">
">
">
">
">
">
">
">
">">
">
">">
หนึ่งทศวรรษแห่งความทุ่มเทในศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ
เขียนโดย
ครูแก้วใส
อ้างอิงข้อมูลจาก ประวัติธุดงคสถานเขาแก้วเสด็จ ของ อุบลเขียว
อ้างอิงข้อมูลจาก ประวัติธุดงคสถานเขาแก้วเสด็จ ของ อุบลเขียว
งานบุญทอดกฐิน ธุดงคสถานเขาแก้วเสด็จ
">
">
">">
">
ขุนเขาแห่งตำนานและประวัติศาสตร์
">
">
"> คืนพระจันทร์วันเพ็ญลอยดวงเด่นเหนือท้องฟ้า ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งต่างจ้องมองและสังเกตว่า มีดวงแก้วดวงหนึ่งส่องรัศมีสว่างไสวดุจดังพระจันทร์วันเพ็ญ
ดวงแก้วนั้นเคลื่อนคล้อยลอยมาจากปลายด้านหนึ่งของหุบเขา และลับหายไปในความมืด เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนชาวบ้านขนานนามภูเขาแห่งนี้ว่า “เขาแก้วเสด็จ” ขุนเขาแห่งดวงแก้วที่จะเสด็จมาทุกคืนวันเพ็ญ
">
">ขุนเขาแห่งตำนานนี้ตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของตำบลบ้านนาและตำบลบ่อทอง
อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาแก่งดินสอที่เชื่อมต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ในหลายจังหวัด
ไล่เรื่อยมาตั้งแต่ จังหวัดนครราชสีมา นครนายก
จนถึง จังหวัดปราจีนบุรี
">
">
">
">
">
เขาแก้วเสด็จแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เพราะเป็นพื้นที่ใกล้เคียงเส้นทางของการเดินทัพ
นับเนื่องแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ไทยได้ทำสงครามกับญวนยืดเยื้อเป็นเวลาหลายปี สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงตรัสสั่งให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์
สิงหเสนี)เป็นแม่ทัพไปปราบญวนที่เข้ามารุกรานเขมร เมืองประเทศราชของไทยในครั้งนั้น
เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึงเรียกชุมนุมไพร่พลที่อ.กบินทร์บุรี และสั่งให้สร้างยุ้งฉางเพื่อสะสมเสบียงกำลังไว้เป็นทัพหนุน
จนกระทั่งไทยมีชัยชนะสงครามในที่สุด
">ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นได้ปรากฏเรื่องราวในหนังสือ
ประวัติศาสตร์ไทย ยุคกรุงธนบุรี ถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เขียนโดย รองศาสตราจารย์ดนัย ไชยโยธา
ความว่า
">
“ ญวนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 3 ได้สนับสนุนให้เวียงจันทน์ซึ่งเป็นประเทศราชของไทยกบฏต่อไทย ครั้นถึงปี พ.ศ.2376 ทางญวณเกิดกบฏวุ่ยวายขึ้น
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ส่งกองทัพเข้าไปขับไล่ญวณในแดนกัมพูชาแล้วตีลงไปจนถึงเมืองไซ่ง่อน โดยมีเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ –
ต้นตระกูล สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพบก...”
