สามัคคีคือพลัง


[ 30 ก.ค. 2555 ] - [ 18318 ] LINE it!

สามัคคีคือพลัง
 

 
     เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นแก่นสารหรือตัวตนที่แท้จริง ที่มีความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง และให้ความสุขอย่างเดียวไม่มีทุกข์เจือปนเลย พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพบว่า พระรัตนตรัยเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด เป็นแก่นของชีวิต และมีอยู่ในตัวของพวกเราทุกคน แต่เป็นของละเอียด ซึ่งเราจะต้องปรับใจให้ละเอียดหยุดนิ่งเข้าไปตามลำดับ จึงจะเข้าถึงพระรัตนตรัยที่มีอยู่แล้วภายในได้ เข้าถึงแล้วจะมีความสุขอย่างไม่มีประมาณ เป็นบรมสุข เพราะพระรัตนตรัยเป็นธรรมอันเกษมจากโยคะ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ ว่า
 
                              “สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี   สมคฺคานญฺจนุคฺคโห
                               สมคฺครโต ธมฺมฏฺโฐ     โยคกฺเขมา น ธํสติ
 
     ความสามัคคีของหมู่คณะนำความสุขมาให้ การสนับสนุนผู้ที่สามัคคีกัน ก็นำความสุขมาให้ ผู้ที่ยินดีในบุคคลผู้สามัคคีกัน มั่นคงในธรรม ย่อมไม่เสื่อมจากธรรมอันเกษมจากโยคะ”
 
     ที่ใดก็ตาม ที่มีความสมัครสมานสามัคคี มีความพร้อมเพรียงกันทุกคน ที่แห่งนั้นย่อมมีความสุข และการประพฤติปฏิบัติธรรมของบุคคล ในสถานที่ที่มีความสามัคคีกัน ย่อมได้รับผลแห่งการปฏิบัติที่ก้าวหน้า เพราะทุกคนต่างมีความสุขในการอยู่ร่วมกัน ความสุขเป็นรากฐานของความสำเร็จทั้งมวล
 
     * แม้ในคราวที่มีภัยหรือมีอุปสรรค หากหมู่คณะมีความพร้อมเพรียงกัน ย่อมสามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายให้พ้นภัยพิบัติไปได้ แต่เมื่อใดที่หมู่คณะขาดความสามัคคี มีการทะเลาะเบาะแว้งอวดดื้อถือดีไร้ความสามัคคีกันแล้ว หมู่คณะนั้นก็ย่อมจะพบกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เรื่องความสามัคคีนี้พระบรมศาสดาทรงระลึกชาติหนหลัง แล้วนำเรื่องในอดีตมาตรัสเล่าเป็นตัวอย่างให้ภิกษุทั้งหลายฟังว่า
 
     ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นพญานกกระจาบ ปกครองฝูงนกกระจาบหลายพันตัว ขณะนั้นเอง นายพรานคนหนึ่ง พรางตัวอยู่ในพุ่มไม้แล้วทำเสียงเลียนแบบนกกระจาบ เมื่อฝูงนกได้ยินเสียง ต่างคิดว่าเป็นเสียงของพวกเดียวกัน จึงพากันบินลงมาข้างล่าง นายพรานก็จะใช้ตาข่ายทอดไปยังฝูงนกกระจาบเหล่านั้น แล้วจับไปขายเลี้ยงชีพ
 
     ครั้นเวลาผ่านไปฝูงนกกระจาบมีจำนวนลดลง พญานกจึงเรียกประชุมฝูงนกทั้งหมด เพื่อบอกวิธีที่จะทำให้รอดพ้นจากการถูกจับของนายพรานว่า “ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากนายพรานทอดตาข่ายมายังเบื้องบนของพวกเรา ขอให้ท่านทั้งหลายจงพร้อมใจกัน สอดหัวของตนเองเข้าไปในตาข่าย แล้วช่วยกันกระพือปีกบิน เพื่อยกตาข่ายขึ้นไปพาดไว้บนยอดไม้ที่มีหนาม ต่อจากนั้น รีบบินหนีออกมาทางด้านล่างตาข่าย เมื่อเราพร้อมใจสามัคคีกันเช่นนี้ นายพรานก็จะไม่สามารถจับพวกเราได้” เมื่อนกกระจาบทั้งหมดเข้าใจแล้ว ก็เกิดความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ต่างรับคำว่าจะร่วมใจสามัคคีกัน
 
