อานุภาพหลวงปู่ ตอน เขาเห็นตอนปัดระเบิด


[ 20 พ.ค. 2556 ] - [ 18281 ] LINE it!

 
เขาเห็นตอนปัดระเบิด
 
เครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่สอง 
 
      สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นตกเป็นเป้าหมายสำคัญในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์  ฝ่ายสัมพันธมิตรที่มีมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เป็นแกนนำ มุ่งกำลังเข้ากวาดล้าง และในที่สุด..ญี่ปุ่นก็ต้องประกาศยอมแพ้สงคราม เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 เพราะอำนาจการทำลายล้างของระเบิดปรมาณู

    หวอ.. ห.. ว.. อ.. สัญญาณเตือนภัยดังสนั่น! ขึ้นมาโดยอัตโนมัติทำให้ผู้คนต่างตกใจ พากันวิ่งหนีหลบเข้าไปในหลุมหลบภัยเพื่อให้รอดจากสะเก็ดระเบิดที่กำลังทิ้งลงมาแบบปูพรม

    เครื่องบินรบ B-29 ..เป้าหมายในการทำลายล้างคือโรงไฟฟ้าวัดเลียบ (วัดราชบูรณะ) สะพานข้ามกรุงธน และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งตรงตามหลักยุทธศาสตร์การรบที่สหรัฐฯ กำลังจะตัดเส้นทางการคมนาคมของพวกญี่ปุ่น ตลอดจนทำลายแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดคือ โรงไฟฟ้า

    ฟิ้ว.. ..ฟิ้ ....ว......ตูม!!!
ระเบิด..พลังแห่งการทำลายล้างลูกแล้ว..ลูกเล่าถูกทิ้งดิ่งลงมา แต่แปลก..ที่พลาด!!! โดนเป้าหมายน้อยมาก หรือมีผลกระทบต่อเป้าหมายไม่กี่เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นจะดิ่งลงกลางทุ่ง แม่น้ำเจ้าพระยา หรือสถานที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่จุดยุทธศาสตร์พร้อมกับฝุ่นควันที่คลุ้งขึ้นตามแรงระเบิด

    การประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองไทยยังคงยืดเยื้อไปตามกระแสสงครามโลก สัญญาณหวอยังคงดังขึ้นแต่ละวัน.. ทั้งกลางวันและกลางคืน เสียงระเบิดดังจนกลายเป็นความชาชิน ทำให้ระยะหลังๆ ผู้คนไม่ค่อยใส่ใจกับการหลบภัยเท่าไรนัก

    หวอ ... ห ..ว.. อ. คราวนี้มันดังขึ้นอีกซ้ำ ๆ กัน บางคนก็วิ่งไปหลบเหมือนเดิม แต่บางคนกลับออกมาดูเครื่องบินรบที่กำลังขับเคลื่อนมา และเป็นธรรมดาที่วัยซนอยากรู้อยากเห็นของเด็กทำให้อยากจะเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดโดยไม่กลัวอันตรายแต่อย่างใด

    เด็กชายยงยุทธ ดิลกเจริญ ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าห้องแถวที่เรียงรายติด ๆ กันในเวลาเดียวกับที่ผู้ใหญ่และเด็กคนอื่น ๆ ก็ปีนดูบนดาดฟ้าบนบ้านของตน

    “เฮ้ย!.. เฮ้ย!.. นั่นอะไร !? ..มองซิ คนใส่ชุดขาว ๆ ลอยอยู่บนฟ้า อย่างกับแม่ชี..” ผู้คนเงยหน้ามองตามเสียงที่ดังขึ้นจากกลุ่มผู้ใหญ่

    แน่นอน..! เด็กชายยงยุทธก็เงยหน้ามองตามด้วย ช่างประหลาดเหลือเกิน..! ภาพที่เขาเห็นบนท้องฟ้าเป็นแม่ชีจริง ๆ มีลักษณะโปร่งแสงลอยอยู่นิ่งๆ ใกล้กับเครื่องบินรบ B-29 ที่กำลังขับเคลื่อนมา 2-3 ลำ พร้อมๆ กัน คนดูต่างชี้ไม้ชี้มือ ส่งเสียงอื้ออึงกับสิ่งประหลาดที่ปรากฏให้เห็น
 
เครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่สอง

    “ทิ้งเท่าไรก็ไม่โดน..ไม่มีวันโดนหรอก..ฮ่า ..ฮ่า..” นี่คือเสียงพูดพร้อมเสียหัวเราะร่าดังๆ ของยายผิน ที่มักพูดอยู่เป็นประจำในช่วงเกิดสงคราม

        ยายผินเป็นแม่ครัวทำกับข้าว อาศัยอยู่ในบ้านของเด็กชายยงยุทธ แกชอบไปทำบุญที่วัดปากน้ำอยู่เป็นประจำ แต่น่าเสียดายประโยคที่แกพูด กลับไม่มีใครในบ้านใส่ใจ หรือเข้าใจความหมายอะไรมากนัก แต่เสียงนี้ได้เข้าไปอยู่ในความทรงจำของเด็กชายยงยุทธ โดยเฉพาะประโยคที่ว่า “หลวงพ่อวัดปากน้ำกับพวกที่นั่งสมาธิเขาปัดลูกระเบิดกัน ต่อให้ทิ้งกันยังไงไม่มีวันโดนหรอก.. ไม่มีวันโดน..”

       ในวันต่อมา..เรื่องแม่ชีปัดลูกระเบิดที่มีพยานหลายคนเห็นไม่ใช่เป็นเรื่องโคมลอย หรือตาฝาดไปเสียแล้ว เพราะหนังสือพิมพ์ก็ได้เอาข่าวนี้ลงมาเป็นหลักฐานยืนยันเหตุการณ์เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2

        กาลเวลาผ่านไปจนกระทั่งเด็กชายยงยุทธโตขึ้น เรียนจบคณะวิทยาศาสตร์และคุรุศาสตร์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากนั้นเรียนต่อด้านการตลาดและเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีด้าน Import-Export

       วันหนึ่งน้องชายเขาก็ได้นำหนังสือเล่มสำคัญมาให้ จากข้อความในหนังสือเล่มนี้เหมือนกับจะกระตุ้นหรือรื้อฟื้นสัญญาอะไรเก่า ๆ ที่เขาเองก็ไม่อาจรู้ เขารู้สึกเพียงแต่ว่าเขาอยากไปศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม (ต่อมา คือ วัดพระธรรมกาย) เขาต้องไปที่นั่นให้ได้และหนังสือเดินไปสู่ความสุขเล่มนี้ ทำให้เขาได้ไปที่นั่นจริง ๆ..

         ชีวิตคุณยงยุทธ ดิลกเจริญ เริ่มผูกพันกับศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม เพราะที่นี่ทำให้เขารู้คุณค่าของการทำทาน รักษาศีลเจริญภาวนา เขามีศรัทธามากและเป็นหนึ่งในประธานสร้างโบสถ์ของวัดพระธรรมกายด้วย เขาไปที่วัดพระธรรมกายบ่อยมากจนคุ้นเคยใกล้ชิดกับครูบาอาจารย์ คือ หลวงพ่อธัมมชโย และคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ศิษย์เอกหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

        ด้วยความเป็นลูกศิษย์นี่เองเวลามีปัญหาอะไรก็จะคอยปรึกษาไต่ถามคุณยายอาจารย์ฯตลอด แต่อย่างหนึ่งที่ไม่เคยลืมเลือนไปจากความทรงจำเลย และยิ่งรู้ว่าคุณยายเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยแล้ว สิ่งนี้จึงถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีก ซึ่งก็คือ เรื่องราวครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับคำพูดของยายผินที่ได้พูดไว้
 
กัลฯยงยุทธมากราบขอบารมีคุณยายฯ ตอนที่ยังไม่ได้บวช
กัลฯ ยงยุทธมากราบขอบารมีคุณยายฯ ตอนที่ยังไม่ได้บวช
         พอคุณยงยุทธได้กราบคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ก็รีบเรียนถามท่านเลยว่า “คุณยายครับ..ทำไมเครื่องบินที่ทิ้งระเบิดลงมาถึงไม่โดนที่สำคัญ กลับลงทุ่งลงน้ำล่ะครับ”

        ซึ่งคุณยายท่านก็ตอบว่า “อ้าวคุณ.. เวลาที่เครื่องบินมันทิ้งระเบิด ยายเข้าที่อยู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ หลวงพ่อท่านสั่งให้ยายจัดการ ยายก็เนรมิตเมืองให้เป็นป่า..เป็นแม่น้ำ เนรมิตแม่น้ำ ให้เป็นบ้านเมือง เท่านี้ทิ้งเท่าไหร่ก็ทิ้งไม่ถูก” ซึ่งถ้าเราอยากจะเข้าใจอะไรให้มากขึ้น ต้องนั่งสมาธิและศึกษาวิชชาธรรมกายตามอย่างหลวงปู่วัดปากน้ำ เพราะการทำวิชชาธรรมกายเป็นเรื่องเหนือวิสัยที่จะเข้าใจด้วยจินตมยปัญญา (ปัญญาจากความคิด) หรือสุตตมยปัญญา (ปัญญาจากการฟัง) แต่จะเข้าใจได้ด้วยภาวนามยปัญญา (ปัญญาจากการเจริญภาวนา)

         ซึ่งการทำวิชชาสมัยหลวงปู่วัดปากน้ำเขาทำกันเป็นทีมต้องนั่งสมาธิจนมีความละเอียดมาก แล้วอาศัยพระธรรมกายปฏิหาริย์ให้เห็นเมืองเป็นป่า เห็นแม่น้ำเป็นเมืองอะไรอย่างนี้ ทหารที่ทิ้งระเบิดก็จะเข้าใจผิดทิ้งไม่โดนสักที ซึ่งสมัยที่หลวงพ่อวัดปากน้ำทำวิชชาก็มีคุณยายอาจารย์ฯ เป็นหัวหน้าทีมกะดึกในชุดนั้น สำหรับภาส่วนหยาบที่คนทั้งหลายเห็นนั้น ก็เห็นต่าง ๆ กันไป เช่น เห็นเป็นภาพแม่ชีลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าปัดลูกระเบิดบ้าง ลอยอยู่เฉย ๆ บ้างซึ่งเรื่องละเอียดของวิชชาธรรมกาย เป็นดังข้างต้นที่อธิบายมานี้..
 
prf-560520
 
หล่อหลวงปู่ทองคำ องค์ที่ 7
 
  

พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์อานุภาพหลวงปู่




Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานุภาพหลวงปู่ ตอน สยบ..กองทัพหนูทำลายนาข้าวอานุภาพหลวงปู่ ตอน สยบ..กองทัพหนูทำลายนาข้าว

อานิสงส์การทำบุญด้วยทองคำ จากพระไตรปิฎกอานิสงส์การทำบุญด้วยทองคำ จากพระไตรปิฎก

อานุภาพหลวงปู่ ตอน ยิ่งกว่าหมอเทวดาอานุภาพหลวงปู่ ตอน ยิ่งกว่าหมอเทวดา



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

มหาปูชนียาจารย์