กราบแทบเท้าคุณครูไม่ใหญ่ด้วยความเคารพรักอย่างสูง เจ้าค่ะ
เตี่ยของสามี นอกจากจะทำหน้าที่จัดส่งเนื้อหมูให้กับร้านค้าเป็นประจำทุกวันแล้ว เมื่อถึงวันตรุษจีนและสารทจีนของทุกปี เตี่ยก็ต้องมีหน้าที่เชือดคอไก่ที่ญาติๆนำมาให้เป็นประจำอีกด้วย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2522 ทางบ้านสามีได้ให้เตี่ยมาดูแลหอพักที่ทางครอบครัวสร้างไว้ให้นักศึกษาเช่า ทำให้เตี่ยก็ไม่ต้องส่งเนื้อหมูและไม่ต้องเชือดคอไก่อีกเลย ต่อมาเมื่อแม่สามีเสียชีวิตแล้ว ลูกๆก็ให้เตี่ยเลิกทำงาน และให้เตี่ยได้ทำบุญ โดยทำบุญในวันที่มีเทศกาลบุญต่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเตี่ยทำบุญหล่อพระประธาน เพื่อนำไปไว้ที่วัดต่างจังหวัดในเทศกาลทอดผ้าป่าด้วย
ต่อมาเตี่ยป่วยเป็น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ต้องผ่าตัดและเจาะช่องท้องให้ลำไส้โผล่ออกมาแล้วใช้ถุงรองรับอุจจาระที่ไหลออกมาจากลำไส้ ในช่วงปีสุดท้ายก่อนเตี่ยเสียชีวิตนั้น พี่สาวคนที่ 2 ของสามีได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัวให้กับเตี่ยและแม่ และได้นำรูปองค์พระธรรมกายมาให้เตี่ยดูด้วย ในช่วง 1 เดือนก่อนเสียชีวิต เตี่ยได้รับการผ่าตัดอีก แต่ครั้งนี้แผลผ่าตัดไม่ยอมประสาน และเตี่ยก็ร้องด้วยความเจ็บปวดอย่างมาก วันหนึ่ง เตี่ยได้พูดกับพี่สาวคนที่ 2 ว่าเตี่ยเห็นพระองค์ใหญ่สวยงามมาก พระองค์นี้สีเหลืองอร่าม สวยจริงๆ พี่สาวก็บอกให้เตี่ยยกมือไหว้องค์พระนั้น หลังจากนั้น 2 วัน เตี่ยก็เสียชีวิต อายุได้ 76 ปี
คุณพ่อของลูก เป็นคนจีน เดินทางมาตั้งตัวและมีครอบครัวที่เมืองไทย ในวัยหนุ่มคุณพ่อเป็นคนสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าบ้างตามงานสังคม ท่านเป็นคนใจดี มีเพื่อนฝูงมาก เมื่ออายุ 70 ปี คุณพ่อป่วยเป็น โรคมะเร็งลำไส้ ต้องตัดส่วนปลายของลำไส้ออก และใช้ถุงรองรับอุจจาระไว้ที่หน้าท้องเหมือนเตี่ยของสามี เมื่อคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว คุณแม่ก็โทรไปแจ้งญาติๆที่เมืองจีน ญาติๆตกใจมาก และเล่าให้คุณแม่ฟังว่าเห็นคุณพ่อมายืนที่หน้าบ้าน และเข้าไปในบ้าน เมื่อตามเข้าไปก็ไม่เห็นคุณพ่อ คุณพ่อเสียชีวิต เมื่ออายุ 76 ปี
สามีของลูก ก่อนแต่งงานเป็นคนที่ชอบเที่ยวเตร่และสูบบุหรี่จัดมาก แต่ขณะที่ลูกตั้งท้องคนแรก สามีก็หักดิบเลิกสูบบุหรี่ สามีของลูกทำงานมีเงินเดือนดีมาตลอด จนกระทั่งปี 2539 ทั้งตัวลูก และสามีถูกให้ออกจากงานในเวลาใกล้เคียงกัน ในช่วงนั้นเองลูกก็ได้พบกับกัลยาณมิตรชักชวนให้มานั่งสมาธิที่บ้านซึ่งเปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ได้ฟังธรรมและปฏิบัติธรรมแล้ว มีแต่ความสุข สบายใจ และเข้าใจในบุญมากขึ้น ลูกและสามีพร้อมทั้งลูกๆ ได้สร้างองค์พระธรรมกายทั้งที่บนโดม แกนกลาง ภายนอกและภายในมหาธรรมกายเจดีย์ และชวนญาติๆร่วมกันสร้างด้วยรวมแล้ว 20 องค์ และเชิญชวนผู้มีบุญมาร่วมสร้างองค์พระได้อีกประมาณ 20 องค์