">
อาคารปฏิบัติธรรม
มิเพียงเท่านั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ “ตำบลบ่อทอง” ที่อยู่ใกล้เคียงกับเขาแก้วเสด็จ
เคยได้รับการขนานนามว่า “บ่อทอง แหล่งแห่งทองคำ” เพราะมีผู้ขุดพบแร่ทองคำเป็นจำนวนมาก
ทำให้หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ได้ยกฐานะเป็นที่ตั้งของเหมืองทองคำในสมัยนั้นเลยทีเดียว
ชาวบ้านได้ขุดเจาะเหมืองทองคำให้กลายเป็นบ่อเพื่อหลอมเหลวทอง ต่อมาคนที่มาติดต่อรับทองจึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า
"หมู่บ้านบ่อทอง" และได้ขยายเขตกลายมาเป็นตำบลจนถึงปัจจุบัน
">
">จากข้อมูลดังกล่าวจะทำให้เราทราบว่า
พื้นที่ในแถบ “เขาแก้วเสด็จ” เคยเป็นแหล่งของชุมชนโบราณที่แวดล้อมด้วยผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ เพราะเหตุใด
ผืนป่าเหล่านั้นจึงถูกทำลายไปเหลือเพียงดินเหนียวผสมฝุ่นทรายที่แสนจะร้อนแล้งในปัจจุบัน
">
ความสมบูรณ์ที่ถูกทำลาย
ย้อนไปเมื่อ 75 ปีก่อนหน้านี้ ผืนป่าในเขตอ.กบินทร์บุรี และบริเวณโดยรอบเขาแก้วเสด็จ
ยังสมบูรณ์ด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ที่หยัดต้นแน่นขนัดไปทั่วบริเวณ สภาพป่าบริเวณนี้จึงมีลักษณะเป็นป่าดิบชื้น
ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ดังนั้นจึงมีสัตว์ป่าเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก จากคำบอกเล่าของคนรุ่นเก่าจึงทราบว่าสถานที่แห่งนี้
ชาวบ้านเคยล่า เก้ง กวาง หมี เลียงผา ได้เป็นจำนวนมาก บางครั้งชาวบ้านก็พบเห็น เสือ และฝูงจิ้งจอกป่าที่ออกมาหากินอยู่บ่อยครั้ง แม้ในปี พ.ศ.2550
ชาวบ้านแถบนี้ก็ยังสามารถล่าเลียงผาได้อยู่
จากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าจุดกำเนิดของ “แม่น้ำบางปะกง” แม่น้ำสายเศรษฐกิจของคนไทย ได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่ จากผืนป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์
">ทว่าความสมบูรณ์ทางธรรมชาติเหล่านั้นได้ถูก
ทำลายจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมของป่าดิบชื้น กลายเป็นความรกร้างว่างเปล่า
หลายคนอาจไม่เชื่อว่าต้นกำเนิดของแม่น้ำบางปะกงอยู่ที่
อ.กบินทร์บุรี
แต่ทุกวันนี้ยังพอปรากฏหลักฐานเพียงเล็กน้อยเพื่อพิสูจน์ว่าต้นกำเนิดของแม่
น้ำสายนี้เริ่มต้นขึ้นที่นี่ สังเกตได้จากลำคลองสายเล็ก ๆ
ที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำปราจีนบุรี
ก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงในที่สุด
บริเวณกุฏิบรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย
">
">
">
">
">
">">
สาเหตุที่ทำให้ป่าไม้แถบนี้ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการก่อสร้างทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ ซึ่งเป็นระยะทางยาวหลายร้อยกิโลเมตร ในยุคเริ่มแรก