     วันต่อมา ขณะที่เหล่านกกระจาบกำลังหากินกันอยู่นั่นเอง นายพรานก็ได้พรางตัวหลบอยู่หลังต้นไม้ในที่ไม่ไกลนัก ทำเสียงร้องเลียนแบบนกกระจาบ เมื่อฝูงนกบินลงมาข้างล่าง นายพรานรีบทอดตาข่ายไปยังฝูงนก ทันทีที่พวกนกถูกตาข่ายคลุมตัว ต่างก็พร้อมใจกันสอดหัวเข้าไปในตาข่าย แล้วช่วยกันกระพือปีกบินพาเอาตาข่ายขึ้นไปไว้บนต้นไม้ตามที่พญานกสั่ง ทำให้นายพรานต้องเสียเวลาปีนต้นไม้ขึ้นไปปลดตาข่าย กว่าจะนำตาข่ายลงมาได้ก็มืดค่ำ อีกทั้งจับนกไม่ได้สักตัว ต้องกลับบ้านมือเปล่าอยู่หลายวัน
 
     ภรรยาของนายพรานเห็นสามีเดินกลับบ้านมือเปล่าหลายวัน ก็คิดว่าสามีของตนคงแอบไปมีหญิงอื่น จึงต่อว่าสามีไปต่างๆ นานา นายพรานต้องอธิบายอยู่นานกว่าจะทำให้ภรรยาเชื่อ พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่า ถ้าเมื่อใดพวกนกแตกความสามัคคีกัน เมื่อนั้นตนจะเอานกกระจาบมาฝากแน่นอน
 
     ผ่านไปได้อีก ๒-๓ วัน เหตุการณ์เป็นไปตามที่นายพรานคาดไว้ เมื่อนกกระจาบตัวหนึ่งไม่ทันสังเกต บินร่อนลงไปเหยียบโดนหัวนกกระจาบอีกตัวหนึ่ง แม้นกตัวนั้นจะขอโทษอยู่หลายครั้ง ว่าตนเองไม่ได้เจตนา แต่นกตัวที่โดนเหยียบก็ไม่ยอมให้อภัย จึงเกิดทะเลาะกันขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน การทะเลาะวิวาทก็ขยายวงกว้างออกไป จนในที่สุดเกิดความแตกแยก แบ่งกันเป็น ๒ กลุ่ม
 
     เมื่อพญานกโพธิสัตว์รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฝูงนก จึงห้ามปรามและกล่าวตักเตือนอยู่หลายครั้ง เพื่อให้นกกระจาบทั้งหลายสมัครสมานสามัคคีกันเหมือนเดิม แต่นกกระจาบก็ยังทะเลาะกัน ต่างมีทิฏฐิดื้อดึง ไม่ยอมให้อภัยกัน
 
     พญานกโพธิสัตว์จึงคิดว่า ขึ้นชื่อว่าสถานที่ที่มีการทะเลาะกัน ไม่มีความสามัคคี ย่อมไม่ปลอดภัย ถ้านกกระจาบเหล่านี้ไม่ช่วยกันยกตาข่ายขึ้น ก็จะพากันถึงซึ่งความพินาศ พญานกได้พานกกระจาบที่ยังเชื่อฟังย้ายไปอยู่ที่อื่น หลังจากนั้นไม่นาน นายพรานก็สามารถจับนกกระจาบที่ทะเลาะกันไปทั้งหมด นกเหล่านั้นต้องถึงแก่ความตาย พบกับความหายนะที่เกิดจากการแตกความสามัคคีกันนั่นเอง
 
     เพราะฉะนั้นความสามัคคีเป็นสิ่งที่สำคัญ จะทำให้หมู่คณะเกิดความมั่นคง และทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เราทุกคนจะต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อะไรที่สามารถให้อภัยกันได้ก็ให้อภัยกันเถอะ ไม่ควรถือสาหาความกัน ให้ระลึกเสมอว่า เพื่อนมนุษย์ทั้งหมดคือหมู่ญาติของเรา เราไม่เป็นศัตรูกับใคร เพราะศัตรูที่แท้จริงของเรา คือกิเลสอาสวะที่อยู่ในใจของเรา ไม่ใช่ใครอื่นทั้งสิ้น
 