ประมาณปี พ.ศ.2543 สามีก็ยังไม่มีงานประจำทำ แต่ก็รับเป็นเจ้าภาพสร้างสุขพิมาน ตอนนั้นได้อธิษฐานจิตขอบุญบารมีของหลวงปู่ฯช่วยให้ได้งานทำ ปรากฏว่าก็ได้งานทำจริงๆ เงินเดือนสูงสมใจ แต่ทำงานได้ 1 ปีก็ถูกเลิกจ้างอีกเพราะบริษัทถูกซื้อกิจการไป
ในปี 2545 สามีของลูกรับเป็นประธานกองกฐินพระราชฯ อยู่ดีๆก็มีงานพิเศษเข้ามา ทำอยู่ 2 เดือนก็สามารถปิดกองได้ สามีไม่มีงานประจำทำ แต่มีกิจการหอพักเล็กๆทำให้มีรายได้อยู่บ้าง แต่ก็ต้องผ่อนส่งหนี้ธนาคารทำให้ลำบากอยู่บ้าง กระทั่งลูกเองบางครั้งรู้สึกท้อใจ และบ่นว่าทำไมเราถึงแย่ลง งานที่ลูกทำประจำก็มีปัญหา ทั้งๆที่ทำบุญมาตลอด และเพื่อนที่ยืมเงินไปก็ไม่คืน แต่สามีกลับบอกว่า ให้ลูกทำใจใสๆ ให้ใจเย็นๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง อย่าน้อยใจในบุญ
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมปี 2546 สามีของลูกไม่สบาย มีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง พาไปที่โรงพยาบาล ได้ตรวจเลือด แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ คุณหมอจึงให้ยาแก้หวัดลดไข้แล้วให้กลับบ้าน ในคืนนั้น แม้กินยาลดไข้แล้วแต่สามีก็ยังมีไข้สูงอยู่ตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นไปโรงพยาบาลอีกครั้ง คุณหมอให้นอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ สามีถูกเจาะเลือดตรวจอีกหลายครั้งมากแต่ก็ไม่พบอะไร กระทั่งเย็นวันนั้นสามีของลูกเกือบไม่ได้สติแล้ว หมอตรวจสมองจึงพบว่า สมองบวม หลังจากนั้น สามีของลูกก็ได้แต่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงเกือบตลอดเวลา ละเมอพูดออกมาบ้าง ทั้ง ๆ ที่หลับตาอยู่อย่างนั้น
แม้ในเวลารับประทานอาหาร ลูกก็จะปลุกสามีขึ้นมา แต่ก็กินได้ 2-3 คำ แล้วก็หลับอีก จึงต้องให้น้ำเกลือแทน ทำให้ลูกต้องนั่งอยู่ใกล้ๆเพื่อคอยจับมือสามีไว้ไม่ให้ยกไม้ยกมือไปมาในขณะที่สามีของลูกละเมอ มิฉะนั้นแล้วเลือดก็จะไหลย้อนเข้าไปในสายน้ำเกลือ แต่เมื่อลูกสวดบทสรรเสริญมหาปูชนียาจารย์ทั้งสอง และพูดถึงบุญที่เคยทำมา ตั้งแต่มาวัดพระธรรมกายให้สามีฟัง อาการพูดละเมอและยกไม้ยกมือก็หยุดลง เหมือนกับว่านอนฟังอยู่นิ่ง ๆ ทั้ง ๆ ที่สามีของลูกดูเหมือนหลับไม่ได้สติเลย เป็นอย่างนี้อยู่ประมาณ 7 วัน คุณหมอคาดว่าจะเป็นวัณโรคขึ้นสมอง
ในระหว่างนั้น มีน้องผู้ประสานงานมาเยี่ยม พร้อมกับนำซีดี คำเทศนาของหลวงพ่อมาให้ โดยบอกว่าให้เปิดไว้ไม่ว่าสามีของลูกจะรับรู้หรือไม่ก็ตามเพื่อเป็นการคุมบุญให้สามี จะได้หายป่วยเร็ว ๆ
เมื่อผลตรวจออกมา พบว่าไม่ใช่วัณโรคขึ้นสมอง คุณหมอที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล เมตตามาดูแล และดูผล Lap แล้วบอกว่าเป็น ไวรัสขึ้นสมอง และสั่งให้ใช้ยาฆ่าไวรัสได้เลย ปรากฏว่าราวๆตี 5ของวันต่อมา สามีตื่นขึ้นมาเรียกตัวลูกและทำท่าจะลุกจากเตียงเองได้ สามีบอกว่าเหมือนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาเท่านั้น หลังจากนั้นอาการของสามีก็ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ
ในช่วงที่พักฟื้นที่โรงพยาบาลนั้น สามีบอกกับลูกว่าไม่สามารถลูบผมได้เลย เพราะลูบแล้วเหมือนมีเข็มมาแทงที่ศีรษะเป็นพันเล่ม อีกทั้งไม่รู้สึกปวดปัสสาวะเลย ซ้ำยังปัสสาวะไม่ออกเลยแม้ขณะที่ถ่ายอุจจาระ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดธรรมชาติมาก
- ถ้าเกิดเป็นมนุษย์อายุก็จะสั้น มีโรคภัยไข้เจ็บมาก และก่อนเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะไปเป็นหมูให้เขาฆ่าจ่ะ!
- ก่อนตายแม่สามีมีเหงื่อท่วมตัว ชักกระตุกอย่างแรง เพราะ ...หมดอายุขัยและวิบากกรรมปาณาติบาตมาตัดรอน ทำให้เกิดอาการอย่างนั้น
- ตายแล้วก็ไป “ยมโลก” เพราะวิบากกรรมปาณาติบาต กำลังถูกเชือดเฉือนชำแหละอยู่ในยมโลก ทุกข์ทรมานมาก ...ได้รับบุญที่อุทิศไปให้แล้วก็ได้รับลดหย่อนผ่อนโทษลงมา
- ท่านอยากพ้นทุกข์จากตรงนี้มาก ดังนั้นให้ลูกทำบุญแล้วอุทิศไปให้ท่านอีก บ่อยๆก็จะพ้นทุกข์ได้จ่ะ!
- บาปจะส่งผลให้เตี่ยช้ากว่าแม่ เพราะบุญที่ท่านทำในช่วงท้ายของชีวิต แต่อย่างไรก็ตามเมื่อบุญที่ตามมาส่งผลหมด ก็มีสิทธิ์ตกไปในอบาย และหากเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็อายุจะสั้นคล้ายแม่สามีจ่ะ!
- ส่วนสามีก็จะมีวิบากกรรมอยู่บ้าง แต่น้อยกว่าเตี่ยและแม่จ่ะ! เพราะสนับสนุนทางอ้อม
- เตี่ยตายแล้วก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อของ “ชั้นดาวดึงส์” เฟส 3 ตายแบบหลับแล้วตื่นขึ้น เพราะ บุญที่สร้างองค์พระตามมาส่งผลก่อนจ่ะ!
- ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้แล้ว ก็ทำให้ท่านมีสภาพที่ดีขึ้น
- ตอนนี้ท่านมีความสุขมาก ท่านก็ดีใจ และก็รู้ว่าที่ท่านมาอยู่ตรงนี้ ก็เพราะสร้างองค์พระ , แต่ท่านก็รู้ตัวว่า บุญที่ท่านทำยังน้อยอยู่ ก็จะมีอายุสั้นในเทวโลก ดังนั้นท่านจึงอยากได้บุญที่อุทิศไปให้ท่านอีกจ่ะ!
