รายการทันโลก ทันธรรม
การฟื้นฟูประเทศ
การฟื้นฟูสู่ความยั่งยืน
มหาอุทกภัยปี 2554
การฟื้นฟูสู่ความยั่งยืน
มหาอุทกภัยปี 2554 นี้ นับว่าร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
เพราะว่ามีน้ำท่วมใหญ่ตามลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
ตั้งแต่ภาคเหนือไล่ลงมาตามสายน้ำจนมาถึงกรุงเทพและออกไปที่อ่าวไทย ทำให้มีจังหวัดที่ถูกน้ำท่วมเกือบ
30 จังหวัด พื้นที่การเกษตรเสียหายไปถึง 11 ล้านไร่
และมีผู้ได้รับความเดือดร้อนถึง 3 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต ห้าร้อยกว่าคน มูดี้ส์
อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
ประเมินค่าความเสียหายประมาณ 2 แสนล้านบาท
จึงถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนจะต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
แต่ก่อนที่จะไปสู่กระบวนการแก้ไขอย่างยั่งยืน
เรามาศึกษาสาเหตุของน้ำท่วมใหญ่อย่างยั่งยืนกันก่อน
">น้ำท่วมมีสาเหตุอยู่ 2 สาเหตุ สาเหตุแรกคือธรรมชาติ สาเหตุที่สองคือมนุษย์
ในแง่ของธรรมชาติเราต้องมองภูมิศาสตร์ของประเทศไทย
เราอยู่ในเขตมรสุม ข้างบนมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ข้างล่างมีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
เพราะฉะนั้นก็พร้อมที่จะเกิดมรสุม เกิดพายุโซนร้อน พายุไต้ฝุ่นอยู่ตลอดเวลา
สาเหตุที่สองคือมนุษย์
ในเรื่องของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเราเปลี่ยนแปลงไป ประเทศไทยของเราอยู่ในเขตที่มีฝนเยอะ
มีน้ำเยอะเป็นบางช่วง เพราะฉะนั้นประวัติศาสตร์ของเรา เรามีบ้านเป็นแบบใต้ถุนสูง
ถ้าน้ำมาก็จะไปเร็ว เพราะใต้ถุนสูง ไม่มีอะไรขวางทางน้ำ แต่ปัจจุบันนี้บ้านเรือนเป็นแบบยุโรป
คือติดพื้นดินซึ่งเป็นการขวางทางน้ำ
ลักษณะบ้านในอดีตและปัจจุบัน
นอกจากวิถีชีวิตของคนไทยที่เปลี่ยนไปแล้วนั่น
ยังมีเรื่องของการตัดไม้ทำลายป่า ปกติต้นไม้จะทำหน้าที่ซับน้ำ พอต้นไม้น้อยลง
ฝนตกลงมา ก็จะมีน้ำหลากสู่พื้นดินข้างล่าง ไหลเข้าไปตามแม่น้ำต่างๆ
เอ่อล้นแม่น้ำออกมา ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าต้นไม้มีน้อยทำให้น้ำหลากเร็ว
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการกำหนดผังเมืองรวม
เช่น อยุธยาเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ไม่ใช่อู่รถ ไม่ใช่อู่เครื่องจักร เพราะฉะนั้นคำว่าอู่ข้าว
อู่น้ำ มีความหมายว่า เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พอนำมาสร้างเป็นนิคมอุตสาหกรรม
คอนโคที่อยู่อาศัยก็ตามมา แรงงานกว่า 3 แสนเข้ามาจึงกลายเป็นการขวางทางน้ำไปในตัว เพราะเขตอุตสาหกรรมต่างๆ นี้ไปอยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา
ซึ่งเดิมเป็นทางน้ำหลาก หรือที่เรียกว่า Floodplain คือพื้นที่ลุ่มที่น้ำจากแม่น้ำที่ล้นออกมาจะมาผ่านมาทางนี้แล้วจึงไหลลงสู่ทะเล ในปัจจุบันนี้เราไม่มีวิธีการคำนวณ 100 year
flood หรือการคำนวณจากน้ำท่วมใหญ่ 100 ปีที่ผ่านมา ว่า 100
ปีที่ผ่านมามีน้ำท่วมใหญ่แค่ไหน การคำนวณต่างๆ โครงสร้างของตึก ทางน้ำไหลต่างๆ
ต้องวางแผนให้พร้อมรองรับ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเกิดน้ำท่วมเพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ถ้าท่วมก็ไม่เดือดร้อนมาก แต่ประเทศเราไม่ได้มีการวางแผนเอาไว้เลย
ใครอยากสร้างอะไรก็สร้าง สร้างขวางทางน้ำไว้หมดเลย
ในวิกฤตน้ำท่วมนี้เราก็จะได้โอกาสที่จะมองภาพรวมแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน
ในบางประเทศเขาวางแผนไปในระดับพันปี บางประเทศก็ร้อยปีอย่างมาเลเซีย
ซึ่งเราก็ต้องไปดูประวัติศาสตร์ว่าเราจะวางแผนอย่างไรซึ่งก็ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาดูแล
เช่น การป้องกันน้ำท่วมในระดับชุมชน การล้นของแม่น้ำ ลักษณะเขื่อนควรจะเป็นอย่างไร
คำว่าน้ำท่วม 100 ปี
ไม่ใช่ว่ามันจะท่วมใหญ่ทุกๆ 100 ปี แต่หมายความว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นถ้าเราวางแผนป้องกันไว้
100 ปี โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็แค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้หมายความว่าปีหน้าน้ำจะไม่ท่วม
เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมการให้พร้อม
Floodway ที่ประเทศแคนาดา
ในส่วนของการระบายน้ำ คู คลองต่างๆ
ทั้งถนนที่ไปสร้างทับคลองทั้งหลายก็ควรจะมีการวางแผนขุดเจาะให้เป็นทางน้ำผ่าน
พื้นที่ไหนควรจะเป็น Floodway เป็น Floodplain
ในเรื่องของ Floodway นี้มีมานานแล้ว เช่น
ที่แคนาดา เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมทำให้มียอดผู้เสียชีวิตกว่าร้อยคน
จึงได้มีการสร้างทางน้ำท่วมหรือ Floodway ซึ่งเป็นการขุดหลุมลงไปความยาว
47 กิโลเมตร ซึ่งตอนนั้นน้ำที่ท่วมคือน้ำจากแม่น้ำแดง ซึ่งทางน้ำผ่านนี้สร้างตั้งแต่ปี
1967 มีมากว่า 40 ปีแล้วและใช้งานไปกว่า 20 ครั้งแล้วจากเหตุการณ์น้ำหลาก
ป้องกันความเสียหายได้หลายแสนล้านเลยทีเดียว ด้วยงบประมาณการสร้างพันกว่าล้านบาท
ซึ่ง Floodway ของแคนาดานี้ สามารถระบายน้ำได้ 2,550 ลูกบาศก์เมตร
ต่อวินาที หรือ 10 นาทีระบายได้หมดประเทศไทย
ส่วนประเทศเนเธอร์แลนด์
ที่มีลักษณะของพื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และบางพื้นที่ก็สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกิน
1 เมตร ถ้าน้ำทะเลหนุนเมื่อไหร่ก็มีโอกาสที่จะท่วมได้ทันทีเพราะที่เนเธอแลนด์น้ำทะเลหนุนที
5 เมตร ด้วยเหตุนี้เนเธอร์แลนด์จึงสร้างเขื่อนกั้นน้ำ จากนั้นจึงได้เกิดเดลต้า เวิร์ค ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างชุดใหญ่ที่บริเวณปากแม่น้ำ
Rhine-Scheldt ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อกั้นการท่วมของน้ำทะเล
Delta Works
โครงการประกอบไปด้วยการสร้างเขื่อน
ประตูปิดเปิดน้ำ ที่กั้นเขื่อน
การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี 1950 ถึงปี 1997 เป็นการสร้างเขื่อน 3 ชั้น แล้วมีประตูระบายน้ำในแต่ละชั้น ประกอบด้วยโครงการย่อยทั้งสิ้นถึง 16 โครงการ
มีทั้งที่เป็นเขื่อน พนังกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ และกำแพงกันคลื่น โดยส่วนที่เป็นเขื่อนจะทำหน้าที่กั้นน้ำทะเลและแม่น้ำออกจากกัน
ซึ่งนอกจะส่งผลดี เพราะตัวชายฝั่งรับน้ำถูกเลื่อนให้อยู่ไกลจากพื้นที่ ที่อยู่อาศัยแล้ว น้ำส่วนที่อยู่ด้านในเขื่อนยังเป็นน้ำสะอาด
ซึ่งสามารถใช้ในการเกษตรได้
ในขณะที่ส่วนที่เป็นประตูระบายน้ำ
ไม่ได้ทำการปิดกั้นน้ำทะเลจากการไหลสู่แม่น้ำด้านในอย่างถาวร
แต่จะปิดประตูเฉพาะเวลาที่มีคลื่นลมแรง
ซึ่งเสี่ยงต่อภาวะน้ำทะลักเข้าสู่บริเวณที่อยู่อาศัยได้เท่านั้น ที่เป็นเช่นนี้
ก็เนื่องจากว่าจะทำให้ชาวประมงที่ดำรงชีพด้วยการจับปลาทะเล สามารถทำอาชีพดั้งเดิมได้
"> การฟื้นฟูประเทศเป็นเรื่องใหญ่
ทำอย่างไรถึงจะฟื้นฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพและนำประเทศไทยไปสู่ความเจริญได้อย่างยั่งยืน
จึงอยากขอฝากหลักธรรมไว้หมวดหนึ่งในพระพุทธศาสนา คือหมวดธรรมที่เรียกว่าอปริหานิยธรรม
7 ประการ
หรือธรรมที่ปฏิบัติแล้วจะไม่มีความเสื่อมเลย
อปริหานิยธรรม 7 ประการมีดังนี้
1. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ คือต้องคุยกันบ่อยๆ
">
2. เมื่อประชุมก็พร้อมเพรียงกันประชุม
เมื่อเลิกประชุมก็พร้อมเพรียงกันเลิก และพร้อมเพรียงกันทำกิจที่สงฆ์พึงทำ หรือทำตามมติที่ประชุมนั่นเอง
3. ไม่บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติขึ้น
ไม่ถอนสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้แล้ว สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบทตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ หรือให้ทำตามกติกา ตามหลักตามเกณฑ์ของสังคม ประเทศชาติ
ไม่เล่นนอกกติกา แต่ถ้าต่างคนต่างทำ
มันจะกลายเป็นกติกาส่วนตัวซึ่งจะไม่ตรงกติกาคนอื่น จึงเกิดปัญหา
">">
">4. ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใหญ่เป็นประธานในสงฆ์
เคารพนับถือภิกษุเหล่านั้น เชื่อฟังถ้อยคำของท่าน
5. ไม่ลุอำนาจแก่ความอยากที่เกิดขึ้น ไม่นำความอยากของตนเองเข้ามา ไม่ปล่อยให้ความต้องการส่วนตัวเข้ามาครอบงำ
ให้คิดถึงแต่ส่วนรวม
">
6. ยินดีในเสนาสนะป่า คือแต่ละคนต้องรู้จักสงบจิตใจ
ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้สติปัญญาแก้ไขปัญหาได้อย่างเต็มที่
">
">">
">">
">">
">
">
">
">">">
7. ตั้งใจอยู่ว่า เพื่อนภิกษุสามเณรซึ่งเป็นผู้มีศีล
ซึ่งยังไม่มาสู่อาวาส ขอให้มา ที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุข หมายถึงคนดีทั้งหลายถ้ายังไม่มาให้มา มาแล้วให้อยู่เป็นสุข คือ
ไม่มีการขัดแข้งขัดขา เลื่อยขาเก้าอี้ เอาสถานการณ์นี้ล่มฝ่ายตรงข้ามให้ได้
อย่าไปทำอย่างนั้น แต่ให้มุ่งประโยชน์ภาพรวมของประเทศ
">
">
">
">
อย่างเช่นอเมริกา
เมื่อไหร่ที่เกิดวิกฤตขึ้นมาเขาจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวทันที
ตอนเครื่องบินผู้ก่อการร้ายไปชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ รัฐสภาประชุมพิเศษ
มีสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านมายืนคล้องแขนกันร้องเพลงที่แสดงถึงความสามัคคีว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อประเทศชาติ
อีกตัวอย่างหนึ่ง สมัยรัฐบาลจิมมี่ คาร์เตอร์ สถานทูตอเมริกาในกรุงเตฮะราน
ประเทศอิหร่านถูกนักศึกษาชาวมุสลิมยึด ใน พ.ศ. 2522 แล้วจับเจ้าหน้าในสถานทูตเป็นตัวประกันนานเป็นปี
สุดท้ายจึงตัดสินใจส่งเฮลิคอปเตอร์พร้อมทหารเข้าไปจู่โจมแล้วช่วยตัวประกันออกมา
ระหว่างดำเนินการตามแผน เกิดข้อผิดพลาด เครื่องบินของทหารหน่วยรบพิเศษชนกันเอง
ถือเป็นการเสียหน้าของประเทศเป็นอย่างมาก หากฝ่ายค้านคิดจะเอาจังหวะนี้โค่นรัฐบาลก็สามารถไปอภิปรายโจมตีได้อย่างดี
แต่ปรากฏว่าไม่มีใครหยิบเรื่องนี้มาอภิปรายเลย เพราะนั่นไม่ใช่การเสียหน้าของรัฐบาล
แต่เป็นการเสียหน้าของชาวอเมริกันทั้งประเทศ
ถ้ามัวมานั่งวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันประเทศก็จะยิ่งแย่กันไปอีก อายชาวโลกเขา
ประชาชนรู้อยู่เต็มอก เลือกตั้งครั้งต่อไป จิมมี่ คาร์เตอร์ก็ไม่ได้ แต่ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาโจมตีกัน
การฟื้นฟูประเทศสู่ความยั่งยืนต้องอาศัยความสามัคคีของคนทั้งชาติ
">
">
เรื่องใดที่ทำดี ทำถูก ให้หนุนกันไป
เพราะไม่ใช่สถานการณ์จะมาเอาชนะทางการเมืองแต่เป็นสถานการณ์ว่าจะเอาประเทศให้รอดได้อย่างไร
ต้องเอาประโยชน์ที่ใหญ่กว่าคือประโยชน์ของประเทศชาติ ประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน
นี่คือ อปริหานิยธรรม ทั้ง 7 ข้อ ถ้าได้อย่างนี้ละก็กี่วิกฤตเราก็แก้ได้
ขอให้ใช้วิกฤตอุทกภัยนี้ให้เป็นประโยชน์
รับชมวิดีโอ
">
">
">
">