อานิสงส์ถวายภัตตาหาร


[ 15 ส.ค. 2554 ] - [ 18330 ] LINE it!

อานิสงส์ถวายภัตตาหาร
 

 
     ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมา  มีจุดสุดท้ายที่เหมือนกัน คือ ล้วนบ่ายหน้าไปสู่ความตาย ความตายนั้นติดตัวเรามาพร้อมๆ กับการลืมตาขึ้นมาดูโลก บัณฑิตนักปราชญ์ผู้มีปัญญาจะมองเห็นว่า ความตายไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว แต่เป็นเครื่องเตือนสติไม่ให้ประมาทมัวเมาในชีวิต จะได้ดำรงตนให้เหมาะสมกับการเกิดมาเป็นมนุษย์  เมื่อทราบว่า ไม่สามารถที่จะพ้นจากพญามัจจุราชไปได้ ก็ตั้งใจสร้างบุญบารมีอย่างเต็มที่  
 
     เมื่อถึงเวลาที่จะละจากโลกนี้ไป ก็จากไปอย่างไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่ย้ายที่อยู่ที่ทำงานใหม่  ไปสู่ภพภูมิที่เหมาะสม  กับบุญบารมีที่ได้ทำเอาไว้  เสวยผลบุญรอเวลาที่จะมาสร้างบารมีต่อไปในโลกมนุษย์  สร้างบารมีไปจนกว่าจะสามารถขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไปได้  เมื่อนั้นก็จะหลุดพ้นจากพญามัจจุราช ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
 
มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน อันนสังสาวกเถราปทาน ความว่า
 
     “เรามีปีติอย่างยิ่ง เพราะได้เห็นพระสัมพุทธเจ้า ผู้มีพระฉวีวรรณดั่งทองคำพระนามว่าสิทธัตถะ เสด็จดำเนินอยู่ในระหว่างชุมชน  มีพระลักษณะประเสริฐ ๓๒ ประการ ดังดวงประทีปส่องโลกให้โชติช่วงหาประมาณมิได้ ไม่มีใครเปรียบ ทรงฝึกพระองค์แล้ว ยังความรุ่งเรืองให้ปรากฏ  เราถวายอภิวาทพระสัมพุทธเจ้า นิมนต์พระองค์ผู้เป็นมหามุนีให้เสวยภัตตาหาร พระมุนีผู้ประกอบด้วยมหากรุณาในโลก  ทรงอนุโมทนาแก่เราในกาลนั้น เรายังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณาพระองค์นั้น  ทำความแช่มชื่นเบิกบานแล้ว  ได้บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดหนึ่งกัป ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้  เราได้ถวายทานใดในเวลานั้น ด้วยผลแห่งทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายภัตตาหาร”
 
     นี้เป็นคำกล่าวของพระเถระรูปหนึ่ง ที่ท่านบรรลุพระอรหันต์แล้วได้ระลึกถึงบุพกรรมที่ได้สร้างเอาไว้ในอดีต  ท่านประกาศบุพกรรมท่ามกลางมหาชน ทำให้สาธุชนทั้งหลายต่างก็เชื่อมั่นในผลแห่งกรรมว่า  ผลบุญนี้มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ
 
     การถวายทาน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในชีวิตของทุกๆ คน  เพราะเราเกิดมาในโลกนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยปัจจัยสี่ในการดำรงชีพ คือ ต้องมีอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ในแต่ละภพแต่ละชาติที่ทุกๆ คนเกิดมา จะมีบุญเก่าคอยหล่อเลี้ยง  หากใครก็ตามที่ได้สร้างมหาทานบารมีเอาไว้มาก  การเกิดขึ้นของปัจจัยสี่ก็สะดวกสบายเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย
 
     พระเถระรูปนี้นับว่าท่านเป็นผู้ที่มีบุญเก่าสั่งสมมาดี เพราะท่านได้มองย้อนไปดูประวัติในแต่ละภพแต่ละชาติ ทำให้ทราบว่า  ท่านเป็นผู้ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา  และได้บำเพ็ญบุญไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ อันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาหลายภพหลายชาติ ทำให้บุญที่สั่งสมเอาไว้ส่งผลให้เจริญรุ่งเรือง เป็นบุญต่อบุญ  สมบัติต่อสมบัติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แม้จะเกิดในยุคใดก็ตาม ท่านก็มีโอกาสสร้างบุญทุกๆ ครั้งตามกำลังและสภาวะของตนในภพชาตินั้นๆ
 
     * แม้ในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ  ท่านได้บังเกิดในตระกูลหนึ่ง  ตอนนั้นยังไม่ทราบถึงการเสด็จอุบัติขึ้นของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ใช้ชีวิตเยี่ยงชาวโลกทั่วๆ ไป โดยไม่ได้สร้างบุญอะไรเป็นพิเศษ  แต่อานุภาพแห่งบุญที่ท่านเคยทำต่อเนื่องกันมาหลายชาติ ได้ส่งผลให้ตัวท่านเป็นผู้มีจิตเมตตา อ่อนโยนกับทุกๆ คน ไม่เป็นคนตระหนี่และไร้น้ำใจแต่อย่างใด  
 
   วันหนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริก ผ่านไปยังเมืองที่กุลบุตรท่านนี้อาศัยอยู่ กุลบุตรผู้ใจบุญเมื่อเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้งดงามด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ  และมณฑลแห่งพระรัศมีด้านละวา  กำลังเสด็จบิณฑบาตอยู่ ก็มีจิตเลื่อมใส คิดในใจทันทีว่า
 
     สมณะรูปนี้งดงามน่าเลื่อมใสยิ่งนัก ต้องเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงคุณอันประเสริฐเป็นแน่แท้ เป็นบุญลาภของเราแล้วหนอที่จะได้สร้างบุญใหญกับพระพุทธองค์ เมื่อดำริอย่างนี้ก็ก้มลงกราบพระผู้มีพระภาคเจ้า พร้อมกับอาราธนาพระพุทธองค์ว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ขอพระองค์จงอนุเคราะห์ข้าพระองค์ด้วยเถิด  ข้าพระองค์ปรารถนาที่จะได้บุญใหญ่  โอกาสที่พระองค์จะผ่านมาทางนี้  ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายเลย  ข้าพระองค์อยากจะถวายภัตตาหารอันควรแก่สมณบริโภค ขอพระพุทธองค์ทรงรับอาราธนาด้วยเถิด”  พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงรับด้วยอาการดุษณี
 
     กุลบุตรท่านนี้ดีใจมาก เชื้อเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าไปที่บ้าน  แล้วน้อมถวายภัตตาหารมีรสเลิศ ยังพระศาสดาให้บริโภคอิ่มหนำสำราญด้วยข้าวและน้ำอันประณี  ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผ่านไป การถวายภัตตาหารในครั้งนั้น ได้ประทับอยู่ในใจของกุลบุตรนั้นมาตลอดเวลา  ด้วยอานุภาพแห่งการถวายภัตตาหารด้วยจิตที่เลื่อมใสอย่างไม่มีประมาณนั้น หลังจากที่ละโลกนี้ไป ทำให้ท่านไปบังเกิดในเทวโลก เสวยทิพยสมบัติอันโอฬารอย่างยาวนาน เวียนวนอยู่ในเทวโลกกับมนุษยโลกหลายภพหลายชาติทีเดียว
 
     จนกระทั่งมาถึงสมัยพุทธกาลในยุคของเรานี้  ท่านได้บังเกิดในตระกูลหนึ่ง ในยุคนั้น พระสัทธรรมกำลังรุ่งเรือง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนายังแว่นแคว้นต่างๆ ทั่วชมพูทวีป แม้แต่พระพุทธองค์เองก็เสด็จจาริกไปตามเมืองต่างๆ  เพื่อประกาศพระสัทธรรมเช่นกัน  มนุษย์และเทวดาทั้งหลายที่มีโอกาสได้ฟังธรรมก็ได้บรรลุธรรม ตามกำลังบุญของตนเป็นจำนวนมาก  กุลบุตรผู้มีบุญนี้ก็มีโอกาสได้ฟังธรรม  และเกิดความเลื่อมใสอย่างยิ่ง กอปรกับบุญเก่าส่งหนุนนำให้ได้คิดว่า
 