การทางรถไฟต้องตัดไม้ในบริเวณนี้มาทำไม้หมอนรางรถไฟเป็นจำนวนมาก ทำให้ป่าไม้ที่เคยอุดมสมบูรณ์หมดไปอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถปลูกทดแทนได้ดังเดิม หลังจากนั้นจึงได้มีชาวบ้านต่างพื้นที่อพยพย้ายครัวเรือนเพื่อเข้ามาจับจองที่ดิน
เพาะปลูกพืชไร่และทำการเกษตร อาทิ ปลูกมันสำปะหลัง ยูคาลิปตัส
อ้อย ฯลฯ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจดังที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน
">
ตำนาน และที่มาของชื่อ
“เขาแก้วเสด็จ”
สำหรับความเป็นมาของชื่อที่แท้จริงนั้นได้มีคนเก่าคนแก่ของที่นี่ได้เล่าเรื่องสืบกันมาแต่โบราณ
ถึงความเป็นมาของชื่อเขาแก้วเสด็จ ความว่า
">
">
">
">">">">
">
">
">
คุณมาโนช ชัยสิทธิ์ ผู้เป็นเจ้าของถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินกว่าหลายร้อยไร่ในเขตเขาแก้วเสด็จ
ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้มีจิตกุศลศรัทธาและถวายที่ดินผืนแรกของเขาแก้วเสด็จให้กลายเป็นธรณีสงฆ์ โดยมีจุดเริ่มต้นจากความฝันที่แจ่มชัดเมื่อหลายสิบปีก่อน
ซึ่งฝันนั้นก็ยังไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำเลยแม้สักครั้งเดียว
">
">">">">">">">
">
">
">">">">">">">">
">
">
">">">">">">">">">
">
">">">">">">">">">
">
">">">">">">">">">
">
">">">">">">">">">">
">
">
">">">">">">">">">">">">">
">
">
">
">">
“มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นบริเวณหุบเขาแห่งนี้บ่อยครั้ง โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ
ขณะที่พระจันทร์เต็มดวงอยู่กลางฟ้า
ในเวลาประมาณเที่ยงคืน ชาวบ้านหลายคนที่ลอบวางกับดักสัตว์จะเห็นดวงไฟกลมโต
ทว่ามีสงเย็นตา ดูสวยงาม ลอยผ่านภูเขาหายเข้าไปในความมืด ความสว่างของดวงไฟนั้นมากพอที่จะส่องให้เห็นภูเขาได้ทั้งลูกเหมือนยามกลางวัน”
">
จากคำบอกเล่าดังกล่าว คนเก่าแก่ท่านนั้นได้กล่าวเสริมว่า
">
“ช่วงแรก ๆชาวบ้านที่พบเหตุการณ์นี้ ต่างวิ่งหนีเพราะตกใจกลัว นึกกันไปว่าเป็นภูตผี
แต่เมื่อเห็นบ่อยเข้าก็เลิกกลัวเพราะดวงไฟนี้ไม่เป็นอันตรายต่อใคร ทั้งยังมีความสวยงามสว่างไสว
ชาวบ้านแถบนี้จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นดวงแก้วกายสิทธิ์ของเทวดาเจ้าป่าเจ้าเขาที่คอยมาปกปักรักษา ทำให้ภูเขาแห่งนี้มีนามว่า
เขาแก้วเสด็จ นับแต่บัดนั้น”
บรรยากาศโดยรอบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรมอย่างมาก
">
จากคำบอกเล่านี้ทำให้เราทราบถึงที่มาที่ไปของชื่อ
“เขาแก้วเสด็จ” ว่ามีความหมายตามตำนาน
แต่ในปัจจุบันนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาที่เคยติดตาม Case Study จากคุณครูไม่ใหญ่คงทราบว่า แท้จริงแล้ว ดวงไฟดวงนั้นมิใช่อะไรอื่น
แต่เป็นดวงแก้วกายสิทธิ์ของยักษ์ที่มีหน้าที่เฝ้าสมบัติอยู่ที่เขาแก้วเสด็จ
ในทุกคืนวันเพ็ญ ยักษ์ตนนี้จะมีหน้าที่ขนย้ายสมบัติไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
โดยนำดวงแก้วกายสิทธิ์เป็นหัวหน้าหมู่สมบัติทั้งหลาย ให้สมบัติเหล่านั้นก็จะเคลื่อนที่ตามไปอย่างง่ายดาย
ดุจบุตรน้อยที่คล้อยตามหลังมารดา
">
จากความฝัน
สู่ ความจริง
หากมองจากภาพจะพบว่า
เขาแก้วเสด็จ ขุนเขาที่มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ โอบล้อมเนื้อที่หลายพันไร่
เกิดเป็นพื้นที่ในหุบเขาเบื้องล่าง ดั่งชลอเมืองสวรรค์มาไว้ในหุบเขาก็ไม่ปาน
">
">แต่จะมีใครสักกี่คนที่ทราบว่าเบื้องหลังความเป็นมาของพื้นที่หลายพันไร่นั้น เกิดจากความฝันที่สร้างแรงบันดาลใจมาสู่ความจริง
ในความฝันดังกล่าว คุณมาโนชจำได้ว่ายืนอยู่บริเวณด้านหน้าเขาแก้วเสด็จ
แต่ในความรู้สึกเสมือนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง และพลันขุนเขาตระหง่านเบื้องหน้าได้เปลี่ยนมาเป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่
ที่มีชีวิต มีรัศมีสว่างไสว และที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งไปกว่านั้น คือท่านเป็นพระพูดได้
ท่านได้พูดกับคุณมาโนชด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก้องกังวาน เปี่ยมด้วยพลานุภาพว่า
">ให้เก็บผืนดินแห่งนี้ไว้ให้ดี ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีผู้มีบุญนำไปสร้างเป็นบุญ
สถานอันศักดิ์สิทธิ์”
">
">เมื่อตื่นขึ้นจากความฝัน นับแต่นั้นเป็นต้นมาคุณมาโนชก็ไม่ละทิ้งความตั้งใจ
ได้รักษาผืนดินแห่งนี้ไว้ให้ดีที่สุด เพราะเชื่อมั่นว่าจะต้องผู้มีบุญนำที่ดินผืนนี้ไปใช้เป็นบุญสถาน
จากความฝันที่เสมือนจริงในครั้งนั้น จึงได้กลายมาเป็นความจริงในวันนี้
ความจริงในวันนี้
">
จุดเริ่มต้นเกิดจากคุณมาโนช ได้พบกับหมู่คณะนักสร้างบารมี ได้เห็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลเปี่ยมด้วยศีลาจารวัดร และยิ่งได้ฟังธรรมะจากพระมหาดร.สมชาย านวุฑฺโฒ
จึงมีจิตเลื่อมใสศรัทธา ตั้งใจถวายที่ดินผืนนี้ให้เป็นธรณีสงฆ์ ในระยะเริ่มแรกนั้นได้มีพระภิกษุมาจำพรรษาประมาณ 7 รูป โดย พระครูสมุห์กมล กมลสุโภ เจ้าอาวาสวัดหนองไผ่ล้อมในปัจจุบัน ได้มาเป็นผู้บุกเบิกธุดงคสถานแห่งนี้ในครั้งแรก และตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “ธุดงคสถานเขาแก้วเสด็จ” ตามตำนานของสถานที่ ที่มีแก้วกายสิทธิ์
เสด็จผ่านภูเขาแห่งนี้ให้เป็นสิริมงคล
">
">
จุดศูนย์กลางของการแผ่ขยายเผยแผ่วิชา
">
">
พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้มีดำริว่าจะขยายวิชชาธรรมกายให้กว้างไกลยิ่งขึ้น
แต่จากสภาพพื้นที่ของวัดพระธรรมกายในสมัยสิบกว่าปีที่แล้วนั้น ได้มีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นอย่างมากมาย
จนทำให้เนื้อที่วัดแน่นขนัด
ไม่สามารถใช้เป็นพื้นที่ฝึกอบรมพระธรรมทายาท ผู้ที่จะออกไปประกาศพระศาสนา
ให้อย่างเต็มที่ได้ ดังนั้นท่านจึงมองหาสถานที่สร้างศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาทแห่งใหม่
ที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ ห่างไกลชุมชนเมือง
สงบและวิเวกด้วยป่าเขาและธรรมชาติ
ท่านจึงมอบนโยบายให้พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทตฺตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย หาสถานที่ดังกล่าวเพื่อเตรียมรองรับพระธรรมทายาทที่จะทวีจำนวนขึ้นในอนาคต
สามเณรเดินมุ่งหน้าสู่โรงเรียนปริยัติธรรม
">
พระภาวนาวิริยคุณ
ท่านจึงได้ปรึกษากับพระมหาดร.สมชาย านวุฑฺโฒ
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ถึงสถานที่ก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาทที่จะเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในอนาคต ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานั้นคุณมาโนช ชัยสิทธิ์ได้ปวารณาถวายพื้นที่แห่งนี้ พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒจึงเดินทางมาสำรวจพื้นที่ในครั้งแรก
และตกลงใจว่า “เขาแก้วเสด็จ” แห่งนี้ คือ
สถานที่ฝึกอบรมพระธรรมทายาทได้อย่างแท้จริง การก่อสร้างและการบุกเบิกจึงได้เริ่มต้นขึ้นนับแต่นั้น
">
">">
ยุคบุกเบิก
ด้วยหัวใจพระโพธิสัตว์
วันปฐมเริ่มขุดดินก้อนแรก ถือเอาวันอาสาฬหบูชา วันเพ็ญขึ้น 15ค่ำ เดือน 8 ซึ่งตรง
กับวันที่ 12 กรกฎาคม
พ.ศ.2542 เป็นวันก่อตั้งศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ
แต่ด้วยสภาพพื้นดินที่ค่อนข้างทุรกันดาร ทำให้การปรับพื้นที่มีความยากลำบากพอสมควร
เนื้อที่หลายร้อยไร่เต็มไปด้วยหญ้าคาและป่ากกสูงท่วมหัว ทั้งยังมีแอ่งน้ำและปลักโคลนเป็นหย่อมๆ
ยากแก่การสัญจรไปมา นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าดุร้ายที่ออกหากินยามค่ำคืน อาทิ เสือโคร่งลายพาดกลอน
และฝูงสุนัขจิ้งจอกที่ออกเห่าหอน ทำให้แม้แต่ชาวบ้านก็ยังหวาดกลัวที่จะเข้ามา
">ยิ่งไปกว่านั้น
พื้นที่แห่งนี้ยังมีสภาพดินปนทรายทำให้เพาะปลูกอะไรไม่ได้มาก
นอกจากปลูกมันสำปะหลัง หรือต้นยูคาลิปตัสที่น่าจะเหมาะกับสภาพดินมากที่สุด
พื้นที่หลายส่วนยังมีโขดหินตะปุ่มตะป่ำคอยขัดขวางการปรับพื้นที่อยู่เป็นระยะ พระภิกษุสงฆ์ผู้บุกเบิกรุ่นแรกจึงต้องถางหญ้าคาและป่ากก
ให้เป็นพื้นที่กว้างมากพอสำหรับการปักกลดอยู่ธุดงค์ บรรยากาศทั่วโดยรอบเขาแก้วเสด็จ
">
">
">
บรรยากาศในช่วงแรกของยุคบุกเบิกนั้น กลางวันมีแดดร้อนจัดและอบอ้าว
จนเห็นเป็นเปลวแดดเต้นระยิบอยู่เบื้องหน้า
มองไปสุดลูกตาก็เห็นเพียงผืนฟ้าจรดผืนดิน ไม่มีแม้ร่มเงาของไม้ใหญ่ยืนต้น ยามกลางคืนหมู่แมลงก็คอยรบกวน ไม่มีแม้แสงไฟ
อาศัยเพียงแสงตะเกียงดวงน้อยที่คอยส่องสว่าง
สมัยนั้นแม้ระบบไฟฟ้าและน้ำประปาก็ยังไม่มีใช้ พื้นที่แห่งนี้จึงเรียกได้ว่า ค่อนข้างกันดารมากเพราะอยู่ห่างไกลจากแหล่งชุมชนเหลือเกิน พระสงฆ์ต้องเดินฝ่าทุ่งหญ้าคาด้วยเท้าเปล่าเป็นระยะทางไปกลับถึง
4 กิโลเมตร หากวันใดฝนตก สภาพการสัญจรเหมือนถูกตัดขาด แม้แต่เดินเท้าก็ยังไม่ได้
ยิ่งรถยนต์ด้วยแล้วก็ยังไม่สามารถบุกฝ่าป่ากกเข้ามาได้เลย มีเพียงหนทางเดียว คือพระภิกษุต้องไปขอร้องชาวบ้านละแวกรอบนอกให้ช่วยกันขับรถแทรกเตอร์มาส่ง
จึงจะสามารถผ่านโคลนเลนในป่าหญ้าไปได้ ทำให้การกรุยทางในช่วงแรกจึงค่อนข้างทุลักทุเลและต้องใช้ความสมบุกสมบันพอสมควร
แม้คณะสงฆ์จะพบเจอกับความยากลำบากในทุกรูปแบบ แต่ถึงกระนั้นท่านก็สวมหัวใจพระโพธิสัตว์ที่ไม่เคยย่อท้อต่อการสร้างความดี
วันแล้ววันเล่าท่านได้สร้างกุฏิขึ้นเองท่ามกลางสายฝนและเปลวแดด ตกค่ำมีเพียงกลดหลังน้อยเป็นที่พักพิงกลางทุ่งกว้างที่มืดและน่าอันตราย
">
">ชาวบ้านที่พบเห็นความยากลำบากของพระภิกษุธรรมทายาทกลุ่มนี้ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์
ว่าคณะสงฆ์ชุดนี้คงอยู่ได้ไม่เกิน ๗ วัน เห็นทีจะต้องถอนกลดกลับไปเป็นแน่ เพราะที่ผ่านมาทุกปีจะมีพระธุดงค์มาปักกลดยังที่แห่งนี้หลายต่อหลายรูป
แต่เพราะทนต่อสภาพความยากลำบากของพื้นที่ไม่ไหว จึงไม่เคยมีพระธุดงค์รูปใดอยู่ได้นานเลยสักรูป
">
แต่แล้วคนในหมู่บ้านต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อ 7 วันผ่านไปพระภิกษุชุดนี้ยังคง
">ปักหลักอยู่ที่เดิม มิได้ย้ายหายหนีไปไหน
มิหนำซ้ำยังดูมีทีท่าว่าการปรับพื้นที่ยังมีความเจิญก้าวหน้ามากขื้นเป็นลำดับอีกด้วย
พระภิกษุชุดแรกได้ช่วยกันบุกเบิกสร้างศูนย์การศึกษาแห่งนี้ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ จาก 7 วันเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน และกลายเป็นหลายปีในที่สุด
">
">">
เริ่มเห็นเป็นรูปร่าง
สามเณรเหล่ากอของสมณะ
">
">">">">">">">">">">">">">
">
">
">
">
เมื่อก่อสร้างธุดงคสถานครบ 1 ปี พระอาจารย์ กมล กมลสุโภ ได้เปิดโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนขึ้นเป็นครั้งแรก
มีบุตรหลานชาวบ้านในหมู่บ้าน ละแวกใกล้เคียงมาร่วมโครงการบรรพชากว่า 100 รูป สถานที่อบรมในโครงการบรรพชาสามเณรรุ่นแรกในครั้งนั้น คือ ศาลาจากซึ่งสร้างขึ้นจากความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้าน
ซึ่งเป็นศาสนสถานหลังแรกที่ขึ้นอย่างเป็นการถาวร
ก่อนจะรื้อถอนมาเป็นศาลาแก้วกายธรรมในปัจจุบัน
ศาลาจากแห่งนี้ได้เป็นทั้งที่ปฏิบัติธรรม ที่ฉันภัตตาหาร สถานศึกษาพระธรรมวินัย
และเป็นที่จำวัดไปพร้อมกัน สามเณรโรงเรียนเตรียมพุทธศาสตร์ในยุคแรก เมื่อจะเริ่มเรียนหนังสือต้องขึงซันแลนกั้นเป็นห้องๆ
คล้ายกับโรงเรียนประชาบาล ถึงเวลาสอนจะมีเสียงปะปนกันระเบ็งเซ็งแซ่
">
ยามฝนตกหนักหลังคามุงจากรั่วทำให้สามเณรทุกรูปพากันเปียกปอน กิจกรรมการเรียนจึงต้องเปลี่ยนไปตามสภาพดินฟ้าอากาศ
หากเกิดพายุฝนตอนกลางวันสามเณรต้องยืนฉันภัตตาหาร
หากฝนตกตอนกลางคืนก็เป็นที่รู้กันว่า คืนนั้นต้องทนนอนหนาวจำวัดท่ามกลางหยาดฝนเป็นแน่แท้
แม้จะจำวัดหลับบ้างไม่หลับบ้าง แต่สามเณรก็ได้เจริญพุทธานุสสติเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงใจ
ไปจนกระทั่งจบปีการศึกษาแรก
">
"> ลำบากขึ้นมาครั้งไหนสามเณรทุกรูปจะนึกถึงภาพความทุ่มเทเสียสละของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นึกถึงความเมตตาของพระอาจารย์
และนึกถึงความศรัทธาของญาติโยม ที่ต้องหาปัจจัยเลี้ยงชีพด้วยความยากลำบากเมื่อนำมาสร้างบุญ
เพื่อหวังว่าจะได้อานิสงส์ใหญ่จากเนื้อนาบุญในพระพุทธศาสนา จึงทำให้มีกำลังใจศึกษาและปฏิบัติธรรมต่อไปอย่างไม่ท้อถอย
สามเณร ณ ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ
">
">
">
">
">
">
">
">
">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">
">
">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">
">
">
">
">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">">
">
">
">
สามเณรวัชรินทร์ เจิมแสน สามเณรรุ่นแรกของศูนย์การศึกษาเขาแล้วเสด็จได้บอกเล่าถึงความประทับใจ
">
">
">
“สามเณรรักธุดงค์ และเคารพพระอาจารย์ทุกรูปเลยครับ มีความอบอุ่นและสุขใจเมื่อได้อยู่กับเพื่อนสามเณรที่เป็นเหมือนพี่น้องกันจริงๆ
มาอยู่ที่นี่สามเณรประทับใจธรรมะและการนั่งสมาธิที่พระอาจารย์สอน ทำให้สามเณรรู้ซึ้งถึงบาปบุญคุณโทษมากขึ้น ว่างๆ ท่านก็พาพัฒนาธุดงค์ ความตั้งใจ คือ อยากจะสอบให้ได้เปรียญธรรม
๙ ประโยค เป็นพระนาคหลวงให้ได้ครับ เเล้วจะกลับมาเป็นพระอาจารย์สอนสามเณรที่ธุดงค์ของเรา
และอยากจะเข้าถึงธรรม เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง”
หากใครได้มีโอกาสมาศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จในเวลานี้ จะพบเห็นพระภิกษุสามเณร ร่วมกันพัฒนาธุดงค์ในด้านต่างๆ
รวมไปถึงเด็กชายหญิงตัวเล็กๆ อายุประมาณ 7-8 ขวบ ช่วยกันปลูกและรดน้ำต้นไม้
เก็บขยะเพชรพลอย ด้วยความขะมักเขม้นและแจ่มใส เป็นที่น่าชื่นใจแก่ผู้พบเห็น
">
และนี่ คือ หัวใจของการสร้างคนให้เป็นคนดี ด้วยการเชื่อมโยง “บ้าน วัด และโรงเรียน” ได้อย่างแท้จริง
">
">สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
หนทางขรุขระที่เต็มไปด้วยปักโคลนเลนได้กลายเป็นถนนเข้าสู่พื้นที่ โดยถนนเส้นแรกนี้ คุณมาโนช ชัยสิทธิ เจ้าภาพผู้ถวายที่ดินได้ควบคุมการทำถนนด้วยตนเอง
ทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะศรัทธาเลื่อมใสในปฏิปทาของหมู่คณะ
ต่อมาจึงได้ขุดสระน้ำไว้เก็บกักน้ำ ซึ่งแต่เดิมพระภิกษุได้อาศัยน้ำฉันน้ำใช้จากลำธารสายเล็กๆ
ที่ไหลลงมาจากภูเขา ทว่าปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอ
ทั้งยังมีสารเคมีปนเปื้อนจากแปลงเกษตร ทำให้ช่วงหนึ่งพระภิกษุที่ใช้น้ำบริเวณนี้
ต่างประสบปัญหามือเปื่อยเท้าเปื่อยไปตามๆ กัน
คุณมาโนชจึงสร้างสระน้ำเพื่อเก็บน้ำสะอาดเอาไว้ให้พระภิกษุสามเณรได้ใช้
เขาแก้วเสด็จ ศูนย์ฝึกอบรมพระภิกษุที่ใหญที่สุดในเอเชียภูมิภาค
จากนั้นจึงมีสิ่งก่อสร้างที่ทยอยเกิดขึ้นตามลำดับ อาทิ กุฏิพระภิกษุ กุฏิสามเณร หอฉัน ศาลาแก้วกายธรรม โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา “เตรียมพุทธศาสตร์”
อาคารเรือนพยาบาล “อายุวัฒนะ” สระน้ำขนาดใหญ่ทั้ง ๓ สระ โรงกรองน้ำ ระบบไฟฟ้า โรงทานมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ Network
21 ที่ผลิตอาหารหล่อเลี้ยงพระภิกษุได้วันละหมื่นรูป และที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ คือ
ศูนย์ฝึกอบรมธรรมทายาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์
ศูนย์ฝึกอบรมพระภิกษุที่ใหญ่ที่สุดในแถบเอเชียภูมิภาคที่สามารถรองรับพระภิกษุได้เป็นเรือนพันในแต่ละครั้งของการอบรม
">
">
ณ เวลานี้ไม่ว่าจะมองไปทางใด ก็จะพบแต่ความสะอาดสะอ้าน
และสุขสงบด้วยการประพฤติปฏิบัติธรรม ดั่งชลอวัดป่าเวฬุวัน สถานที่ปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ในสมัยพุทธกาล ลงมาไว้เบื้องหน้าเขาแก้วเสด็จ ให้กลายเป็นเมืองแห่งธรรมะ
ที่สว่างไสวด้วยดวงใจของยอดนักสร้างบารมี ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ร่วมกันสร้างสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์กลางของการฝึกอบรมพระภิกษุที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งโลก
">
">
">">
โรงทานมหาเศรษฐีผู้ใจบุญ
ตลอด 1 ทศวรรษ ศูนย์การศึกษาเขาแล้วเสด็จได้สร้างคนดีให้เกิดขึ้นแก่สังคมอย่างมากมาย
เป็นดั่งเทียนเล่มน้อยที่จะคอยให้ความสว่างไสวสู่สังคมโลกในอนาคต แต่สันติธรรมอันอำไพจะเกิดขึ้นได้หรือไม่
ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของเหล่าพุทธบริษัท 4 ที่ช่วยกันส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยการไม่ทอดธุระหรือนิ่งดูดาย ท่านใดที่เคยมีส่วนร่วมสร้างศาสนสถานแห่งนี้ ก็ขอให้ท่านภาคภูมิใจไว้ว่าท่าน คือ
ผู้สถาปนาแหล่งแห่งการสร้างพระแท้และคนดีให้บังเกิดขึ้นในโลก บุญกุศลที่เกิดจากการสร้างวัด
สร้างศูนย์การศึกษา ซึ่งเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยสอนศีลธรรมให้กับประชาชนทั้งหลายนั้น
ย่อมมีอานิสงส์มากเกินกว่าจะนับจะประมาณได้
อานิสงส์นั้นอุปมาดั่งฝนรัตนชาติที่ตกทั่วแสนโกฏิอนันตจักรวาล
ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับทรัพย์สมบัติและอานิสงส์ที่พึงบังเกิดขึ้นกับผู้ที่มีส่วนสร้างศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ
เพราะบุญที่เกิดจากการสร้างศูนย์ฝึกอบรมพระ สร้างวิหารทานเพื่อรองรับคณะสงฆ์จากทิศทั้ง 4
นั้น ถือว่าเป็นบุญใหญ่ เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นการที่ท่านได้ร่วมบุญแม้เพียงเล็กน้อย
ไม่ว่าจะเป็นอิฐสักก้อน ตะปูสักตัว
หรือดินสักกำมือ ล้วนนำมาซึ่งหนทางแห่งการเข้าถึงธรรมของมนุษย์ทุกชีวิตทั้งสิ้น เพราะที่นี่ คือ แหล่งสร้างพระภิกษุสามเณร ซึ่งในอนาคต
พระภิกษุเหล่านั้นท่านก็จะย่ำธรรมยาตราออกไปประกาศพระพุทธศาสนา ยังพื้นที่ต่าง ๆ
ทั่วโลก
เขาแก้วเสด็จในวันนี้
">
">
">
">
">">">">
">">">">">">">">
">">">">">">">
">
">
">
">">">">">">">">">">
">
">
บัดนี้ ความพากเพียรทั้งหลายที่ทุกท่านได้ร่วมสถาปนาให้เกิดขึ้น
ได้สัมฤทธิ์ผลมา 1 ทศวรรษแล้ว นับจากวันนี้เป็นต้นไป
เราย่อมมีความหวังได้ว่า โลกใบนี้จะเกิดสันติสุขขึ้นอย่างแท้จริง เกิดจากที่นี่แหล่งสร้างพระแท้
เพื่อเผยแผ่ความรู้ที่แท้จริงไปทั่วโลก ซึ่งโลกได้รู้จักในนามว่า “ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ” ขุนเขาแห่งแก้วกายสิทธิ์และผ้ากาสาวพัสตร์ที่เรืองรองสว่างไสวไปทั่วโลก
">">">">">">">">">">">">">
">
">
">
">
">
">
">
">