มูลกรรมฐานเรื่อง “นขา” ตอนที่ 2


[ 25 มี.ค. 2554 ] - [ 18294 ] LINE it!

ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2554
มูลกรรมฐานเรื่อง “นขา” ตอนที่ 2
 
มูลกรรมฐานเรื่อง “นขา” ตอนที่ 2
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
 
        ความเดิมจากตอนที่แล้ว... นขา หรือ เล็บ ถือเป็นอวัยวะที่ใครหลายๆคน ต่างให้ความสำคัญไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเส้นผมหรือผิวพรรณเลย แม้มันจะเป็นอวัยวะชิ้นเล็กๆที่มีอยู่เพียงแค่ยี่สิบชิ้นในร่างกาย แต่มันก็ถือว่าเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างหนึ่งในร่างกาย พูดง่ายๆว่า แม้มันมันจะมีขนาดเล็กกระจิริด แต่มือและเท้าก็ขาดเล็บไม่ได้
 
        ดังนั้น ถ้าจะให้พูดถึงหน้าที่และความสำคัญของเล็บกันแบบคร่าวๆ ก็สามารถแบ่งออกเป็นข้อๆได้ ดังนี้
 
อันดับแรก เอาไว้หยิบจับหรือฉีกสิ่งของที่มีขนาดเล็กๆ เพราะถ้าเราไม่มีเล็บเป็นแกนบังคับอยู่ที่ปลายนิ้วของเราแล้ว เราก็จะจับหรือฉีกสิ่งของที่เป็นชิ้นเล็กๆไม่ถนัด คือ อาจจะจับหลุดจับร่วงตลอด
 
อันดับที่สอง ทำให้การเดินหรือการวิ่งของเรามีประสิทธิภาพ เพราะถ้าเราไม่มีเล็บ เราก็จะเดินเหินไปไหนมาไหนไม่ถนัด
 
อันดับที่สาม เอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองเวลาเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ยกตัวอย่าง เช่น ในเวลาเจอคนมาทำร้าย (โดยเฉพาะท่านหญิง)-ก็ใช้เล็บนี่แหละเป็นอาวุธประจำกาย ในการจิกหรือข่วนตามใบหน้าและร่างกายของคนร้าย (ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว...ไม่รู้จะช่วยได้ขนาดไหน)-หรืออย่างในกรณีที่ภรรยาจับได้ว่า สามีของตนหนีออกไปเที่ยวกลางคืน เธอก็จะใช้วิชากรงเล็บแห่งความรัก ฝากรอยรักรอยเล็บให้กับคุณสามีสุดที่รักได้หลาบจำ เป็นต้น
 
อันดับที่สี่ เอาไว้ใช้แคะโน่นแคะนี่ เช่น ขี้มูก ขี้หู หรือขี้ต่างๆในร่างกายของเรา เพราะถ้าเราไม่มีเล็บก็คงแคะไม่ออก หรืออย่างเวลาที่เราคัน เราก็ได้เล็บนี่แหละเป็นตัวช่วยทำให้เราหายคัน เพราะถ้าหากไม่มีเล็บแล้ว ต่อให้เรานั่งเกาทั้งวันก็ไม่หาย
 
 บางครั้งเราก็ใช้เล็บแคะโน่นแคะนี่ หรือใช้เกา
 
อันดับที่ห้า เอาไว้ใช้เพื่อความสวยงามและช่วยเสริมความมั่นใจ อีกทั้งยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงลักษณะต่างๆของผู้ที่เป็นเจ้าของเล็บ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพ รสนิยมและบุคลิกภาพ ซึ่งความสำคัญข้อนี้...ทำให้ใครหลายๆคนโดยเฉพาะคุณผู้หญิง ต้องเสียสตางค์เดินเข้าออกร้านทำเล็บกันให้จ้าละหวั่น และด้วยความที่ใครหลายๆคน ต้องการให้เล็บของตนมีสุขภาพดี ดูสวยและดูดี ด้วยเหตุนี้จึงมีกิจกรรมการเสริมสวยเล็บเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน เช่น การล้างเล็บ เคลือบเล็บ การทาสีเล็บ หรือการเพนท์ลวดลายที่เล็บเพื่อให้เกิดความสวยงาม เป็นต้น เพราะฉะนั้น คนทั่วๆไป โดยเฉพาะคุณผู้หญิงแท้และคุณผู้หญิงเทียม จึงจัดว่าเล็บเป็นอวัยวะที่บ่งบอกถึงความสวยงามอย่างหนึ่ง
 
 คุณผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบที่จะตกแต่งเล็บให้สวยงาม
 
        หลังจากที่เราทราบถึงหน้าที่และความสำคัญของเล็บกันแบบคร่าวๆแล้ว เราลองมาดูลักษณะทางกายภาพของเล็บกันอีกสักนิดว่า มันประกอบไปด้วยอะไร สำหรับเล็บมือและเล็บเท้าของเรานั้น จะประกอบไปด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายและโปรตีนที่เรียกว่า เคราติน ลักษณะของเล็บปกติจะมีสีชมพูอ่อนๆที่มีผิวเรียบเสมอกัน จะไม่มีรอยหยักหรือโค้งงอแต่อย่างใด
 
 เล็บ ประกอบด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และโปรตีนที่เรียกว่า เคราติน
 
        นอกจากนี้ เล็บของเรายังสามารถเพิ่มความยาวได้ตลอดเวลา เพราะอัตราการงอกของเล็บจะอยู่ที่ประมาณ 0.1-0.2-มิลลิเมตรต่อวัน แต่อาจจะงอกได้ช้าหรือเร็วกว่านี้ได้บ้าง แล้วเรารู้หรือไม่ว่า ช่วงอายุเท่าไหร่ที่เล็บของเรางอกเร็วที่สุด คำตอบก็คือ ช่วงอายุประมาณ 15-30-ปีจะเป็นช่วงที่เล็บงอกเร็วที่สุด ซึ่งอัตราการงอกของเล็บมือจะยาวเร็วกว่าเล็บเท้าประมาณสองเท่า ดังนั้น เราจึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมเราถึงต้องตัดเล็บมือบ่อยกว่าเล็บเท้า
 
 คนในวัย 15-30 ปี จะเป็นช่วงเวลาที่เล็บยาวเร็วที่สุด
 
        ภายหลังจากที่เราได้ทราบถึงหน้าที่ และส่วนประกอบทางกายภาพของเล็บ กันแบบคร่าวๆแล้ว เราอาจจะสงสัยว่า ทำไมตามหลักพระพุทธศาสนา ถึงกล่าวว่า เล็บที่เราเห็นว่าสวย ที่เราเห็นว่างามและมีประโยชน์ เป็นสิ่งปฏิกูลหรือเป็นของไม่งาม ก็จะไม่ให้เป็นสิ่งปฏิกูลได้อย่างไรกันเล่า เพราะในความเป็นจริงแล้ว ที่เราเห็นว่าสวย ที่เราเห็นว่างาม มันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกที่เราเอาไปปรุงแต่งให้มันดูดีเท่านั้น เราลองไม่ตัด ไม่ทำความสะอาด หรือไม่เอาอะไรไปฉาบทาแต่งแต้มให้มันดูดี รับรองว่าเราจะต้องตกใจ เมื่อเราได้เห็นสภาพเล็บของเราในตอนนั้น
 
 หากเราได้ดูแลรักษาเล็บให้ดี เราคงต้องตกใจในสภาพที่เห็น
 
        และด้วยความที่เล็บมีซอกมีมุมอยู่มาก จึงทำให้ในเวลาที่เราต้องไปหยิบจับสิ่งของที่สกปรก (โดยเฉพาะคนที่เล็บยาวหรือคนที่ไว้เล็บ เชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย จึงฝังอยู่ตามซอกเล็บมือและเล็บเท้าของเราได้ง่าย ยิ่งถ้าใครเผลอเอาเล็บไปเกาหรือหยิบจับอาหาร ในขณะที่ยังมีเชื้อโรคฝังอยู่ในซอกเล็บ ก็อาจจะทำให้เกิดโรคผิวหนัง หรืออักเสบ และติดเชื้อทางร่างกาย จนถึงขั้นเสียชีวิตไปเลยก็มี เคยปรากฏเป็นข่าวที่โด่งดังมาแล้วว่า นางพยาบาลที่ไว้เล็บยาวจำนวนสองคนของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ในรัฐโอกลาโฮมา ประเทศสหรัฐอเมริกา มีส่วนทำให้เด็กทารกกว่า 16-รายเสียชีวิต เพราะติดเชื้อแบคทีเรียจากเล็บของพวกเธอ จากเรื่องราวที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงเป็นที่มาว่า ทำไม...ตามหลักพระพุทธศาสนา เล็บ จึงถูกเรียกว่าเป็นสิ่งปฏิกูลหรือเป็นของไม่สวยไม่งาม
 
 เชื้อโรคที่ติดอยู่ในซอกเล็บก็เป็นเหตุแห่งโรคต่างๆได้
 
        นอกจากเล็บจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคต่างๆแล้ว ในบางครั้ง ถ้าเราดูแลหรือตัดเล็บไม่ถูกจังหวะ กล่าวคือ ตัดเข้าเนื้อหรือตัดผิดมุม เวลาเล็บงอก ตัวของมันเองก็จะย้อนกลับไปทำให้ผู้เป็นเจ้าของเกิดอาการที่เรียกว่า เล็บขบ แบบไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน ซึ่งอาการเล็บขบนั้น ใครไม่เคยเป็นจะไม่รู้เลยว่า มันสุดแสนจะทรมานขนาดไหน นี่ขนาดเราตัดและดูแลรักษามัน มันยังทำให้เราเจ็บแสบได้ถึงขนาดนี้ นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ยอมดูแลรักษาเล็บเลย มันจะยิ่งขนาดไหน
 
 การตัดเล็บไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอาการเล็บขบ
 
        อีกหนึ่งอาการที่พบบ่อยที่สุด คือ อาการจมูกเล็บอักเสบ มักจะพบบ่อยในกลุ่มผู้หญิงที่เป็นแม่บ้าน หรือคนที่มือต้องเปียกน้ำอยู่บ่อยๆ หรือกลุ่มที่ชอบทำเล็บตามร้านเสริมสวย ซึ่งอาการอักเสบจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการตัดเล็มที่จมูกเล็บ หรือจมูกเล็บถูกเปิดออกจนทำให้เกิดช่องว่างในซอกเล็บ เมื่อมีน้ำเข้าไปเซาะขังอยู่ก็จะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในภายหลัง โดยจะมีอาการบวมแดงนูนออกมา ในบางครั้งก็จะมีอาการเจ็บปวดจากการอักเสบร่วมกับอาการคันอีกด้วย สำหรับคนที่เคยมีอาการจมูกเล็บอักเสบแล้ว จะไม่ค่อยหายขาด เนื่องจากช่องว่างระหว่างขอบเล็บจะไม่ปิดสนิท ด้วยเหตุนี้ คนกลุ่มนี้จึงต้องดูแลรักษาเล็บมากกว่าคนปกติ
 
 อาการจมูกเล็บอักเสบมักจะพบในผู้ที่มือต้องเปียกน้ำบ่อยๆ
 
        นอกจากอาการเล็บขบ และจมูกเล็บอักเสบแล้ว ยังมีโรคต่างๆที่เกิดจากเล็บอีกมากมาย เช่น เล็บเป็นเชื้อรา เล็บกร่อน สะเก็ดเงินที่เล็บ เป็นต้น มาถึงจุดนี้ เราจะเห็นได้ว่า แม้เล็บจะเป็นอวัยวะที่มีประโยชน์ แต่ในบางเวลามันก็มีโทษ ทำให้เราต้องทุกข์กายและทุกข์ใจด้วยเหมือนกัน ถ้าหากเราไม่ดูแลรักษา หรือดูแลรักษาอย่างไม่ถูกวิธี หรือดูแลรักษามันมากจนเกินไป เช่น เข้าร้านเสริมสวยเพื่อไปแต่งเล็บ ต่อเล็บ หรือเพนท์เล็บ มันก็อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เราต้องเสียสตางค์ และเสียใจเมื่อมีอาการผิดปกติดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เกิดขึ้นที่เล็บของเรา
 
 โรคต่างๆของเล็บมีมากมาย เช่น เล็บเป็นเชื้อรา เล็บกร่อน สะเกิดเงินที่เล็บ
 
        ด้วยเหตุที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ จึงสามารถสรุปใจความตามหลักพระพุทธศาสนาได้ว่า นขา หรือ เล็บ ถือเป็นสิ่งปฏิกูลที่เราทุกคนไม่ควรไปยึดติด และเห็นว่ามันเป็นของสวยของงาม เพราะการยึดติดในสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ใจเราออกห่างจากศูนย์กลางกาย และเป็นอุปสรรคต่อการทำใจหยุดใจนิ่ง
 
โปรดติดตามตอนต่อไป
 
มูลกรรมฐาน
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
มูลกรรมฐานเรื่อง “ ทันตา ” ตอนที่ 1มูลกรรมฐานเรื่อง “ ทันตา ” ตอนที่ 1

สุขที่สุดเมื่อได้มาหยุดนิ่งในเพศสมณะสุขที่สุดเมื่อได้มาหยุดนิ่งในเพศสมณะ

จากเจ้าของร้านโลกไซเบอร์ขอมาบวชเป็นSuper Monkจากเจ้าของร้านโลกไซเบอร์ขอมาบวชเป็นSuper Monk



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ช่วงเด่นฝันในฝัน