ความรัก ความเป็นอยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา


[ 30 พ.ค. 2554 ] - [ 18271 ] LINE it!

ตายแล้วไปไหน
ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
 
ความรัก ความเป็นอยู่ของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
การเสพกามของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
สวรรค์ชั้น 1 ยังข้องเกี่ยวกับการเสพกาม แต่ไม่ตั้งครรภ์
 
การอุบัติและการบริโภคกามของชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
     สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาจัดอยู่ในกามภพ คือ ภพยังข้องเกี่ยวกับการเสพกามอยู่ ในสวรรค์ชั้นนี้ มีการเสพกามเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่ว่ามีความละเอียดอ่อนกว่า และการบริโภคกามแต่ละชั้นก็แตกต่างกัน การบริโภคกามของสวรรค์ชั้นนี้ ก็คล้ายมนุษย์และมีน้ำเป็นที่สุด
 
     ในสวรรค์ชั้นนี้ จะมีการเกิดที่หลากหลาย เพราะมีการเกิดของเหล่าเทวดาได้ถึง 4 แบบ คือ
 
     เกิดแบบโอปปาติกะ คือ เกิดแบบไม่ต้องมีบิดามารดาเป็นแดนเกิด เกิดแล้วก็โตทันที เป็นพวกเทพบุตรเทพธิดา ชั้นสูง
 
     เกิดแบบสังเสทชะ คือ เกิดในเหงื่อไคล น้ำหมักหมม การเกิดแบบนี้ มีทั้งครุฑ นาค ยักษ์
 
การอุบัติของชาวสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามี 4 แบบ
การเกิดของเหล่าเทวดาทั้ง 4 แบบ
 
     เกิดแบบชลาพุชะ คือ เกิดจากครรภ์มารดา มีการครองเรือนเหมือนมนุษย์ การเสพกามก็คล้ายมนุษย์ โดยมีน้ำเป็นที่สุด แล้วก็มีวิตถารเหมือนมนุษย์ และก็มีเพศที่ 3 พวก เป็นพวกกะเทยเหมือนอย่างมนุษย์
 
     เกิดแบบอัณฑชะ คือ เกิดในฟองไข่ แล้วก็เป็นตัว เหมือนพวกครุฑ พวกนาค เป็นต้น การเกิดในกำเนิดต่างๆ นั้น ก็เกิดตามกำลังบุญ ถ้าบุญมากก็เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที หากบุญหย่อนหน่อยก็เกิดแบบสังเสทชะ ถ้าบุญน้อยมาอีกก็เกิดแบบชลาพุชะ ถ้าบุญน้อยที่สุดก็เกิดแบบอัณฑชะ
 
ระบบการปกครองของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
     ท้าวมหาราชทั้ง 4 เป็นพุทธศาสนิกชน ที่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย มีหน้าที่ดูแลสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา และดูแลปกครองทวีปทั้ง 4 ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ จะมีการแบ่งสายการปกครอง เป็น 4 สาย ตามเผ่าพันธุ์ของสวรรค์ชั้นนี้ ระบบการปกครองไม่ใช่ประชาธิปไตยเหมือนมนุษย์ แต่เป็นการปกครองระบบปุญญาธิปไตย คือคนมีบุญมาก ปกครองคนมีบุญน้อย ระบบการปกครองของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกามีดังนี้
 
ท้าวมหาราชซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชนทำหน้าที่ดูแลปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ท้าวมหาราชทั้ง 4 ดูแลสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
อีกทั้งยังดูแลปกครองทวีปทั้ง 4 ที่มนุษย์อาศัยอยู่ด้วย
 
     1. ท้าวธตรฐ ปกครองสวรรค์ด้านทิศตะวันออก มีหน้าที่ปกครองเทวดา 3 พวก ได้แก่ คนธรรพ์ วิทยาธร และกุมภัณฑ์
 
     คนธรรพ์ เป็นเทวดาที่เกิดอยู่ตามไม้หอม 10 จำพวก ได้แก่ รากไม้ แก่นไม้ เนื้อไม้ เปลือกไม้ น้ำหอม ตะคละต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ ผลไม้ เหง้าใต้ดิน คนธรรพ์มี 3 ประเภท ได้แก่ คนธรรพ์ชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นล่าง
 
     คนธรรพ์ชั้นสูง มีวิมานอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เช่น ปัญจสิกขเทวบุตร มีเทพธิดาประจำอยู่ในวิมาน คนธรรพ์ชั้นกลาง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ มีวิมานอยู่ในต้นไม้ เป็นบริวารของคนธรรพ์ชั้นสูง ส่วนคนธรรพ์ชั้นล่างอยู่บนพื้นมนุษย์ เป็นชาวพื้นบ้าน มีทั้งที่มีครอบครัว และไม่มีครอบครัว สิงอยู่ในต้นไม้จำพวกไม้หอม เช่น นางตะเคียน นางตานี
 
     คนธรรพ์มีความถนัดในการดนตรี การละคร ระบำรำฟ้อน ศิลปะ วรรณกรรม กวีนิพนธ์ เมื่อมีเทวสมาคมครั้งใดคนธรรพ์มักทำหน้าที่ ขับกล่อมให้ความสำราญแก่หมู่ทวยเทพทั้งหลาย คนธรรพ์นี้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ทำบุญเจือด้วยกามคุณ จึงได้มาเกิดเป็นคนธรรพ์
 
     วิทยาธร เป็นพวกที่ทรงความรู้ในศาสตร์ต่างๆ ตั้งแต่ศิลปศาสตร์ 18 ประการ เป็นพวกที่ศึกษาศาสตร์ ต่างๆ เช่น แพทยศาสตร์ โหราศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น พวกนี้เหาะได้ มีเวทมนต์ คาถา อาคมต่างๆ วิทยาธร มีรูปร่างหลากหลาย อยู่แบบเดี่ยวก็มี อยู่เป็นหมู่เป็นกลุ่ม ก็มี มีคู่ครองก็มี ไม่มีคู่ครองก็มี เป็นทั้งฤาษี นักบวช นักพรต คล้ายๆ มนุษย์ธรรมดาก็มี
 
กุมภัณฑ์ที่มีน่าตาไม่น่ากลัว
กุมภัณฑ์ที่ไม่น่ากลัวเหมือนยักษ์ ผมหยิก ผิวดำ ท้องโต พุงโร
 
     กุมภัณฑ์นี้มีรูปร่างแปลก หน้าตาพองๆ ไม่น่ากลัวเหมือนยักษ์ และก็ไม่ใช่ยักษ์ ไม่มีเขี้ยว ผมหยิกๆ ผิวดำ ท้องโต พุงโร และมีอัณฑะเหมือนหม้อ กุมภัณฑ์มีตั้งแต่ ชั้นสูงจนถึงชั้นล่าง มีหน้าที่ลงไปทรมานสัตว์นรกในยมโลก
 
     2. ท้าววิรุฬหก ปกครองสวรรค์ด้านทิศใต้ มี หน้าที่ปกครองพวกครุฑ เหตุที่มาเกิดเป็นครุฑ เพราะทำ บุญเจือด้วยมานะทิฏฐิ มีความถือตัวอยู่มาก
 
     3. ท้าววิรูปักษ์ ปกครองสวรรค์ด้านทิศตะวันตก มีหน้าที่ปกครองพวกนาค เหตุที่มาเกิดเป็นนาคเพราะ ทำบุญเจือด้วยมานะทิฏฐิ มีความถือตัวอยู่มาก
 
     พญานาค เป็นราชาแห่งงู จัดเป็นเดรัจฉานด้วย เหมือนกัน เพราะมีลำตัวไปทางขวางและไม่สามารถบรรลุธรรมได้ แต่ก็จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาด้วย นาคแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูล วิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง ตระกูลเอราปถ พญานาค ตระกูลสีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง และตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ 
 
พญานาคในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
ราชาแห่งงู คือพญานาคมีที่อยู่ตั้งแต่แม่น้ำ ลำคลอง บึงต่างๆ ไปจนถึงสวรรค์ชั้น 1
 
     พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที แบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม แบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์ แบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่ พญานาคชั้นสูงเกิดแบบโอปปาติกะ เป็นชนชั้นปกครอง ที่อยู่ของพญานาคมีตั้งแต่ในแม่น้ำ หนอง คลอง บึงต่างๆ ในอากาศ จนไปถึงบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
     4. ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวรมหาราช ปกครองสวรรค์ด้านทิศเหนือ มีหน้าที่ปกครองพวกยักษ์ เหตุที่มาเกิดเป็นยักษ์เพราะทำบุญเจือด้วยความโกรธ มักหงุดหงิดรำคาญใจเป็นอาจิณ
 
     ยักษ์ คือ ผู้ที่เขาบูชาเซ่นสรวง หรือ ผู้ทำความพยายามให้เขาบูชาเซ่นสรวง ยักษ์มีหลายระดับ ตั้งแต่ยักษ์ชั้นสูง ยักษ์ชั้นกลาง ยักษ์ชั้นล่าง มีความละเอียดประณีตแตกต่างกันตามกำลังบุญ ถ้ายักษ์ชั้นสูง จะมีวิมาน เป็นทอง มีรูปร่างสวยงาม มีเครื่องประดับ มีรัศมี แต่ผิวจะดำ ดำอมเขียว อมเหลือง ดำแดงก็มี แต่ว่าดำเนียน มีอาหารทิพย์ มีบริวารคอยรับใช้ เวลาโกรธจึงจะมีเขี้ยวงอกออกมา
 
