ทันโลก ทันธรรม
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />ตอน แพลงกิ้ง – หยุดนิ่งโลกทั้งใบ
" />
" />
...ในปัจจุบัน กระแสการทำท่า “แกล้งตาย” (Planking) กำลังเป็นที่ฮือฮาทั่วไปทั้งในโลกอินเตอร์เน็ต รวมถึงในนิตยสารหลายฉบับ วันนี้เราลองเกาะกระแสในเรื่องดังกล่าวกันนะคะ..
ท่า Planking หรือ "ท่าแกล้งตาย" ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้
Planking คือ?
Planking นั้นเป็นปรากฏการณ์ทางด้านสังคม ที่มาจากคำว่า “Fad” ซึ่งหมายถึง สิ่งที่นิยมชมชอบชั่วครั้งชั่วคราว และทำต่อๆ กันมา เกิดขึ้นและจบลงในช่วงเวลาสั้นๆ Planking เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ว่ากันว่า... มีที่มาจากประเทศอังกฤษ เมื่อปี 1997 ได้มี บุคคลท่านหนึ่งเล่นเกม ที่เรียกว่า “lying down game” คือเกมนอนคว่ำหน้า ซึ่งกติกาของเกมดังกล่าวมีกฎว่า จะต้องมีการนอนคว่ำหน้า โดยที่มือสองข้างแนบติดกับลำตัว ทำตัวแข็ง และจึงเกิดความท้าทายที่ว่าจะทำให้พลิกแพลงได้อย่างไรให้ดูท้าทายยิ่งขึ้น เช่น ยิ่งทำในที่สาธารณะเท่าไร ในที่ที่ยิ่งยากเท่าไร จะยิ่งตื่นเต้น โดยมีการแข่งขันกัน เช่น เล่นบนกำแพง บนหลังคา บนที่สูง บนบันได
" />
" />
" />
" />
และเมื่อปลายปี 2010 เร็วๆนี้เอง การกระทำดังกล่าวไปยังประเทศต่างๆ ทั้งประเทศ จีน นิวซีแลนด์ จนมาถึงออสเตรเลีย ทางออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จึงได้ตั้งชื่อเกมนี้ขึ้นมาใหม่ว่า “Planking” ซึ่งมีความหมายว่า “ไม้กระดาน” คือให้ทำตัวแข็งเหมือนไม้กระดาน และเป็นกระแสผ่านทางโลกออนไลน์ โดยการแข่งขันโพสต์ท่าที่แปลกมากๆ ขึ้นไป จนก่อเกิดภาพที่พิเรนทร์และเป็นอันตราย เช่น ไปนอนคว่ำบนหลังคารถตำรวจบ้าง นอนบนท่อโรงกลั่นน้ำมันจนโดนไล่ออกจากงานบ้าง กระทั่งนอนบนระเบียงตึกจนพลัดตกลงมาเสียชีวิตก็มี
" />
กระแสตอบรับจากสังคมในเรื่องดังกล่าว?
ในเรื่องของกระแสนั้นส่วนใหญ่คนจะให้ความสนใจโดยคำนึงถึงว่าการกระทำดังกล่าวนั้นมีสาระสำคัญแค่ไหน จรรโลงสังคมหรือไม่ มันทำให้คน “รู้สึกดี” ขึ้นหรืออย่างไร หรือเป็นเพียงแค่การ “ตอบสนองความอยาก” ของวัยรุ่น หรือ ในกลุ่มคนที่คิดอะไรแผลงๆ แล้วรู้สึกว่าตนเองได้ทำอะไร “ประหลาด” ซึ่ง “ท่าแกล้งตาย” (planking) ดังกล่าว สังคมมองว่าเป็นเรื่องแผลง และแปลกประหลาด และไม่ยอมรับเป็นลักษณะโดยรวม โดยมองเป็นเรื่อง “ไร้สาระ”
สองสาวชาวไต้หวัน จินหยู-คาเรน ทำท่า Planking เพื่ออุดมการณ์บางอย่าง
แต่ในความไร้สาระนั้น ก็มี 2 สาวชาวไต้หวัน คาเรน กับ จินหยู ที่นำเสนอ แพลงกิ้ง ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์คือมีอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือสุนัขเร่ร่อน , การโปรโมทสถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งของไต้หวัน รวมถึงการรณรงค์ในเรื่องของการหยุดทรมานสัตว์ หรือการฆ่าสัตว์ โดยนำหนังหรือขนมาเป็นเครื่องประดับ เป็นต้น
ซึ่งในทางการเมืองก็มีการทำแพลงกิ้งเพื่อเรียกร้องสิ่งต่างๆ ที่ตนต้องการ โดยการทำ แพลงกิ้งหมู่ เพื่ออุดมการณ์ของหมู่คณะ เป็นต้น
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
ท่านั่งพับเพียบ จาก พับเพียบไทยแลนด์ ที่กำลังเป็นกระแสดังไม่น้อยไปว่า Planking
และ เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีกระแสมาว่า ทำไมต้องไปเลียนแบบฝรั่ง จึงมีท่า ไทยๆ ออกมา คือ การ “นั่งพับเพียบ” โดยใช้ชื่อว่า “พับเพียบไทยแลนด์” ขึ้นมาใน Facebook ปรากฏว่ามีคนกด Like ไปแล้วถึง 2 แสนกว่าคน ซึ่งในส่วนของแพลงกิ้งเองนั้นมีเพียง 1.7 แสนเท่านั้นเองถึงแม้จะเป็นกระแสที่มาก่อนก็ตาม
ซึ่งสโลแกน ของพับเพียบไทยแลนด์นั้น คือ “วันนี้คุณพับเพียบหรือยัง” หรือ “ไม่อันตราย งามอย่างไทย ผู้ใหญ่รัก”
ซึ่งไม่ว่าจะเป็น แพลงกิ้ง หรือ พับเพียบ นั้น ขึ้นอยู่กับความหมายของสิ่งที่ทำ ว่า “ทำแล้วทำให้อะไรดีขึ้นบ้าง”
" />
" />
" />
เลวิเทติ้ง หรือ การลอยตัวกลางอากาศ เป็นอีกหนึ่งกระแสซึ่งฮิตในขณะนี้
อีกหนึ่งกระแสซึ่งกำลังมาแรงนั้นคือ "เลวิเทติ้ง" หรือ “การกระโดดลอยตัว” กลางอากาศแล้วถ่ายภาพไว้ให้ดูเหมือนกำลังลอยได้
จากพฤติกรรม “แผลงๆ” ดังกล่าว เป็นการกระทำเพื่อสร้างความท้าทายดังกล่าวนี้ หลายๆ คนอาจสงสัยว่า “ทำทำไม” “ทำแล้วได้อะไร” ซึ่งเราต้องยอมรับว่า สังคมในปัจจุบันนี้ เป็นช่วงที่
“ มนุษย์ยังหาสิ่งที่แสวงหาไม่ชัดเจน หรือยังไม่ทราบถึง “เป้าหมายที่แท้จริง” ของตนเองว่าคืออะไรกันแน่ และ “เกิดมาทำไม” การกระทำดังกล่าวจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองความท้าทายข้างใน เพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง และหากเราสามารถเจาะเข้าไปตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะทำท่าไหนก็จะสามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้อยู่ดี “
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />และมีอีกท่าที่น่าสนใจไม่แพ้แพลงกิ้งซึ่งนั่นก็คือ....
" />
Peace Position- ณ ศูนย์กลางกาย
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
"ความดีสากลที่ทุกคนสามารถทำได้"
ซึ่งถ้าหากเราเพียงสนใจตามดู เพื่อรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในสังคม เพียงแต่ถ้าใครคิดจะเลียนแบบขอให้ถามตัวเองสักนิดว่า... “ทำเพื่ออะไร”
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" />
" /> คนในยุคปัจจุบันจำนวนไม่น้อยที่ “ขาดความรัก” ต้องการความสนใจจากคนรอบข้าง เช่นเจาะตามเนื้อตัวต่างๆ การย้อมผม หรือ การทำอะไรแปลก เพื่อให้ดูเป็นจุดสนใจ ซึ่งอย่างไรก็ยังดูเป็นเรื่องไม่ปกติ แต่ผู้ทำนั้นทำไป เพียงเพื่อต้องการให้คนสนใจและชดเชย “ความรักที่ขาดหาย” เท่านั้นเอง
นอกจากนี้ท่าที่ควรทำให้เป็นกระแสติดระดับโลกอีกท่าหนึ่ง นั่นก็คือ ท่า “Peace Position” หรือท่านั่งสมาธิ นั่นเอง ซึ่งเป็นท่าที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิบัติในตอนที่ตรัสรู้ธรรม เมื่อวันวิสาขบูชา 2500 ปีก่อน ซึ่งเป็นท่าปิดอบาย เปิดสวรรค์ และหนทางพระนิพพาน
" />
" />
การนำเสนอ ความ “แผลง” ผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ตนั้น เราก็ควรจะรู้ว่า ควรนำเสนออย่างไรให้ดูมีประโยชน์ เช่น ท่าพับเพียบ อย่างนี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยก็เป็นการสื่อเอกลักษณ์แห่งวัฒนธรรมไทย
Peace Position นั้น เป็นท่าที่ทำให้เราพบกับความสุขทั้งในชาตินี้และชาติหน้าได้ ซึ่งจะเป็นความสุขที่ไม่ใช่เฉพาะตัวเอง แต่ยังเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวและสังคมคนรอบข้าง และทั่วโลก และถ้าหากท่านี้ฮิตกันไปทั่วโลกแล้วนั้น “สันติสุขและความร่มเย็น” ก็จะเกิดขึ้นทั่วโลก...
" />
"เรามารวมใจกันเปลี่ยนโลกใบนี้"
โดย ทำท่า Peace Position กันทั่วโลก
ฝากทิ้งท้ายไว้ดังนี้ว่า...ภาพหนึ่งภาพนั้น สามารถสื่อความหมายได้แทนคำหลายคำและทำให้เกิดกระแสได้ทั้งในทางบวก และ ลบ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราควรจะสื่อออกมานั้น ควรเป็นภาพที่ดี เป็นภาพที่สื่อให้เห็นถึง สันติภาพ หรือ สันติสุข ที่เราสามารถสร้างได้เอง โดยเริ่มต้นจากความสงบข้างใน จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่าน ใช้ท่า peace position เพื่อสื่อถึงแรงบันดาลใจ ในทางที่ดี ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโลกให้สว่างไสวทั้งภายนอกและภายใน เป็นการเปลี่ยนโลกสู่ความสว่างไสว หรือที่เรียกว่า Change The World นั่นเอง...
" />
Desktop Version