- เตี่ยเห็นแล้วก็ปีติในบุญมาก จึงทำให้ท่านไปสู่เทวโลกจ่ะ!
- ตายแล้วก็ไปเป็น “ภุมมเทวา” ระดับ กลางๆ อยู่ที่หมู่บ้านภุมมเทวาแห่งหนึ่งในประเทศจีน
- และได้ไปหาญาติที่เมืองจีนจริง ๆ จ่ะ!
- ท่านก็มีสภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยบุญที่ลูกอุทิศไปให้ท่าน , ท่านก็ดีใจและฝากขอบคุณมาด้วยจ่ะ! และดีใจที่ลูกยังไม่ลืมท่าน !
- ช่วงแรกหมอหาสาเหตุไม่เจอ เพราะ...วิบากกรรมยังไม่หมด จึงบดบังอยู่ เมื่อบุญที่ทำในปัจจุบันได้ช่องส่งผล ก็ทำให้พบเจอสาเหตุของโรคจ่ะ!
- ขณะพักฟื้นเอามือลูบผม แล้วเจ็บเหมือนใครเอาเข็มมาแทงที่ศีรษะ เพราะ...เป็นอาการของโรคที่ทำให้สมองบวม ใครเป็นก็มีอาการคล้าย ๆ อย่างนี้แหละจ่ะ!
- ปัสสาวะไม่ออก ก็ไม่เกี่ยวกับสัมภเวสี และไม่มีสัมภเวสี ใด ๆ มาเกาะติดกับตัวจ่ะ! แต่ก็เป็นอาการของโรค
- และที่ข้ามแม่น้ำหาย ก็เพราะบุญส่งผล จึงทำให้มาตัดรอนวิบากกรรม
- ดังนั้นจะข้ามแม่น้ำก็หาย , ไม่ข้ามก็หายจ่ะ!
-
หมอดูก็ว่าไปตามที่เขาเข้าใจ และเพื่อให้สบายใจ , เมื่อใจสบายก็มีส่วนทำให้หายเร็วขึ้นจ่ะ!
- ถึงอย่างไรก็ยังทำบุญอย่างเล็กๆ น้อยๆ เสมอ แบบเผื่อเหนียว ดังนั้น จึงทำให้มีรายได้จากหอพักบ้าง
- อย่างไรก็ตามชีวิตของสามีก็ไม่เรียกว่าตกอับ เหมือนคนอื่นบางคนที่มีฐานะแย่กว่านี้เยอะ , ดังนั้นอย่ากังวลใจไปเลย ไม่ช้าบุญที่ประกอบเหตุดีในปัจจุบันก็จะส่งผล ให้ทำบุญต่อไปจ่ะ!
- ให้ลูกนึกว่าเป็นการสงเคราะห์ญาติก็แล้วกัน จะได้เป็นบุญของลูก และ อย่าใช้คำว่าทำบุญไม่ขึ้น เพราะเรื่องของบุญ – บาปมันซับซ้อนจ่ะ!
- ทำบุญแล้วย่อมได้บุญ ซึ่งก็ต้องรอคอยการส่งผลคล้าย ๆ กับบาปแหละจ่ะ!
- ให้ลูกคิดใหม่ว่า บุญที่ทำเอาไว้ เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน แต่ก็รอเวลาทำงานอยู่ ก็เหมือนบาปเช่นเดียวกัน
- ดังนั้นให้รู้จักคิดให้บุญขยาย , หัวใจขยาย บาปจะได้ไม่ได้ช่อง แล้วสักวันหนึ่งก็จะสมหวัง อีกทั้งใจก็จะใสด้วยจ่ะ!
- โดยเฉพาะพุทธันดรที่ผ่านมา ก็มีฐานะดีมาก ได้ทำบุญ แต่ไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบ จึงทำให้มาช้า
- และมาชาตินี้วิบากกรรมเก่าที่เคยตระหนี่มาบางชาติ ตามมาตัดรอน จึงทำให้เป็นอย่างนี้ แต่ให้อดทนสร้างความดีเอาไว้ สักวันหนึ่งบุญก็จะส่งผลจ่ะ!
- ดังนั้นชาตินี้มาเจอกันแล้ว ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!