โลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด


[ 14 มิ.ย. 2554 ] - [ 18284 ] LINE it!

ตายแล้วไปไหน
ชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร
 
โลกุตตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
 
     ในบทนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจข้อมูลฐานในเรื่องของโลกุตรภูมิเสียก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกันว่า มีความหมายอย่างไร มีศัพท์อะไรบ้างที่ต้องรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าใจเนื้อหาของบทต่อๆ ไป
 
หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
โลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3
 
1. ภูมิของพระโสดาบัน เป็นภูมิลำดับแรกในโลกุตรภูมิ เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน เป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น ผู้ที่เป็นพระโสดาบัน มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ได้ 3 อย่าง คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส จะกลับมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ
 
2. ภูมิของพระสกิทาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 2 เป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ที่จะกลับมาเกิดอีกเพียงครั้งเดียว ผู้ที่จะเข้าถึงสภาวะของความเป็นพระสกิทาคามี จะต้องผ่านความเป็นพระโสดาบันก่อน พระสกิทาคามี มีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์ที่พระโสดาบันละได้ และสามารถขจัดสังโยชน์เพิ่มอีก 2 ตัว คือ กามราคะ และปฏิฆะ ให้เบาบางลงได้อีกด้วย
 
3. ภูมิของพระอนาคามี เป็นโลกุตรภูมิลำดับที่ 3 ของโลกุตรภูมิ ซึ่งจะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นพระโสดาบัน และพระสกิทาคามีมาตามลำดับ จึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอนาคามี พระอนาคามีมีคุณวิเศษสามารถละสังโยชน์เบื้องต่ำทั้ง 5 อย่าง ซึ่งละสังโยชน์ต่อจากพระสกิทาคามีอีก 2 อย่าง คือ กามราคะ และปฏิฆะ ผู้ที่เป็นพระอนาคามี เมื่อละโลกแล้ว จะบังเกิดในพรหมชั้นสุทธาวาสและบรรลุพระอรหันต์บนนั้น ไม่กลับมาเกิดอีก
 
4. ภูมิของพระอรหันต์ เป็นโลกุตรภูมิลำดับสุดท้าย อันเป็นภูมิขั้นสูงสุดของโลกุตรภูมิ เป็นเป้าหมายอันสูงสุดของมวลมนุษยชาติ การจะเป็นพระอรหันต์จะต้องเจริญภาวนาผ่านความเป็นอริยบุคคลทั้ง 3 ขั้นมาตามลำดับ แล้วจึงจะเข้าถึงภาวะแห่งความเป็นพระอรหันต์ได้ คุณวิเศษของพระอรหันต์ คือ นอกจากละสังโยชน์เบื้องต่ำได้ 5 ประการแล้ว ในขั้นนี้สามารถละสังโยชน์เบื้องสูงอีก 5 ประการ คือ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เมื่อละกิเลสได้หมดแล้ว ได้ชื่อว่าเป็นพระอรหันต์ อันเป็นการทำกิจของการเกิดเป็นมนุษย์ได้สมบูรณ์แล้ว เป็นผู้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ อย่างเต็มเปี่ยม เป็นผู้ที่ควรแก่การบูชา และได้ชื่อว่าเป็นทักขิไณยบุคคลโดยแท้
 
โลกุตรภูมิเลิศกว่าสมบัติทั้งปวง
ทิพยสมบัติใดๆ ก็ไม่อาจเทียบโลกุตรภูมิได้
 
      ในบทความที่ผ่านมาทั้งหลายนั้นท่านได้ทำความเข้าใจในเรื่องปรโลก อันเป็นสถานที่อยู่ของชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายหลังจากละโลกไปแล้ว อันเป็นสถานที่หมู่สัตว์ทั้งหลายจะต้องเวียนว่ายตายเกิด อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น โดยมีมนุษยภูมิเป็นศูนย์กลางแห่งการสร้างบุญและบาป อบายภูมิเป็นสถานที่รองรับผู้ที่สร้างบาปอกุศลหลังจากละโลกแล้ว เทวภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ เป็นสถานที่รองรับผู้ที่สร้างกุศลหลังจากละโลก แต่ภูมิทั้งหลายเหล่านั้นยังตกอยู่ในกฎของไตรลักษณ์ ในภูมิที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น จัดอยู่ในโลกิยภูมิ คือ ภูมิของปุถุชน ผู้ที่ยังท่องเที่ยวไปในภพ 3 มีทั้งสุขและทุกข์อย่างไม่มีวันที่สิ้นสุด
 
      ในบทนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจในเรื่องของโลกุตรภูมิ ซึ่งเป็นภูมิของพระอริยบุคคล อันเป็นภูมิที่พ้นจากภพ 3 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดตามลำดับของการตัดละกิเลส ไปสู่ฝั่งพระนิพพาน และอันเป้าหมายสูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์
 
ความเข้าใจเบื้องต้นเรื่องโลกุตรภูมิ
 
     ในหัวข้อแรกนี้ท่านจะได้ทำความเข้าใจข้อมูลฐานในเรื่องของโลกุตรภูมิ เสียก่อน เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกันว่า มีความหมายอย่างไร มีศัพท์อะไรบ้างที่ต้องรู้ และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เข้าใจเนื้อหาของบทต่อไป
 
     โลกุตรภูมิ1 คือ ภูมิหรือชั้นที่พ้นจากภพ 3 คือ กามภพ รูปภพ อรูปภพ หมายถึง ระดับจิตของพระอริยบุคคลที่พ้นจากกิเลสโดยเด็ดขาดตามลำดับ และรวมถึงอมตมหานิพพานด้วย ได้แก่ มรรค 4 ผล 4 และนิพพาน 1 หรือเรียกว่า โลกุตรธรรม 9 ซึ่งเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคน จำเป็นต้องรู้อย่างยิ่ง ไม่รู้ไม่ได้ ไม่รู้อันตราย ทั้งนี้เพราะเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิต
 
บรรลุมรรคผลนิพพาน
อริยบุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษมีโสดาปัตติมรรค มนุษย์หรือเทวดาก็เป็นอริยบุคคลได้
 
ศัพท์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโลกุตรภูมิ ที่ต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นมีดังนี้
 
     ปุถุชน คือ ผู้ที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลส คนที่มีกิเลสมาก หมายถึง คนธรรมดาทั่วไปที่ยังตกอยู่ในอำนาจกิเลส ทั้งโลภะ โทสะ และโมหะ รวมถึงเหล่าเทวดาที่ยังมิได้บรรลุธรรมในขั้นต่างๆ ด้วย
 
     อริยบุคคล คือ ผู้ไกลจากกิเลส หรือ บุคคลผู้บรรลุธรรมวิเศษ มีโสดาปัตติมรรค เป็นต้น ไม่ทำบาป อกุศลแม้เพียงเล็กน้อย สามารถสละชีวิตของตนได้เพื่อรักษาคุณธรรมเอาไว้ อีกทั้งมีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ จึงได้รับการขนานนามว่า พระอริยเจ้า และไม่ว่าจะอยู่ในเพศภาวะของบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ เป็นมนุษย์หรือเทวดาก็เป็นพระอริยบุคคลได้เหมือนกัน
 
อนุสัย คือ กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดาน มี 7 ประการ คือ
 
1. กามราคะ ความกำหนัดยินดี
2. ปฏิฆะ ความหงุดหงิด
3. ทิฏฐิ ความเห็นผิด
4. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
5. มานะ ความถือตัว
6. ภวราคะ ความกำหนัดในภพ
7. อวิชชา ความไม่รู้
 
สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ หรือธรรมที่มัดใจสัตว์ไว้กับ ทุกข์ มี 10 ประการ คือ โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ประการ ได้แก่
 
1. สักกายทิฏฐิ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน
2. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย
3. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นในศีลพรต
4. กามฉันทะ ความพอใจในกามคุณ
5. พยาบาท ความคิดแค้นผู้อื่น
และอุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ประการ ได้แก่
6. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต
7. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม
8. มานะ ความถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี่
9. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน
10. อวิชชา ความไม่รู้จริง
 
     ในบทต่อไปที่นผู้อ่านจะได้เรียนรู้ถึงรายละเอียดต่างๆ ของโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
 
1ภูมินานัตตญาณนิทเทส, ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค, มก. เล่ม 68 ข้อ 175 หน้า 812
 
รับชมวิดีโอ
 

รายการวิดีโอที่เกี่ยวข้อง

ธรรมะเพื่อประชาชน
 
บทความที่เกี่ยวข้องกับโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โสดาบันโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพานโสดาบันโลกุตรภูมิ ภูมิที่พ้นจากภพ 3 ของผู้ถึงกระแสพระนิพพาน

ภพภูมิของผู้ที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเพียงครั้งเดียวภพภูมิของผู้ที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกเพียงครั้งเดียว

อนาคามีโลกุตรภูมิ ภูมิของผู้ที่จะไม่กลับมาเกิดในกามภพอีกอนาคามีโลกุตรภูมิ ภูมิของผู้ที่จะไม่กลับมาเกิดในกามภพอีก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ตายแล้วไปไหน