แต่ลูกก็คิดว่า การชวนคนมาวัดเป็นสิ่งที่ดี ก็เลยลองชวนดู ซึ่งพอชวนไปชวนมา คนก็ไม่รู้มาจากไหน ยอมมาวัดกับลูกมากถึงสองคันรถบัส ทำเอาผู้นำบุญงงไปเลยค่ะว่า...ทำไมมือใหม่ถึงชวนคนได้มากขนาดนี้ ก็เพราะลูกเป็นผู้นำบุญมือใหม่ใจเกินร้อยค่ะ เพราะตอนแรกที่ผู้นำบุญไปชวนเอง ชาวบ้านกลุ่มนี้อิดออดไม่ยอมมา แต่พอส่งวิเชียรไปชวน กลับแห่มากันใหญ่ จากนั้นผู้นำบุญก็เลยบอกให้ลูกลองชวนคนมางานบุญใหญ่ ปรากฏว่าคนมามากปาไปถึงสี่คันรถบัส ด้วยเหตุนี้แหละค่ะ จากความหน่อมแน้ม อาโนเนะของลูก ก็เลยกลายเป็น อินโนเวชั่น คือ นวัตกรรมใหม่แห่งการสร้างบารมี จนผู้นำบุญเกิดติดใจลูก เขาจึงสั่งงานต่อว่า...ให้ไปชวนคนบวชพระแสนรุ่นเข้าพรรษา ลูกก็ชวนส่วนตัวได้สิบกว่าคน อีกทั้งยังชวนสามีของตัวเองมาบวชด้วย แต่พอบวชเสร็จ ทางส่วนกลางก็ขอให้ท่านช่วยอยู่ต่อ เพื่อเป็นหัวหน้าศูนย์อบรมอุบาสิกาแก้วรุ่นล้านที่ผ่านมา เพราะเปิดศูนย์ใหม่เพิ่ม คือ ศูนย์อบรมวัดดงปอ

 

        หลวงพ่อคะ..ในเมื่ออดีตพ่อบ้านของลูกได้รับตำแหน่งเป็นถึงหัวหน้าศูนย์ แม่บ้านอย่างลูก จะอยู่เฉยได้อย่างไรคะ ลูกจึงเร่งลุยทำหน้าที่ชวนบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนอย่างเต็มกำลัง ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่เคยบวชอะไรกับเขาหรอกค่ะ แถมวัดก็เพิ่งเข้า แต่ก็ชวนคนมาบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนได้ตั้ง 50-คนค่ะ แล้วลูกก็เลยมาเป็นพี่เลี้ยง จากนั้นก็ให้ลูกชาย คือ น้องอาท มาเป็นฝ่ายสื่อโสต ถ่ายภาพ และให้น้องชายของพระหัวหน้าศูนย์อดีตสามี คือ ดาบพิเศษ ศรีโมลา มาเป็นฝ่ายเสบียงและอุปัฏฐาก คือ ขาดเหลืออะไร ขอให้บอกดาบพิเศษเถอะค่ะ เพราะเขาจะจัดให้ ไม่ว่าจะเป็นอาสนะ อาหารหวานคาวต่างๆนานา

 

 

ลูกและบุตรชาย (ลูกอาท) คนเก่งและดีค่ะ

 

        หลวงพ่อคะ...โครงการบวชของหลวงพ่อ ทำให้ทุกคนทั้งครอบครัว รวมถึงญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันของลูก ได้มาสร้างบารมีอย่างมีความสุข อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลยค่ะ จึงเป็นที่มาของคำว่า “สุขสายเลือด” ค่ะ

 

        ระหว่างบวช ครอบครัวของลูกและเหล่าอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ต่างมีความสุขกับการอบรมมาก แต่พอครบ 14-วัน ความสุขก็หยุดชะงัก เพราะจบโครงการ แต่พอหลวงพ่อเปิดโครงการบ้านกัลยาณมิตร ทุกคนดีใจกันใหญ่เลยค่ะ ครอบครัวอันแสนสุขของลูกก็เลยยกทีมไปเปิดบ้านกัลยาณมิตรของตัวเอง โดยให้พระอดีตสามีเป็นพระอาจารย์นำสวดมนต์ ซึ่งคนมากันเกือบ 30-คน จนในบ้านนั่งไม่พอ แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเรามีปัญญา ลูกจึงให้ทุกคนมานั่งหน้าบ้าน ซึ่งก็เป็นการดีไปอีกแบบค่ะ เพราะเมื่อคนเดินผ่านไปผ่านมาแล้วหันมามอง จะได้เป็นการประชาสัมพันธ์โครงการไปในตัว

 

 

        ต่อมา ลูกทราบอีกว่า หลวงพ่อจะจัดบวชอุบาสิกาแก้วล้านคนอีก ในวันที่ 27-กุมภาพันธ์-6-มีนาคม พ.ศ.2554-ลูกดีใจมากค่ะ เพราะทีมงานครอบครัวของลูกจะได้ทำหน้าที่ในการตามคนมาบวชอีกแล้ว เพราะในช่วงตามคนมาบวชอุบาสิกาแก้วครั้งที่แล้ว ลูกไปเจอดีมาค่ะ ดีในที่นี้ มันดีแสนดีจริงๆนะคะ คือ ขณะที่ลูกลุยตามคนบวช อีกทั้งยังมาเป็นพี่เลี้ยง ลูกและคนในครอบครัวไม่มีใครมีเวลาไปทำไร่หรือดูแลไร่อ้อยเลยค่ะ พวกเราตัดใจปล่อยไร่ทิ้งไว้แบบไม่ดูดำดูดีอะไรมันเลย ซึ่งครอบครัวของลูกทุกคนต่างก็คิดในใจกันว่า ไม่เป็นไร...มาเอาบุญใหญ่ก่อน ผลผลิตปีนี้อาจจะต่ำหน่อย ได้เงินน้อยหน่อยก็พอทำใจ แต่ถ้าได้บุญน้อยไป ทำใจไม่ได้ค่ะ

 

        พอคิดอย่างนี้ เหตุการณ์อันไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นจนได้ กล่าวคือ หลังจากบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนเสร็จ ถึงเวลาจะตัดอ้อยขาย ซึ่งราคาขายต่อไร่ในช่วงนั้นอยู่ที่ 9,000-บาท แต่ลูกก็เกิดปากหนัก บอกเถ้าแก่ที่มารับซื้อไปว่า “ฉันขายไร่ละ 12,000-บาทนะ”-ลูกบอกไปอย่างนั้นเองโดยไม่คิดว่าจะได้หรอกค่ะ แต่ทันใดนั้นเอง ลูกก็ต้องตะลึงกับเสียงโต้กลับของเถ้าแก่ว่า “ตกลง”

 

        โอ...หลวงพ่อคะ อะไรจะมหัศจรรย์ปานนั้น ไร่ก็ไม่ได้ทำ ทำแต่บุญ แถมไม่ได้ไปดูดำดูดี แต่ดันขายได้ไร่ละ 12,000-บาท รวมแล้ว 60-ไร่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ เพราะปกติลูกดูแลไร่อย่างดี ราคายังไม่ดีขนาดนี้เลยค่ะ งานนี้ลูกก็เลยได้เงินใช้เหนาะๆตุงกระเป๋า รวยกะทันหันไปแล้วค่ะ บุญชวนคนบวชนี้...ส่งผลเร็วแรงจริงๆนะคะ

 

 

        จากเรื่องราวนี้เอง ลูกก็อยากจะบอกพี่น้องชาวไทยว่า การบวชอุบาสิกาแก้วล้านคน รุ่นที่ 4-กำลังจะมาถึงแล้วนะคะ โปรดอย่ารอช้า ลงลุยทำหน้าที่ชวนคนมาบวชกันได้แล้วค่ะ ถ้าชวนเร็ว เวลาบุญส่งผล ก็จะรวยเร็ว รวยล้นไร่ แบบลูกนี่แหละค่ะ ตอนนี้...มีคนสนใจบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนกับลูก 30-กว่าคนแล้วค่ะ