มหาปวารณา


[ 19 ต.ค. 2556 ] - [ 18301 ] LINE it!

มหาปวารณา

       วันมหาปวารณา คือ วันที่พระภิกษุทุกรูป จะต้องมาปวารณาซึ่งกันและกันว่า ถ้าใครเห็น ได้ยิน หรือ สงสัยว่า ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งประพฤติไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยนี้ ก็จะตักเตือนเป็นกัลยาณมิตรให้ซึ่งกันและกัน เหมือนกับไปช่วยชี้ขุมทรัพย์ให้ เพื่อจะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง
 

     ในสมัยพุทธกาล การปวารณากันถือเป็นเรื่องจริงจังเลย ไม่ได้ถือเป็นแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ ถือเป็นอริยประเพณี เขาจะตักเตือนกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพราะภิกษุทุกรูปที่บวชในสมัยนั้น มีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือทำพระนิพพานให้แจ้งเดิมทีพระภิกษุท่านก็เป็นอดีตฆราวาส มาจากหลากหลายตระกูล หลายชนชั้น เมื่อได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็เกิดความเข้าใจ เมื่อมาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาเห็นว่า ชีวิตในสังสารวัฏนั้นล้วนแต่มีทุกข์มีโทษเพราะทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ไม่ว่ากระทำทางกายทางวาจาหรือทางใจล้วนมีผลทั้งสิ้น จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามโดยเฉพาะแม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เองในสมัยที่ยังเวียนว่ายตายเกิดสร้างบารมีเรื่อยมา บางชาติท่านก็มีชีวิตที่รุ่งเรืองมีสุคติเป็นที่ไปแต่บางชาติก็พลาดพลั้งไปอบายภูมิก็มี และเมื่อท่านได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไปเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยพระธรรมกายอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีมหากรุณาก็เลยนำมาแนะนำสั่งสอนผู้มีปัญญาเมื่อได้รับฟังก็พิจารณาด้วยสติปัญญา ด้วยเหตุผล ก็เห็นทุกข์โทษภัยในวัฏสงสาร ก็อยากจะหลุดพ้นจากวัฏฏะ ซึ่งจะหลุดพ้นได้ก็ต้องขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป ก็มาพิจารณาดูว่าชีวิตของฆราวาสนั้นยากที่จะหาเวลามาปฏิบัติธรรมในระดับขั้นที่ขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป และเห็นว่าการออกบวชเป็นวิธีเดียวที่ดีที่สุด ปลดกังวลและปลอดกังวล มีเวลาทำความเพียรเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งได้จึงตัดสินใจออกบวช โดยมีวัตถุประสงค์นี้เป็นหลัก ไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำมาหากินทางโลก หรือไม่มีฝีมือในการทำมาหากิน เพราะถึงอย่างไรก็สามารถหาเลี้ยงชีพได้ไม่อดตายอยู่แล้ว

     เมื่อมาบวชแล้วก็ต้องมีพระธรรมวินัย คือกรอบของพระ ลู่ทางของพระให้ไปสู่พระนิพพาน เหมือนลู่วิ่งของนักกีฬาที่นำไปสู่เส้นชัยอย่างนั้น ทีนี้สำหรับพระภิกษุที่เข้ามาบวช ที่ท่านเป็นพระอริยบุคคลก็หมดปัญหา แต่ที่ยังเป็นปุถุชนยังมีกิเลสอยู่ แต่กำลังทำความเพียร โอกาสพลาดพลั้งก็มีอยู่

    เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการปวารณากันในวันสุดท้ายก่อนออกพรรษาว่าถ้าใครเห็น ใครได้ยิน หรือสงสัยว่าภิกษุรูปใดรูปหนึ่งประพฤติไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยซึ่งจะทำให้เนิ่นช้าต่อการไปสู่พระนิพพาน ก็ให้ตักเตือนกันได้เหมือนช่วยชี้ขุมทรัพย์ให้กัน เมื่อปวารณากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรมตามป่าตามเขา ห้วยหนองคลองบึง โคนไม้บ้าง เรือนว่าง ลอมฟาง ป่าช้าบ้าง การไปแสวงหาที่วิเวกปฏิบัติธรรมมันไม่สะดวกสบาย ต้องเสี่ยงภัยต่อโรคภัยไข้เจ็บบ้าง คนภัยคนพาลบ้าง ภัยธรรมชาติบ้าง สัตว์ร้ายบ้าง คนร้ายบ้าง
เพราะฉะนั้นมันเสี่ยง
 
 
      ดังนั้นจึงต้องช่วยแนะนำตักเตือนกันหรือแม้ประพฤติถูกต้องตามพระธรรมวินัย แต่เกิดมีความกระสันอยากสึกคืออยู่ ๆ เกิดความรู้สึกอยากเป็นฆราวาสขึ้นมาเฉย ๆ ตอนแรกก็มีอารมณ์อยากเป็นพระ แต่ว่านั่งไปนั่งมามันไม่เห็นสักที มันมืด มันเมื่อย นั่งหลังขดหลังแข็งไม่เห็นสักที เห็นญาติโยมที่เข้าวัดมาทำบุญ โอ้โห นั่งเบนซ์มาอย่างนี้โรลส์-รอยซ์อย่างนี้ ครอบครัวก็ดูมีความสุข ดูอบอ่นุ มีลูกเล็ก ๆ น่ารัก น่าเอ็นดูเกิดความรู้สึกอยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เกิดความกระสันอยากสึกถ้าเห็นใครเป็นอย่างนี้ หรือมีทีท่าว่าจะเป็นอย่างนี้ ก็ต้องอาศัยความรักและปรารถนาดีต่อเพื่อนสหธรรมิก ต้องไปเป็นกัลยาณมิตรให้ แม้จะดึกดื่นค่อนคืน หรือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ในห้วย หนอง คลอง บึง ตามป่าช้าก็ต้องไปหา ไปบอกว่าภาพที่เห็นนั้นมันเป็นภาพลวงตานะ มันเป็นมายา ชีวิตทางโลกหน้าชื่นอกตรมกันทั้งนั้น คนในอยากออกคนนอกอยากเข้า มันสู้ชีวิตของพระไม่ได้หรอก มีโอกาสว่างสำหรับการประพฤติปฏิบัติธรรม ต้องไปช่วยพูดช่วยแนะนำกัน
 
     จนกระทั่งอารมณ์ชั่ววูบหรือวูบชั่วนั้นหายไปเหลือแต่วูบดีเกิดขึ้นจนอยากจะเป็นพระต่อนี่สมัยก่อนเขาทำกันขนาดนั้นนะ และผู้ที่ได้รับการตักเตือนก็ไม่โกรธไม่ขุ่นมัว กลับขอบคุณผู้ที่มาเตือนด้วยซ้ำ แล้วก็มาตรวจตราดูว่าเราเป็นอย่างที่เขาว่าไหม ถ้าไม่เป็นก็แล้วไป แต่ถ้าเป็นก็แก้ไข นี่เป็นอริยประเพณีธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ประเสริฐ ผู้ต้องการไปพระนิพพานเขาทำกันอย่างนี้แต่ในปัจจุบันทำแค่พอเป็นพิธีแค่นั้น พอถึงวันมหาปวารณาก็มากล่าวคำปวารณาเป็นภาษาบาลีกัน แต่ในแง่ของการปฏิบัติจริง ๆ พอใครผิดพลาดไปชี้ช่องเข้า เกิดอาการหงุดหงิดไปตามล่ากันเลยว่าใครมาบอกมาฟ้อง ลืมไปเลยว่าเพิ่งปวารณาไปหยกๆ
 
      ที่พูดเรื่องนี้ก็เพราะว่า อยากให้ลูกนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั้งลูกหญิงลูกชายลองปวารณากันบ้าง ใครเห็น ใครได้ยิน หรือสงสัยว่าจะเพี้ยนก็ตักเตือนกันได้ แนะนำกันได้ แล้วก็อย่าตามล่ากันว่าใครมาฟ้อง แต่ให้หันกลับมาพิจารณาตัวเองแต่ก็เอาเถอะ ถ้าเราทนฟังคนอื่นมาแนะนำไม่ได้ ก็ทนตัวเองแนะนำตัวเองก็แล้วกัน อยู่ว่าง ๆ ไปส่องกระจกดู โอ้ นี่เราก็เฒ่าแล้วนะ แม้จะพยายามหลอกตัวเองแค่ไหนก็ตาม ดูตอนที่กระจกมัว ๆ ดูกี่ทีมันก็เฒ่าทุกที

     เพราะฉะนั้นต้องรีบสร้างบารมี รีบกอบโกยบุญกันให้เต็มที่ หัดเตือนตัวเองดีกว่า ถ้าหากคนอื่นเตือนแล้วอดหงุดหงิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นการปวารณาจึงมีความหมายมาก เพราะเราจะได้ต้อนตัวเราไปพระนิพพาน


10 ตุลาคม พ.ศ. 2546
จากหนังสือบางสิ่งที่แสวงหา
โดย พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

บางสิ่งที่แสวงหา


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเข้าถึงจึงรู้สึกพอ (1)เมื่อเข้าถึงจึงรู้สึกพอ (1)

เมื่อเข้าถึงจึงรู้สึกพอ (2)เมื่อเข้าถึงจึงรู้สึกพอ (2)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

บางสิ่งที่แสวงหา