือก่ายหน้าผากของเรา ปัญหาไม่ได้มีให้เศร้า แต่มีให้เราแก้มันด้วยปัญญา !! "

 

     นิสัยใจคอหนักแน่น ไม่ตื่นเต้นในยามคับขัน ไม่หุนหันตัดสินใจ ไม่ตื่นตกใจในทุกสถานการณ์ ไม่ผูกพันในชีวิต ไม่ยึดติดในทรัพย์ ไม่ติดชื่อเสียงเยินยอ ไม่ติดในกามสุข รักการทำใจหยุดนิ่งสม่ำเสมอ ไม่เผลอไผลลำเอียง นี่คือนิสัยของผู้ที่มีใจใสใจสบาย

 

 

ใจหยุดที่ฐานที่เจ็ด ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบายๆ

 

พระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ

 พระมงคลเทพมุนี สด จันทสโร หลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ

 

     คำว่าหยุดนี้ ดั่งโอวาทที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระมงคลเทพมุนีท่านให้ไว้ว่า "หยุดเป็นตัวสำเร็จ" คำว่าหยุดนี้ก็มาจากเรื่องของ "องคุลีมาล" ตอนที่กำลังจะวิ่งไปตัดนิ้วของพระพุทธเจ้า แต่ด้วยพุทธานุภาพ องคุลีมาลวิ่งเท่าไรก็วิ่งไม่ทัน จนองคุลีมาลเหนื่อยหอบวิ่งตามไม่ทัน จึงตะโกนไปว่า "สมณะ หยุด สมณะ หยุด" คำว่าหยุดคำนี้เอง ถ้าเราจะแปลความหมาย ก็มีความหมายถึง 3 ระดับด้วยกัน

 

 

"หยุด" ใน ระดับที่ 1 หยุดเคลื่อนไหวภายนอก 

 

 

 พระพุทธองค์ทรงโปรดองคุลีมาล ด้วยคำว่า "เราหยุดแล้ว"

 

     คืออาการที่ไม่เคลื่อนไหวของพระพุทธเจ้า เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงพระดำเนินอยู่  แต่พระองค์ตรัสว่า  “เราหยุดแล้ว”  เพื่อให้องคุลีมาลได้คิด  ตอนนั้นองคุลีมาลเข้าใจความหมายของคำว่า "หยุด" คือ หยุดการเคลื่อนไหวเท่านั้น ไม่ได้เข้าใจ ความหมายในระดับลึกไปกว่านั้น 

 

     เพียงแค่การ "หยุด" ในระดับนี้คือหยุดจากการเคลื่อนไหวภายนอก ก็เป็นทางมาแห่งความสำเร็จแล้ว เช่นเวลาเราทำกิจการงานอะไรสักอย่าง บางครั้งทำแล้วเกิดปัญหา ถ้าเราไปเครียดหงุดหงิดกับปัญหานั้น ยิ่งทำยิ่งแก้ไข ปัญหายิ่งยุ่งเหยิงไปกว่าเก่า แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหา แต่กลับเป็นการเพิ่มปัญหา สิ่งที่เราทำได้คือ  "หยุด" เพื่อมองปัญหา แล้วใช้สติปัญญาพิจารณา โดยการนำใจกลับมาสู่แหล่งของสติและปัญญา คือศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด เพราะใจเมื่อเป็นสมาธิ เมื่อใจหยุดนิ่งแล้ว ใจก็เริ่มหลุดร่อนจากความขุ่นมัว ใจก็ปลอดโปร่ง สบาย ตั้งมั่น ปัญญาย่อมเกิด เดี๋ยวปัญหาก็จะค่อยๆ คลี่คลาย และจะค้นพบวิธีแก้ไขปัญหาไปตามขั้นตอน กิจการงานต่างๆก็จะสามารถสำเร็จได้อย่างสบายๆ 

 

     ดังนั้นถ้าเราเป็นผู้ฉลาด ไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดก่อนค่อยหยุดใจ แต่ให้ "หยุดใจ" ก่อนที่ปัญหาจะเกิด และให้หยุดใจที่ฐานที่เจ็ดให้ได้ตลอดเวลา แล้วทุกสิ่งที่ปรารถนาก็จะสำเร็จอย่างสบายๆ

 

 

"หยุด" ใน ระดับที่ 2 หยุดทำบาป

 

     ดังที่ครูบาอาจารย์ต่างๆท่านได้สอนไว้ คือ “หยุดทำบาป  หยุดทำชั่ว” ก็คือ ถ้าหยุดทำบาปแล้ว บาปก็ไม่มีโอกาสเจริญได้อีก บุญที่เคยสั่งสมมาในอดีตก็จะได้ช่อง ส่งผลได้ในปัจจุบัน เมื่อบุญส่งผลก็จะทำให้กิจการงานต่างๆ ของเราสำเร็จได้

 

     ซึ่งบุญนี้เอง คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ท่านเคยกล่าวเปรียบเทียบไว้ว่า บุญเปรียบเสมือนน้ำในคลอง บาปเสมือนตอที่อยู่ใต้น้ำ ชีวิตเปรียบเสมือนเรือที่แล่นไปบนน้ำ ถ้ามีบุญมากก็เสมือนน้ำในคลองมาก บาปกุศลที่เปรียบดังตอที่อยู่ใต้น้ำก็ทำอะไรไม่ได้ เรือก็แล่นไปได้อย่างสะดวก เหมือนชีวิตที่ราบรื่นก้าวหน้า ถ้าบุญน้อยก็เสมือนน้ำน้อย ต่อก็ผุดเรือก็ติดต่อ จะประกอบธุรกิจการงานใดๆ ก็ติดขัดไปหมด

 

คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
 คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย

 

     นั่นคือถ้าใจอยู่ในบุญแล้ว  บุญนี้เองจะดลบันดาลความสำเร็จมาให้เรา เพราะบุญคือคุณเครื่องแห่งความสำเร็จทั้งปวง

 

     ซึ่งบุญนี้เอง หากเรานึกถึงบุญบ่อยๆ นอกจากจะทำให้เราใจใสแล้ว บุญยังไปดึงดูดบุญเก่าที่เราเคยสั่งสมไว้ดีแล้วในอดีตให้มาตามส่งผลได้ในปัจจุบัน ซึ่งครูไม่ใหญ่กล่าวไว้ในอานิสงส์การทำบุญไว้ว่า 

 

 บุญมีคุณสมบัติสามารถดึงดูดบุญเก่าที่สั่งสมไว้ดีแล้วมาส่งผลได้ในปัจจุบัน

 

     "ดวงบุญในตัวของแต่ละคนจะมีลักษณะเหมือนกับแม่เหล็กขนาดยักษ์ ที่มีพลานุภาพอันมหาศาลสามารถส่งพลังไปดึงดูดเหล็กก้อนใหญ่ๆและเหล็กก้อนเล็กๆให้รวมตัวกับแม่เหล็กขนาดยักษ์ได้ เมื่อดวงบุญในตัวของทุกคนมีปริมาณที่มากและหนาแน่นเช่นนี้ ความสุขความสำเร็จและความปรารถนาที่ได้ตั้งใจไว้ก็จะบังเกิดขึ้นกับทุกคนได้อย่างง่ายดาย"

 

 

"หยุด" ใน ระดับที่ 3  ใจหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ด

 

     การหยุดใจที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดนี้ ถือว่าเป็นการหยุดใจเพื่อไปสู้เป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การทำพระนิพพานให้แจ้ง การ "หยุด" ในระดับนี้เป็นการมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน กล่าวได้ว่าเป็นบุญที่ใหญ่มหาศาลมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง เปรียบว่า การทำใจให้สงบแม้เพียงช่วงสั้น ๆ เพียง แค่ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น อานิสงส์มหาศาลยิ่งกว่า สร้างโบสถ์สร้างวิหารเสียอีก 

 

 ภาพแสดงศูนย์กลางกายทั้ง 7 ฐาน ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 อยู่บริเวณกลางลำตัวเหนือสะดือขึ้นมา 2 นิ้วมือ

 

     เมื่อนำใจกลับมาสู่หนทางพระนิพพานแล้ว ใจก็ใสสว่างตลอดเวลา ดังนั้น เราจะทำอะไรก็สำเร็จได้อย่างง่ายๆ สมดั่งโอวาทคุณครูไม่ใหญที่ว่า "เมื่อใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ เมื่อใจมาหยุดที่ฐานที่เจ็ด ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบายๆ"

 

 

วันธรรมชัย วันแห่งชัยชนะโดยธรรมะ

 

     ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้ ก็เป็นวันธรรมชัยเป็นวันที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ของเราท่านได้ออกบวชบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเมื่อท่านอายุได้ 25 ปี ได้รับชื่อในพระพุทธศาสนาว่า "ธมฺมชโย" แปลว่า "ผู้ชนะโดยธรรม" จึงเป็นที่มาของวันธรรมชัยที่ 27  สิงหาคมที่จะถึงนี้

 

     ซึ่งในวันที่  27 นี้ก็จะมีบุญใหญ่ให้ทุกๆ ท่านได้สั่งสมบุญกัน โดยในช่วงเช้า ก็จะมีพิธีถวายกองทุนยารักษาโรค ถวายเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ เพื่อใช้รักษาพระภิกษุผู้ป่วยไข้ ที่จำพรรษา ณ วัดพระธรรมกาย 2,000 กว่ารูป

 

 ยารักษาโรคที่เตรียมถวายแด่พระภิกษุสามเณรในวันธรรมชัย

 

อานิสงส์การถวายยารักษาโรค

 

     อานิสงส์การถวายยารักษาโรคนี้ ขอยกตัวอย่างพระพากุลเถระ ที่มีอายุ 160 ปี ไม่มีโรคภัยตลอดชีวิต (* มก. เล่ม 71 หน้า 929)

 

     นับย้อนเวลา 1 อสงไขยกับแสนมหากัป  ในสมัยของพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า  ครั้งนั้นท่านเป็นฤๅษีผู้มีฤทธิ์มาก  เหาะเหินเดินอากาศได้  วันหนึ่ง พระอโนมทัสสีพุทธเจ้าทรงแสวงหาที่หลีกเร้น  ได้เสด็จมาถึงอาศรมของท่านฤๅษี  เมื่อฤๅษีได้เห็นพระพุทธองค์ ก็รีบกระวีกระวาดเข้าไปต้อนรับด้วยความเคารพเลื่อมใส ขณะเดียวกันนั้นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าเกิดอาพาธด้วยโรคลม  ฤๅษีจึงเหาะไปหายาในป่า แล้วนำมาปรุงถวาย ครั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยโอสถแล้ว  โรคลมในพระอุทรก็หายไปทันที  ท่านฤๅษีดีใจมาก 

    

     พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงพยากรณ์ว่า “ผู้ใดได้ถวายเภสัชแก่เราตถาคต บุคคลนั้นจักรื่นเริงในสุคติโลกสวรรค์เป็นเวลาแสนมหากัป เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ครองทวีปทั้งสี่  1,000 ชาติ และไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา  ก็จะเป็นผู้มีโรคน้อย มีอาพาธน้อย ไปทุกภพทุกชาติ” ฤาษีนั้นละจากอัตภาพไป ท่องเที่ยววนเวียนบันเทิงอยู่ในโลกสวรรค์และโลกมนุษย์ไม่รู้จักอบายภูมิเลยยาวนานถึง 1 อสงไขยกับแสนกัปป์ 

 

     มาถึงในชาติสุดท้ายในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดมนี้ ท่านได้ครอบครองสมบัติมากมาย เป็นเจ้าของโลกียทรัพย์ ทั้งสมบัติของมนุษย์นับไม่ถ้วน ท่านจึงปรารถนาโลกุตตรสมบัติซึ่งเป็นอริยทรัพย์อันประเสริฐ  เมื่ออายุได้ 80 ปี ท่านออกบวชเป็นพระภิกษุ  บวชได้เพียง 7 วันเท่านั้น ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์  ท่านเป็นพระภิกษุที่อายุยืนที่สุดในสมัยนั้น คือ 160 ปี  ตลอดชีวิตไม่เคยเจ็บป่วย  ไม่ต้องให้ใครมาช่วยพยุง ท่านยังได้รับตำแหน่งเอตทัคคะทางด้านผู้มีอาพาธน้อยอีกด้วย  

 

     การถวายยารักษาโรคแด่พระภิกษุสงฆ์นั้นมีอานิสงส์มากมายมหาศาล ทำให้ได้ทั้ง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ แม้เราจะถวายเป็นกองทุนยา แต่กองทุนนั้นก็จะนำไปเปลี่ยนเป็นยารักษาโรคและนำไปรักษาพระภิกษุผู้ป่วยไข้ ซึ่งการรักษาดูแลภิกษุผู้ไข้นี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า

 

" โย โว ภิกฺขเว มํ อุปฏฺฐเหยฺย 

โส คิลานํ อุปฏฺฐเหยฺย "


 

" ผู้ใดปรารถนาจะอุปัฏฐากเราตถาคต

ผู้นั้นพึงอุปัฏฐากภิกษุผู้ป่วยไข้ เถิด"

 

     นั่นคือการที่เราถวายยารักษาโรคแด่พระภิกษุสงฆ์ ก็เท่ากับว่าเราได้ถวายยาถวายการดูแลรักษาอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าเลยทีเดียว อานิสงส์นี้จึงเป็นบุญใหญ่มาก 

 

 

"เข้ากะ" กะพิเศษ รับดวงแก้วธรรมชัย

 


 

     และในช่วงบ่าย เราก็จะได้มารวมใจกัน "เข้ากะ" ปฏิบัติธรรมพิเศษ บูชาพระเดชพระคุณหลวงพ่อเนื่องในวันธรรมชัย ซึ่งก่อนที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านจะไปปลีกวิเวกท่านก็ได้กำชับให้ลูกพระธรรมทั่วโลกทุกคนตั้งใจนั่งสมาธิเข้ากะให้ได้ตลอดต่อเนื่อง  24 ชั่วโมง ไม่มีช่วงเวลาใดเลยที่ปราศจากการนั่งสมาธิ  ในวันธรรมชัยนี้ เราก็จะได้มานั่งสมาธิเข้ากะพิเศษรอบ 13.00-14.00 ร่วมกัน  เมื่อนั่งสมาธิเสร็จแล้วก็จะมีพิธีมอบดวงแก้วธรรมชัย ซึ่งเป็นดวงแก้วที่จะไปดึงดูดทรัพย์สมบัติมาให้เราได้ใช้สร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มอิ่มกัน 

 

  ดวงแก้วธรรมชัย มอบให้สำหรับผู้มาเข้ากะพิเศษ ในวันธรรมชัย

 

     พระอาจารย์ก็ขอเชิญทุกๆ ท่าน มาร่วมงานในวันธรรมชัย วันพุธที่ 27 สิงหาคมนี้ ก็มีบุญใหญ่ 3 บุญด้วยกัน คือบุญถวายยารักษาโรคแด่พระภิกษุสามเณรวัดพระธรรมกายกว่า 2,000 รูป บุญนั่งสมาธิเข้ากะบูชาธรรมพระเดชพระคุณหลวงพ่อ บุญรับดวงแก้วธรรมชัย เพื่อไปดึงดูทรัพย์สมบัติใหญ่ในการสร้างบารมี เรียกว่ามาวัดพระธรรมกายวันนี้วันเดียวได้บุญใหญ่อย่างสุดคุ้ม เพราะเป็นบุญที่ทำให้เราได้ทั้งรูปสมบัติ คือ ร่างกายที่แข็งแรง ได้ทรัพย์สมบัติ คือ ได้ดวงแก้วธรรมชัยไปตามสมบัติใหญ่มาใช้สร้างบารมี ได้ทั้งคุณสมบัติ คือ บุญจากการนั่งสมาธิเข้ากะร่วมกัน ทำให้เราได้เข้าถึงพระธรรมกาย ได้บรรลุมรรคผลนิพพานในที่สุด 

 

     ถ้าเรามาร่วมงานในวันธรรมชัยนี้ เราก็จะได้บุญมาก มีบุญมาก บุญนี้เองจะกลั่นกายวาจาใจของเราให้ผ่องใส และเมื่อใจผ่องใสแล้ว ก็สมกับวาทะที่ว่า "เมื่อใจใสใจสบาย ทำอะไรก็สำเร็จ เมื่อใจหยุดที่ฐานที่เจ็ด ทำอะไรก็สำเร็จอย่างสบายๆ" 

 

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม

พระมหาทศพร ปุญฺญงฺกุโร

 


รับชมคลิปวิดีโอเชิญชวนมาร่วมงานวันธรรมชัย
ชมวิดีโอเชิญชวนมาร่วมงานวันธรรมชัย   Download ธรรมะเชิญชวนมาร่วมงานวันธรรมชัย

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติปฏิทินวันพระ 2567 ปฏิทินจันทรคติ

รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์รูปการ์ตูนวันสงกรานต์ รวมการ์ตูนน่ารักสำหรับส่งในวันสงกรานต์

ข่าวจากปรโลก - สึนามิ (Tsunami)ข่าวจากปรโลก - สึนามิ (Tsunami)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

เรื่องเด่นทันเหตุการณ์