พระภัททกาปิลานีเถรี


[ 31 ธ.ค. 2556 ] - [ 18289 ] LINE it!

พระภัททกาปิลานีเถรี

     ชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏสงสาร หากยังเวียนว่ายอยู่ในความมืดมนแห่งทะเลทุกข์ ชีวิตนั้นย่อมต้องทนทุกข์ทรมานอีกยาวนาน ตราบใดที่พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังปรากฏอยู่ ตราบนั้นย่อมมีผู้ได้โอกาสบรรลุธรรม และด้วยความปรารถนาที่จะไปให้ถึงวันแห่งความสำเร็จของชีวิต ผู้ที่มีบุญมีปัญญาจึงรักการสั่งสมบุญบารมี มีมโนปณิธานอันแน่วแน่ ใจจะต้องไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าชีวิตจะตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายเพียงใด ใจก็ยังมุ่งมั่นต่อเป้าหมายสูงสุดมุ่งมั่นในทางพระนิพพาน เราทั้งหลายโชคดีที่ได้โอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์ มาพบพระพุทธศาสนา ให้ใช้โอกาสดีนี้สร้างบารมีกันให้เต็มที่

มีวาระพระบาลีที่กล่าวไว้ใน สัมมาทิฏฐิสูตร ว่า

     “บุคคลในโลกนี้ ตั้งใจไว้ชอบ กล่าววาจาชอบ การงานชอบ เป็นผู้มีการสดับมาก ได้ทำบุญไว้ในชีวิตอันมีประมาณน้อยนิดในมนุษย์โลกนี้ บุคคลนั้นเป็นผู้มีปัญญา เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงสวรรค์”

     การดำเนินชีวิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ ต้องเผชิญกับสิ่งต่างๆมากมาย มีทั้งดีและไม่ดี ทั้งสุขและทุกข์ ประสบการณ์ต่างๆสอนให้แต่ละชีวิตต้องเรียนรู้ในการดำรงชีวิตเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย แต่ถ้าเรารู้จักดำเนินชีวิต มีความคิด คำพูด และการกระทำที่ดีงาม มีเป้าหมายมั่นคงมุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน และหมั่นสั่งสมบุญกุศลอยู่ตลอดแล้ว เส้นทางชีวิตของเราย่อมจะพบกับความสุขความสมหวังอย่างแน่นอน เหมือนพระเถรีภัททกาปิลานี ผู้เป็นพระอรหันตเถรีในครั้งสมัยพุทธกาล ท่านได้เดินข้ามพ้นห้วงแห่งสังสารวัฏแล้ว

     * ย้อนไปในกัปที่หนึ่งแสนจากภัทรกัปนี้ พระปทุมมุตตระพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติบังเกิดขึ้น ครั้งนั้นในเมืองหงสวดี มีเศรษฐีชื่อว่าวิเทหะ เป็นผู้มีทรัพย์มาก ในชาตินั้นพระเถรีได้เป็นชายาของท่านเศรษฐี บ่อยครั้งที่เศรษฐีพร้อมกับบริวารได้เข้าไปเฝ้าเฉพาะพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโอกาสฟังธรรมซึ่งเป็นเหตุนำความสุขมาให้ พระบรมศาสดาได้ทรงประกาศแต่งตั้งสาวกองค์หนึ่งไว้ในตำแหน่งผู้เลิศของสาวกผู้กล่าวสรรเสริญธุดงควัตร ท่านเศรษฐีได้ฟังและบังเกิดความเลื่อมใส ได้ถวายทานแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดระยะเวลา ๗ วัน แล้วซบศรีษะลงแทบพระยุคลบาท ปรารถนาตำแหน่งนั้นด้วย พระบรมศาสดาเมื่อจะทรงให้บริษัทอาจหาญร่าเริงในธรรม และเพื่ออนุเคราะห์ท่านเศรษฐีจึงได้ตรัสว่า

     "ในกัปที่หนึ่งแสนแต่ภัทรกัปนี้ เธอจะเป็นพระสาวกนามว่า กัสสปะ ในพระศาสนาของพระบรมศาสดาพระนามว่า โคดม ความปรารถนาของเธอจะสำเร็จในพระศาสนาของพระศาสดาพระองค์นั้น" เศรษฐีได้ฟังพุทธพยากรณ์เช่นนั้น ก็มีความร่าเริงเบิกบานใจ จึงได้ตั้งใจสร้างบารมียิ่งๆ ขึ้นไป ได้บำรุงพระภิกษุสงฆ์ด้วยปัจจัยสี่เรื่อยมาจนตลอดอายุขัย

     เมื่อพระปทุมมุตตระพุทธเจ้าได้ปรินิพพานแล้ว ท่านเศรษฐีจึงได้เชิญชวนหมู่ญาติมิตรมาประชุมกัน แล้วได้สร้างพระสถูปเจดีย์สำเร็จด้วยรัตนะสูง ๗ โยชน์ รุ่งเรืองดังพระอาทิตย์ส่องแสงในยามฟ้าใส และได้ปลูกต้นรังมีดอกบานสะพรั่ง เพื่อบูชาพระบรมศาสดา ส่วนภรรยาของเศรษฐีได้ให้ช่าง ๗ คน เอารัตนะ ๗ อย่างทำเป็นตะเกียง ๗๐๐,๐๐๐ ดวง เอาน้ำมันหอมใส่จนเต็มทุกดวง ให้ตั้งประทีปไว้ในอาณาบริเวณโดยรอบพระเจดีย์ แสงประทีปได้ลุกโพลงสว่างไสวดังไฟไหม้ป่าอ้อ เพื่อบูชาบุคคลผู้มีพระคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้อนุเคราะห์สัตว์โลกทั้งปวง และยังให้ช่างทำหม้อ ๗๐๐,๐๐๐ ใบ บรรจุรัตนชาตินานาชนิดจนเต็ม และมีวัตถุที่ควรบูชาที่เป็นทองตั้งไว้ในท่ามกลางระหว่างหม้อทุกๆ ๘ ใบ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

     ในกัปที่ ๙๑ แต่ภัทรกัปนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี ได้เสด็จอุบัติขึ้นในโลก ครั้งนั้นในเมืองพันธุวดี มีพราหมณ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ดี เป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยคุณธรรมและทรัพย์สมบัติ แต่ภายหลังกลับตกยาก แม้ครั้งนั้นนางก็ไปเกิดเป็นพราหมณี มีใจศรัทธาเสมอกันกับพราหมณ์นั้น วันหนึ่งพราหมณ์ได้เข้าไปเฝ้าพระมหามุนี ฟังธรรมจากพระองค์แล้ว ก็เบิกบานใจ ได้ถวายผ้าห่มผืนหนึ่ง มีผ้านุ่งผืนเดียวกลับไปเรือนและบอกให้ภรรยาอนุโมทนาในผลทานนั้น นางพราหมณีก็เกิดความปีติยินดีประนมมืออนุโมทนาสาธุการว่า “ข้าแต่นาย ผ้าห่มผืนนั้น ท่านได้ถวายดีแล้วแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้คงที่ และด้วยบุญนั้นที่ได้ทำไปด้วยความศรัทธา ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนในบุญนั้นด้วยเถิด” บุญนั้นทำให้ทั้งสองมีความเจริญด้วยสุขสมบัติร่วมกัน ได้ท่องเที่ยวไปในสุคติภพ

     ต่อมา บุญส่งผลให้พราหมณ์ได้เป็นพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ในกรุงพาราณสี ครั้งนั้นนางพราหมณีได้เป็นมเหสีของพระราชา และเป็นที่โปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเคยสร้างบุญร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน ครั้งนั้นพระราชาทอดพระเนตรเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ๘ พระองค์กำลังเที่ยวบิณฑบาต ได้ถวายบิณฑบาตที่ปราณีตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความเบิกบานพระทัย ทรงนิมนต์ให้อยู่เป็นเนื้อนาบุญ และรับสั่งให้พวกช่างสร้างมณฑปรัตนะที่สำเร็จด้วยทองสูงถึง ๑๐๐ ศอก เมื่อสร้างเสร็จพระราชาทรงอาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมดให้เข้าไปพักอาศัย ได้ถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองไม่เคยขาด แม้ครั้งนั้นพระมเหสีก็ได้ถวายทานร่วมกับพระราชา

     มีอยู่ภพชาติหนึ่งท่านได้บังเกิดในตระกูลกุฎุมพีผู้มั่งคั่ง วันหนึ่งน้องของสามีเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงเอาอาหารที่เป็นของพี่ชายซึ่งก็คือสามีของท่าน ถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้เดิมนางมีความศรัทธาเลื่อมใสในพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงโกรธน้องของสามี และน้อยใจในพระปัจเจกพุทธเจ้า ได้เทบิณฑบาตของพระปัจเจกพุทธเจ้าทิ้ง แล้วถวายบาตรที่เต็มไปด้วยเปือกตมแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า ครั้นเห็นสีหน้าของสามี ฝ่ายภรรยาซึ่งแสดงออกด้วยจิตที่ไม่เป็นกุศลในการให้ทาน การรับ การไม่เคารพ และการประทุษร้าย จึงรู้สึกสลดใจมาก และได้รับบาตรมาแล้วเอาน้ำหอมอย่างดีล้างให้สะอาด พอนางหายโกรธก็เกิดกุศลจิตขึ้นมาใหม่ นางได้ถวายน้ำตาลกรวดกับเปรียงจนเต็มบาตร หลังจากนั้นไม่ว่านางจะเกิดในภพชาติไหนๆ ก็มีรูปงามเพราะได้ถวายทาน แต่มีกลิ่นตัวเหม็นเพราะความโกรธที่ได้ทำต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า

     ต่อมาในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อสามีสร้างพระเจดีย์ของพระพุทธองค์สำเร็จแล้ว นางมีความยินดีได้ถวายแผ่นอิฐทองคำอย่างดี เอาแผ่นอิฐนั้นชุบด้วยน้ำหอมที่เกิดจากเครื่องหอม ๔ ชนิดจนเปียก ให้ช่างเอารัตนะ ๗ ประการทำตะเกียง ๗๐๐,๐๐๐ ดวง ใส่เปรียงจนเต็ม ให้ใส่ไส้พันไส้ตามประทีปตั้งไว้ ๗ แถว บูชาพระพุทธองค์ผู้เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกด้วยจิตเลื่อมใส ด้วยบุญนั้นจึงทำให้พ้นจากกรรมที่มีกลิ่นตัวเหม็น

     แม้ในครั้งนั้น นางก็มีส่วนในบุญนั้นเป็นพิเศษ เมื่อสามีมาเกิดในแคว้นกาสี มีนามปรากฏว่า สุมิตตะ  นางได้เป็นภรรยานายสุมิตตะนั้นอีก เจริญด้วยสุขสมบัติร่วมกัน ทั้งยังเป็นที่รักของสามี ครั้งนั้นสามีได้ถวายผ้าโพกศีรษะเนื้อดีแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แม้นางก็ได้มีส่วนแห่งทานที่ได้อนุโมทนา เมื่อมาบังเกิดในกำเนิดชาวโกลิยะในแคว้นกาสี ครั้งนั้นสามีพร้อมกับบุตรชาวโกลิยะ ๕๐๐ คน ได้บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นให้อยู่จำพรรษาตลอดไตรมาส และได้ถวายไตรจีวร นางก็ได้มีส่วนร่วมในบุญกุศลครั้งนั้นด้วย ครั้นเคลื่อนจากอัตภาพนั้น สามีได้เกิดเป็นพระราชาพระนามว่า นันทะ มีพระอิสริยยศยิ่งใหญ่ แม้นางก็ได้เป็นพระมเหสีของท้าวเธอ เป็นผู้มั่งคั่งในสิริราชสมบัติ

     พระเจ้านันทะเคลื่อนจากอัตภาพนั้นแล้ว มาเป็นพระเจ้าพรหมทัต ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน พระนางกับพระเจ้าพรหมทัต ได้อาราธนาพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ ผู้เป็นพระโอรสของพระนางปทุมวดี ให้อยู่ในพระราชอุทยานแล้วอุปัฏฐากบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าเหล่านั้นจนตลอดชีวิต ทั้งสองได้สร้างพระเจดีย์ไว้หลายองค์ แล้วพากันบวช เจริญอัปปมัญญา แล้วได้ไปสู่พรหมโลก ครั้นจุติจากพรหมโลก ในที่สุดสามีได้มาเกิดเป็นปิปผลิมาณพมีทรัพย์สมบัติมากมาย และนางก็ได้มาเกิดเป็นลูกสาวเศรษฐี แม้ว่าพ่อแม่จะจับทั้งสองให้แต่งงานกัน แต่ทั้งสองไม่ยินดีในการครองเรือนจึงออกบวชพร้อมกัน ในที่สุดเมื่อบารมีเต็มเปี่ยมก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งสองท่าน และได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดาตามที่ได้ตั้งจิตปรารถนาไว้ทุกประการ

     เราจะเห็นว่า ชีวิตของนักสร้างบารมีผู้เป็นบัณฑิตนักปราชญ์ที่ประสบความสำเร็จโดยตลอด เพราะได้สั่งสมบุญบารมีไว้อย่างดีแล้ว บนเส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยบุญกุศลล้วนๆ แม้บางชาติจะพลั้งพลาดไปบ้าง แต่ถ้ายังยึดมั่นในการสั่งสมบุญบารมีแล้ว ย่อมจะไม่มีวันตกต่ำ แม้เส้นทางจะยาวไกล แต่ถ้าใจเรามั่นอยู่ในการสร้างบารมี เราจะเข้าใกล้พระนิพพานเข้าไปทุกขณะ เพราะฉะนั้น ให้ทุกๆ ท่านตั้งใจสร้างบารมีกันให้เต็มที่ และหมั่นตรึกระลึกถึงบุญที่ศูนย์กลางกาย ให้ใจอยู่ในบุญกันตลอดเวลา

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๗๒ หน้า ๖๓๑
 

 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
รูปนันทาเถรีรูปนันทาเถรี

กิสาโคตมีเถรีกิสาโคตมีเถรี

อนาถบิณฑิกเศรษฐี (บรรลุธรรม)อนาถบิณฑิกเศรษฐี (บรรลุธรรม)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน