ความเชื่อไว้บนหิ้ง ความจริงต้องพิสูจน์


[ 11 ต.ค. 2556 ] - [ 18273 ] LINE it!

ความเชื่อไว้บนหิ้ง ความจริงต้องพิสูจน์
 

      เหลืออีก 10 วัน จะออกพรรษากันแล้วเร็วจัง จริง ๆ เวลามันก็เดินเท่าเดิม แต่ความรู้สึกของนักสร้างบารมีจะมีความรู้สึกว่าเร็ว พรรษาหนึ่ง 90 วัน บอกกันมาตั้งแต่ต้นพรรษาแล้วว่า ต้องใช้วันเวลาทุกอนุวินาทีให้มีคุณค่าต่อชีวิตด้วยการประพฤติธรรม สั่งสมความบริสุทธิ์กายวาจาใจเอาไว้มากๆ

      โดยเฉพาะพรรษานี้ ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเป็นพรรษาแห่งการบรรลุพระธรรมกาย ซึ่งมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุก ๆ คนในโลก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์ใด จะรู้หรือไม่รู้ เชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามล้วนมีหมดทั้งสิ้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า พระธรรมกายมีอยู่ ปัจจุบันนี้ก็มีผู้ปฏิบัติตามได้บรรลุพระธรรมกายก็มีมาก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติศาสนาและเผ่าพันธุ์ใดก็ตามที่ใคร่ต่อการศึกษาต่างก็เข้าถึงกันได้ นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ความเชื่อส่วนความเชื่อ ความจริงก็ส่วนความจริงความเชื่อส่วนความเชื่อ เพราะเราเกิดมาในตระกูลที่เขาเชื่อกันมาอย่างนั้นก็ต้องเชื่อกันไป แต่ความจริงเราต้องมาพิสูจน์ ผู้ใคร่ต่อการศึกษาควรมีใจที่เปิดกว้าง ให้โอกาสตัวเองได้เรียนรู้สิ่งที่เป็นสากลโลกคือพระธรรมกายในตัวที่เป็นของสากล เหมือนกับดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ก็เป็นสากลที่ชนทุกชาติทุกภาษาทุกศาสนาทุกเผ่าพันธุ์ก็มองเห็นเหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นเมื่อใจเปิดกว้างยอมตนเป็นนักศึกษาก็ย่อมพบพระธรรมกายซึ่งมีอยู่ในตัวของเราได้

      เวลาที่เหลืออยู่นี้ ครูไม่ใหญ่อยากจะเน้นเฉพาะพระภิกษุที่ลางานมาเป็นพิเศษ เพราะเรามีเวลาจำกัดในเพศสมณะ ซึ่งเป็นเพศอันประเสริฐ กว่าเราจะเข้ามาสู่เพศสมณะได้ไม่ใช่ง่ายเลย ต้องวางภารกิจเครื่องกังวลใจซึ่งมีมากมายในทางโลก และบุญเก่าที่ได้สั่งสมมาให้ได้บำเพ็ญเนกขัมมบารมีกันต่อในชาตินี้ เราจึงมีโอกาสได้มาบวชในคราวนี้ เมื่อเราบวชช่วงสั้น ทำอย่างไรให้การบวชครั้งนี้เป็นประวัติศาสตร์ชีวิตอันงดงามของตัวเรา ในฐานะที่เราได้มาต่ออายุพระพุทธศาสนาสืบทอดไปอีกพรรษาหนึ่ง อายุพระศาสนานี่สืบทอดกันไปเป็นวัน ๆ นะ สืบทอดได้
 

     เพราะมีนักบวช ถ้าไม่มีนักบวชก็เป็นวัดร้าง ถ้าวัดร้างหมดประเทศพระพุทธศาสนาก็หมด เพราะฉะนั้นการบวชจึงเป็นการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ และจะได้มีโอกาสมาศึกษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้สำหรับเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตหลังจากที่เราลาสิกขาแล้วสิ่งที่ทำให้เรามีความปลื้มปีติภาคภูมิใจเมื่อเราลาสิกขาไปแล้ว ก็คือการปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ศึกษาทั้งปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ให้สมบูรณ์ เท่าที่โอกาสจะอำนวยเวลาจะให้ แล้วถ้าย่อลงมากว่านั้น สิ่งที่จะไม่ลืมกันเลยและเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด ก็คือการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระในตัวตรงนี้เป็นสิ่งที่เราจะลืมไม่ลง คงไม่ลืม ปลื้มทั้งชาติ แล้วก็จะปลื้มกันทุกชาติเรารู้หลักวิชชาแล้ว 4 ส. สติ สบาย สม่ำเสมอ สังเกต ให้มีสติ คือ เอาใจมาอยู่กับตัวของเรา มาหยุดมานิ่งภายในอย่างสบาย ๆ ให้ต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน เหมือนเป็นผู้มีราตรีเดียวทำทั้งวันทั้งคืนเลย แล้วก็สังเกตว่าเราทำถูกหลักวิชชาไหม ตั้งใจมากเกินไปไหม อยากได้มากเกินไปไหม ระวังหรือเกร็งเกินไปไหม หรือว่าเราไปต่อสู้กับความฟุ้งหรือเปล่า ให้สังเกตเดี๋ยวเราจะพบเหตุแห่งความบกพร่อง และช่องทางแห่งความสำเร็จ เดี๋ยวเราก็จะทำความสำเร็จได้ เมื่อญาติโยมเขาทำได้ ลูกพระลูกเณรก็ต้องทำได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของเราจะต้องทำให้ได้ด้วย

      เพราะฉะนั้น 10 วันที่เหลือนี้เหลือเฟือ ลุยกันไปอย่างเดียวเลยลุยขนาดไหน ขนาดที่เราปลื้มปีติและภาคภูมิใจในตัวของเรา เมื่อลาสิกขาไปแล้วยามใดที่ระลึกนึกถึงแล้วปลื้ม เล่าให้ลูกหลานในหมู่ญาติหรือใครก็ตามในโลกฟังแล้วเขามีกำลังใจพลอยปลื้มกับเราไปด้วย แล้วก็เห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนา อยากจะมาบวช อยากจะมาศึกษาพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นลุยเลยนะ อย่าไปกลัวปวด กลัวเมื่อยปวดเมื่อยก็เป็นกันทุกคน แต่พอเราไม่สน เดี๋ยวมันก็หายไป นั่งปฏิบัติธรรมทำความเพียรกันให้ดี จะได้เห็นหน้าเห็นหลัง เห็นกลาง ๆ เลย เห็นดวงใส ๆ นะ ทำได้ทุกคน

1 ตุลาคม พ.ศ. 2546
จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

บางสิ่งที่แสวงหา


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
4 ส. ช่วยให้ง่าย4 ส. ช่วยให้ง่าย

บวชไปนิพพานบวชไปนิพพาน

ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้วง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

บางสิ่งที่แสวงหา