     การใช้ชีวิตฆราวาสนั้น เป็นชีวิตที่คับแคบ ไม่เป็นอิสระจากอาสวกิเลสทั้งหลาย ตัวเราเองเป็นผู้ที่มีโอกาสดี  ที่ได้เกิดมาพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  เราไม่ควรที่จะปล่อยโอกาสดีๆ ให้ผ่านไป  ควรที่เราจะหาโอกาสปฏิบัติธรรมให้เต็มที่  ท่านจึงตัดสินใจออกบวช เรียนกรรมฐานแล้วก็ตั้งใจปฏิบัติธรรม บุญในตัวที่ได้สั่งสมมาดี ได้ส่งผลให้ท่านเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมได้อย่างสะดวกสบาย  สามารถเจริญวิปัสสนาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ในเวลาไม่นานนัก  ด้วยอานุภาพบุญเก่าที่ได้สร้างมหาทานบารมีนั้น จึงทำให้ท่านปรากฏนามว่า อันนสังสาวกเถระ คือ ผู้สมปรารถนาด้วยอำนาจแห่งบุญที่ตนทำไว้ในกาลก่อน
 
     ต่อมาภายหลัง ท่านได้ระลึกถึงบุพกรรมของตน  ได้เห็นภาพแห่งการสร้างบารมีที่ผ่านมาจึงเกิดโสมนัส  เมื่อจะประกาศปุพพจริตาปทาน คือเรื่องราวการสร้างบารมี ที่ตนเองได้สั่งสมไว้ในกาลก่อน จึงเปล่งอุทานว่า “เราบรรลุพระอรหัตด้วยอานุภาพแห่งบุญ คือ การถวายภัตตาหารในกาลนั้น อานุภาพบุญนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ได้ตามส่งผลให้เราหลายภพหลายชาติ คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖  เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว  ผู้ใคร่ในบุญทั้งหลาย พึงทำบุญอย่าได้ประมาทในการสร้างบุญ  คือ การถวายภัตตาหารเลย
 
     นี่คือเรื่องราวการสร้างบารมีของพระอรหันตเถระผู้ทรงคุณวิเศษ  ท่านได้ยืนยันในการสร้างบารมีว่า ใครทำบุญไว้ดีแล้ว ผลบุญที่บังเกิดขึ้นจะบันดาลให้สำเร็จสมปรารถนาในชีวิต ได้บรรลุจุดหมายปลายทางคือมรรคผลนิพพานอย่างแน่นอน และบุญจะคอยคํ้าจุนให้เราได้พบเจอแต่สิ่งที่ดีงามตลอดชีวิต
 
     ดังนั้น พวกเราทุกคนไม่ควรที่จะมองข้ามมหากุศลจากการถวายสังฆทาน เพราะพระพุทธองค์ตรัสว่า พระราชาเป็นประมุขของพสกนิกร  สมุทรสาครเป็นประมุขของแม่น้ำทุกสาย ดวงจันทร์ฉาย สว่างไสวกว่าหมู่ดาวในท้องนภากาศ  ดวงภาณุมาศเป็นเลิศกว่าบรรดาวัตถุธาตุที่นำความร้อนทั้งหมด ส่วนพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นประมุขของทายกผู้หวังบุญ พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศของโลก เป็นบุญเขตที่พวกเราทั้งหลายควรจะตักตวงเอาบุญให้ได้เต็มที่ ด้วยการไปถวายภัตตาหารที่วัดใกล้บ้านของเรา  นอกจากนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นการให้กำลังใจท่านในการประพฤติพรหมจรรย์  เพื่อทำความบริสุทธิ์ให้ยิ่งๆ ขึ้นไป  บุญนี้จะได้ติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน

พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๑๐๑
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานิสงส์ถวายน้ำผึ้งอานิสงส์ถวายน้ำผึ้ง

อานิสงส์ถวายขนมสดอานิสงส์ถวายขนมสด

อานิสงส์ถวายผ้าเนื้อดีอานิสงส์ถวายผ้าเนื้อดี



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน