วัดไกลกังวล
วัดไกลกังวล
วัดไทย ในจังหวัดชัยนาท
แนวรั้วล้อมอารามไว้กลางไพรสน รอบมณฑลภูผาลิบไสว
ไกลกังวลเปี่ยมสุขปราศทุกข์ภัย แสนสุขใจได้มาชมสมอุรา
ขึ้นยอดเขากราบเจดีย์สี่พระธาตุ กราบพระบาทสี่รอยบนภูผา
เพลินชมหมู่นกยูงไพรในพนา เก้งกวางป่าเราเดินเรียงใกล้เคียงกัน
วัดไกลกังวล
ได้รับการกำหนดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อ.หันคา จ.ชัยนาท
จากบึงฉวากสถานที่ท่องเที่ยวอันลือชื่อของ
จังหวัดสุพรรณบุรีเขตติดต่อจังหวัดชัยนาท ขับรถแล่นในอำเภอหันคา
ถนนสายมะขามเฒ่า-อู่ทอง จะเห็นทางแยกเข้าวัดไกลกังวล
(เขาสารพัดดีศรีเจริญธรรม)
วัดไกลกังวลได้รับการกำหนดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอหันคา จ.ชัยนาท
เป็นที่รู้จักของผู้รักการทำบุญ และทัศนาจรธรรมชาติ
การบูรณะและก่อตั้งวัด
เป็นที่รู้จักของผู้ที่รักการทำบุญ และทัศนาจรชมธรรมชาติไปพร้อมๆกัน พื้นที่นี้เคยเป็นวัดโบราณเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ต่อมาก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ กลายเป็นวัดร้าง มีซากปรักหักพัง ที่ชาวบ้านเคยเห็นและเรียกกันว่าวิหารเก้าห้อง สันนิษฐานว่าเป็นกุฏิพระ ซากเจดีย์และกองอิฐอยู่รายรอบ กรมศิลปากรพิสูจน์อายุแล้วเชื่อว่าเก่าแก่สมัยลพบุรี พระพุทธรูปที่หักพังถูกนำไปบูรณะ ตั้งบูชาในวัดต่างๆ ถือเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดให้ผู้คนกราบไหว้
ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่ ๔ รอย
ปีพุทธศักราช ๒๔๗๔ พระใบฎีกา ชนก ปุญญวัฒโน ศิษย์ของเจ้าคณะตำบลเชื่ยนขณะนั้น นำชาวบ้านมาช่วยกันหักร้างถางโพรงสร้างวัดเป็นที่บำเพ็ญเพียรทางจิต ท่านพากเพียรออกไปบอกบุญหาทุนสร้างวัดทั้งในจังหวัดและกรุงเทพฯ ตั้งแต่ชาวบ้านยากไร้ถึงรัฐมนตรี พระยาพหลพลพยุหเสนา จนกระทั่งสามารถสร้างวัด สร้างพระพุทธบาทจำลองขนาดใหญ่ ปลูกกุฏิสร้างแท๊งค์น้ำใช้ เมื่อสร้างเสร็จทรงตั้งชื่อว่า "วัดไกลกังวล"
ผู้พัฒนาวัดไกลกังวลจากร้างมานาน ๒๒ ปี
หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ผู้คนอดอยาก โจรผู้ร้ายชุกชุม ชาวบ้านต้องคอยหลบหนีโจรไม่ได้ทำมาหากิน และทิ้งถิ่นฐานในที่สุด วัดไกลกังวลจึงกลายเป็นวัดร้างอีกครั้งนานถึง ๒๒ ปี กระทั่งปีพุทธศักราช ๒๕๑๐ หลวงพ่อสังวาลย์ เขมโก จาริกผ่านมาท่านพอใจความเงียบสงบร่มรื่นเหมาะแก่การบำเพ็ญกรรมฐาน แม้ห่างไกลผู้คนแต่มีหมู่บ้านพอออกบิณฑบาตยังชีพได้ จึงตัดสินใจพำนักอยู่ที่นี่ วัดไกลกังวล จึงเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาขึ้นรองรับสาธุชนที่เข้ามามากมายแทบทุกวัน
อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา
สร้างด้วยไม้สักใช้เป็นที่รับรองพระอาคันตุกะ
วัดไกลกังวล สร้างความเป็นวัดป่าในพื้นที่
๑,๐๐๐ ไร่ ด้วยการสร้างกำแพงล้อมรอบยาว ๕,๐๐๐ เมตร สูง ๓ เมตรเศษ
กุฏิเสนาสนะรองรับผู้มาปฏิบัติธรรมกว่า ๑๐๐ หลัง
ภายในบริเวณวัดนอกจากมีต้นไผ่และมวลไม้นานาชนิด พระอาจารย์สำรวม
สิริภทฺโท เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ดำเนินการปลูกป่าอีก
ในเนื้อที่หลายร้อยไร่ มีสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง เช่น นกยูง เก้ง กวาง
เดินให้เห็นอยู่ทั่วไป มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นสวยงาม ได้แก่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๗๒ พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๖ รอบ สร้างด้วยไม้สัก มีความงามเข้ากับธรรมชาติเป็นอย่างดี ใช้เป็นที่รับรองพระอาคันตุกะ ขึ้นบันไดอาคารเฉลิมพระเกียรติไปตามทางเดินชั้น ๒ ทะลุไปถึงศาลาปฏิบัติธรรมเป็นศาลาขนาดใหญ่จุได้ราว ๑,๐๐๐ คน
ศาลาปฏิบัติธรรมขนาดใหญ่ สามารถจุคนได้ราว ๑,๐๐๐ คน
บรรยากาศร่มรื่นล้อมรอบด้วยแมกไม้ ด้านหลังมีหอสวดมนต์ ๓ ชั้น ทรงกลมหลังคาจตุรมุขยอดปรางถือเป็นจุดเด่นของวัด ทองเห็นได้แต่ไกลแต่ขณะนี้เริ่มทรุดโทรมลงตามกาลเวลา พระอุโบสถของวัดไกลกังวลสร้างบนยอดเขาตรงบริเวณที่เชื่อกันว่าเป็นพระอุโบสถเก่าแปลกกว่าวัดอื่น เป็นศาลาโล่งกรุผนังด้วยลวดตาข่าย มีจุดเด่นที่ใบเสมาหินขนาดสูงใหญ่
ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
และสร้างครอบรอยพระพุทธบาท ๔ รอย
สถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ด้านหลังพระอุโบสถเป็นสถูปคล้ายภูเขา ถ้ำส่วนยอดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระสถูปนี้พระอาจารย์สำรวมได้สร้างครอบพระพุทธบาทจำลอง ๔ รอย เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่มาอุบัติในกัปป์นี้ ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอื่นๆ รวมทั้งพระพิรุณพระพุทธรูปปางขอฝน ชาวบ้านเขื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก หากนั่งรถชมบริเวณรอบวัดจะรู้สึกเหมือนกำลังชมป่า ทางด้านซ้ายจะเห็นเก้ง กวาง นกยูงเดินเล็มหญ้าระหว่างต้นไม้และกุฏิหลังย่อมๆ ด้านขวาเป็นแนวกำแพงสูงสร้างล้อมอาณาบริเวณป่าเป็นการปกป้องผืนแผ่นดินแห่งนี้ ให้ห่างไกลจากภยันตรายทั้งปวง