     ดังนั้น เราจะต้องตั้งใจปฏิบัติธรรม เพื่อขจัดขัดเกลากิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป อย่าลุแก่อำนาจความโกรธ อย่าให้อารมณ์เพียงชั่ววูบมาทำลายความสงบ ความบริสุทธิ์ในใจเรา และมาทำลายความสามัคคีของหมู่คณะ เพราะเราสร้างบารมีกันเป็นทีม และยังจะต้องสร้างกันไปอีกยาวนาน “ทีม” คือหัวใจของการสร้างบารมี การไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมนั้น เราจะไปคนเดียวไม่ได้ ต้องไปกันเป็นทีม และต้องร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลาย จนกว่าจะบรรลุจุดหมายปลายทาง
 
     โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ บ้านเมืองกำลังต้องการความสามัคคี โลกกำลังต้องการผู้คุ้มครอง อะไรที่ช่วยเหลือกันได้ก็ให้ช่วยกัน เราต้องมีความเอื้อเฟื้อ มีความเมตตาปรารถนาดีต่อกัน ตั้งใจทำความดีให้เต็มที่ หมั่นปฏิบัติธรรมกันให้มากๆ จะได้มีกำลังบุญช่วยเหลือตนเอง ประเทศชาติและโลกให้เจริญรุ่งเรือง โดยเริ่มต้นนับหนึ่งที่ตัวของเราก่อน หมั่นทำใจให้หยุดนิ่ง ทำความบริสุทธิ์ให้เกิดขึ้น แล้วกระแสแห่งความบริสุทธิ์จะเชื่อมถึงกันจากใจถึงใจ เป็นพลังแห่งความบริสุทธิ์อันไม่มีประมาณ
 
     เมื่อความบริสุทธิ์ภายในมากขึ้น ความเข้าอกเข้าใจกันก็จะเกิดขึ้น และจะแผ่ขยายไปทั่วประเทศ ทั่วโลก ปัญหาต่างๆ ก็จะค่อยๆ หมดไป สังคมและเศรษฐกิจทั่วโลกก็จะดีขึ้น มวลมนุษยชาติก็จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ดังนั้น โลกของเราควรจะได้รับการคุ้มครอง ในวันที่ ๒๒ เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก ซึ่งโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับจิตใจของเรา ถ้าทุกคนทั่วโลกคิดดี พูดดี ทำดี โลกก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น
 
     เพราะฉะนั้น ถ้าเราทุกคนพร้อมใจกันทำความดี พร้อมใจกันปฏิบัติธรรม ทำใจให้บริสุทธิ์หยุดนิ่งไปพร้อมๆ กัน สันติสุขที่แท้จริงย่อมบังเกิดขึ้น เพราะใจของทุกคนรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อให้เข้าถึงพระรัตนตรัย ถ้าทุกคนสามัคคีกันเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายอย่างนี้ สันติสุขอันไพบูลย์ก็จะบังเกิดขึ้นในโลกอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น ในวันคุ้มครองโลก ให้ชักชวนกันมาปฏิบัติธรรมร่วมกันเป็นสามัคคีธรรม เพราะธรรมเท่านั้นที่จะช่วยคุ้มครองโลก
 
     นอกจากนี้ เรายังจะได้บุญใหญ่ในการถวายทุนการศึกษาแด่พระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนพระภิกษุสามเณรผู้เป็นอายุพระพุทธศาสนา ท่านมีความตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยเป็นอย่างดี รวมทั้งศึกษาวิชาความรู้ทางโลกเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้เป็นผู้แตกฉานทั้งทางโลกและทางธรรม จะได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา แต่เนื่องจากท่านขัดสนด้วยทุนทรัพย์ จึงควรอย่างยิ่งที่เราจะให้การสนับสนุน เพราะการรักษา และเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นงานใหญ่ จะทำตามลำพังไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของพวกเราทุกคน ช่วยกันทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา งานพระศาสนาจึงจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เมื่อพระศาสนายังคงอยู่ตราบใด สันติสุขอันไพบูลย์ก็จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน


พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี
 
นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เล่ม ๕๕ หน้า ๓๓๕

 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
บุญเท่านั้นที่ปรารถนาบุญเท่านั้นที่ปรารถนา

บุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งบุญเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง

แสวงจุดร่วม สมานจุดต่างแสวงจุดร่วม สมานจุดต่าง



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน