ข้อคิดปริศนาธรรม...พิธีกรรมงานศพ


[ 24 พ.ค. 2554 ] - [ 18276 ] LINE it!

 
 
ปริศนาธรรมพิธีกรรมงานศพ
 
ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีหนีไม่พ้น
 
ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น
 
        ศาสนพิธี ประเพณี พิธีกรรมต่าง ๆ การกระทำแต่ละขั้นตอนนั้น โบราณ ท่านได้สอนธรรมะไว้ใน พิธีกรรม เหล่านั้นไว้ด้วยอุบายอันแยบคาย เช่น ประเพณี พิธีกรรมใน งานศพ การรดน้ำ ที่มือของผู้ตาย ซึ่งบางท่านเข้าใจว่าเป็นการขอ อโหสิกรรม ความจริงแล้วมุ่งเตือนสติผู้ที่มาร่วมงานว่าผู้ที่ตายทุกคนไปแต่มือเปล่าไม่ ได้อะไรติดตัวไปเลย แม้แต่น้ำที่เทลงฝ่ามือก็ไหลร่วง เอาเงินเหรียญ ใส่ปาก ก็เพื่อจะเตือนให้รู้ว่า แม้แต่บาทเดียวก็เอาไปไม่ได้ เพราะ สัปเหร่อ บางคนเขายังควักออกมา มัดตราสังข์ สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี-ภรรยา มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไป นิพพาน ไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ใน สังสารวัฏฏ์ ไม่มีจบสิ้น
 
แสงพระธรรมนำหนทางสู่พระนิพพาน
แสงพระธรรมนำหนทางสู่พระนิพพาน
 
        เคาะโลง รับศีล ไม่ใช่ให้ คนตาย มารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่าเอาแต่มัวเมาประมาทขาดสติ ไม่สนใจใน หลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้ จุดตะเกียง หรือ จุดเทียน ไว้ หน้าศพ เตือนให้รู้ว่าการเกิดของคนเราต้องการแสงสว่าง ต้องมี พระธรรม เป็น ดวงประทีป ช่วยส่องทาง เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต สวดอภิธรรม มักสวดเป็น ภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้ คนตาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นการ สวด เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติให้เกิดผลดีใน ชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับ เสียงพระสวด ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็เกิดสมาธิจิตได้
 
การเวียนไหว้
มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อให้หลุดพ้น
 
        บวชหน้าไฟ มักเข้าใจว่า เป็นการบวชจูงผู้ตาย ขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟเป็นการ ปลงธรรมสังเวชไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่ มรรคผลนิพพาน การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่า ตอนที่ยังอยู่ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าได้เดินตาม พระธรรมคำสอน ของพระนั่นเอง จึงอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า การ เวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การ เวียนว่ายตายเกิด อยู่ใน ภพทั้งสาม อันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจ กิเลสตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย
 
หนทางสู่พระนิพพาน
หนทางสู่พระนิพพาน
 
        การใช้ น้ำมะพร้าว ล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่ มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำพระธรรม การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บ อัฐิ และมีการเขี่ย ขี้เถ้า ผู้ตายให้เป็นรูปร่าง กลับไปกลับมาเพื่อจะบอกว่า ได้กลับชาติใหม่แล้ว ตามวิบากของกรรมต่อไป
 
        ว่ากันโดยสาระแล้ว การสวดพระออภิธรรม ทั้งหลายนั้น .. ไม่ใช่ปริศนาธรรม แต่อย่างใดครับ เป็นการ แสดงธรรมออกมาตรงๆ เลย เพียงแต่ เป็นแค่ โดยสรุป เท่านั้น .. ซึ่งสวด ออกมาเพื่อ สอนคนเป็น คนตายไม่เกี่ยวพระอภิธรรมที่แสดงออกมาในงานศพ นั้น เป็น ธรรมขั้นสูง (ไม่ใช่โลกธรรม) จุดประสงค์ก็เพื่อให้ มองเห็นความจริง ที่เกี่ยวกับ ทุกข์ อันเนื่องมาจาก การ เกิด แก่ เจ็บ สุดท้ายก็ตาย .. วนเวียนไปเรื่อยๆ และหาทาง ดับวงจรดังกล่าวให้ได้
 
ในบทสวดพระอภิธรรมนั้น เรียงลำดับไว้ดังนี้
 
1. พระสังคิณี  2.พระวิภังค์   3.พระธาตุกะถา  4.พระปุคคะละปัญญัตติ  5.พระกถาวัตถุ 6.พระยะมะกะ  7.พระมหาปัฏฐาน
 
        ดังนั้นจึงนิยมเรียกว่า พระอภิธรรม 7 คัมภีร์เรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ งมงาย ไร้เหตุผล ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ หากแต่อยู่บนพื้นฐานของการปฏิบัติ และรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น ดังที่กล่าวไว้ว่า
" พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว เป็นธรรมที่ ศึกษาและปฎิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นธรรมที่ ปฎิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวเชิญกับผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน
 
 
 
       
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อนาถใจตายไปเป็น เปรตกอบแกลบ  เปรตเล็บเป็นหอกเป็นดาบอนาถใจตายไปเป็น เปรตกอบแกลบ เปรตเล็บเป็นหอกเป็นดาบ

สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา

ความรัก ความเป็นอยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาความรัก ความเป็นอยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ตายแล้วไปไหน