     ส่วนยักษ์ชั้นต่ำที่บุญน้อย ก็จะมีรูปร่างน่าเกลียด ผมหยิก ตัวดำ ตาโปน ผิวหยาบเหมือนกระดาษทราย นิสัยดุร้าย ขนาดของยักษ์ มีตั้งแต่ตัวป้อมๆ ตัวอ้วนล่ำ ตัวใหญ่ ตัวเตี้ยก็มี ขนของยักษ์มีหลายแบบ ไม่มีขนก็มี มีขนก็มี ที่มีขนก็มีหลายแบบ ทั้งขนยาว ขนสั้น ขนเหนียว ผมของยักษ์ก็มีทั้งผมเหยียด ผมยาว ผมกระเซอะกระเซิง หัวล้านไม่มีผมก็มี ตาของยักษ์ มีตั้งแต่ ตาโปน ตาถลึง ตาแดง ตาเหลือก ตาเข ตาบอด
 
ยักษ์น่าตาน่ากลัว มีเขี้ยวยาว ผิวดำ
ยักษ์ในสวรรค์ชั้น 1 มีทั้งชั้นสูง ชั้นกลาง และชั้นล่าง
 
     ยักษ์เกิดได้ 3 แบบ คือ เกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที ชลาพุชะ เกิดในครรภ์ และสังเสทชะ เกิดในเหงื่อไคล ที่อยู่ของยักษ์ก็มีอยู่ตามถ้ำ ตามเขา ในน้ำ ในดิน พื้นมนุษย์ บนอากาศ และมีวิมานอยู่ที่ เขาสิเนรุในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
     การปกครองของชาวสวรรค์ชั้นนี้ จะแบ่งเขตเหมือนในเมืองมนุษย์ แล้วบางเขตก็จะปรับเปลี่ยนตามพื้นมนุษย์ เพราะมนุษย์จะปรับเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อยๆ การแบ่งเขตการปกครองก็เพื่อให้สังคมของตัวเองอยู่เย็นเป็นสุข เพราะอย่างไรก็ยังมีกิเลสอยู่ และเทวดาชั้นนี้มีบุญน้อยกว่าเทวดาชั้นอื่น มีโอกาสจะเบียดเบียนกันง่าย เช่น พวกยักษ์ก็จะปกครองกันตั้งแต่สวรรค์ที่เขาสิเนรุ ไล่เรื่อยไปจนถึงอากาสเทวา รุกขเทวา ภุมมเทวาที่ปนอยู่บนพื้นมนุษย์ ไม่ให้ทะเลาะกัน ไม่ให้เบียดเบียนกันเอง และก็ไม่ให้เบียดเบียนมนุษย์ และดูแลรักษามนุษย์ด้วย และก็ไม่ให้เบียดเบียนข้ามเขตแดนกัน ข้ามเผ่าพันธุ์กัน ระหว่างยักษ์ ครุฑ นาค คนธรรพ์ ให้อยู่กันอย่างเป็นสุข โดยที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 จะประชุมปรึกษาหารือกันอยู่บ่อยๆ เพื่อให้การปกครองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งท่านจะมีความรักสามัคคีกัน และยังมีที่ปรึกษา มีอำมาตย์ เสนาบดี ในการช่วยดูแล คล้ายกับเมืองมนุษย์อีกด้วย
 
วิญญาณเร่ร่อนหรือผีตามศาลเจ้า
พวกผีสาง นางไม้ จะมีเทวดาคอยดูแลอีกชั้นหนึ่งเพื่อไม่ให้มาเบียดเบียนมนุษย์
 
     การปกครองในพื้นมนุษย์ ถ้าสถานที่ใดที่มีเทวดาผู้มีศักดิ์ใหญ่ปกครอง คือ มีบุญมาก มีรัศมีมาก มีสมบัติอันเป็นทิพย์มาก ถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตรงนั้นจะเจริญ ถ้าเทวดาศักดิ์ปานกลางความเจริญก็ลดลงมา ถ้าเทวดาที่มีศักดิ์น้อย บุญน้อย ที่ตรงนั้นก็เจริญน้อยลง เขาก็จะปกครองตามลำดับชั้นกันอย่างนั้น และที่สำคัญก็มีหน้าที่ดูแลคุ้มครองรักษามนุษย์ ไม่ให้พวกอมนุษย์ พวกผีสาง พวกนางไม้ พวกยักษ์ มาเบียดเบียนมนุษย์ เพราะพวกนี้บุญน้อย จึงคิดไม่ค่อยเป็น แล้วพื้นที่ใดที่มนุษย์สั่งสมบุญมาก เทวดาเหล่านี้ก็จะลงมาดูแลรักษามาก แล้วยิ่งมนุษย์ทำบุญแล้วอุทิศไปให้ผู้ปกครองเขต เขาจะอนุโมทนาบุญ แล้วก็ยิ่งลงมารักษา ทำให้มนุษย์คนนั้นเจริญรุ่งเรือง เทวดาจะเป็นส่วนเสริมบุญในตัวของคนนั้นเป็นหลัก
 
บทความที่เกี่ยวข้องกับความรักของเทวดาในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
 
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ความงดงามของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

การเลือกคู่และการรับน้องใหม่ที่ดาวดึงส์การเลือกคู่และการรับน้องใหม่ที่ดาวดึงส์

เทวดาทำสิ่งใดในวันพระเทวดาทำสิ่งใดในวันพระ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ตายแล้วไปไหน