เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๑)


[ 19 มี.ค. 2557 ] - [ 18340 ] LINE it!

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๑)

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายธรรมอรหัต เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว ผู้บริสุทธิ์หลุดพ้นแล้วจากอาสวกิเลส กิจที่จะทำยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ในฐานะที่พวกเราเป็นสาวกของพระพุทธองค์ ควรจะต้องดำเนินรอยตามพระองค์ โดยใช้วันเวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดนี้ สร้างบารมีทำความดีให้มีความบริสุทธิ์กาย วาจา ใจ เพราะเรายังมีกิจที่จะต้องทำให้รู้แจ้งให้ได้ว่า เราเกิดมาจากไหน มาทำไม อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิต และจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างไร ดังนั้น ทุกท่านจึงควรหมั่นฝึกฝนอบรมจิตใจให้หยุดนิ่ง จนกระทั่งได้เข้าไปถึงผู้รู้แจ้งภายในคือ พระธรรมกายให้ได้

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ชาดก ว่า

“ปุญฺญานิ ปรโลกสฺมึ    ปติฏฺฐา โหนฺติ ปาณินํ

บุญทั้งหลาย เป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”

     บุญคือบ่อเกิดแห่งความสุขและความสำเร็จในชีวิต และเป็นสิ่งที่ช่วยต่อเติมความปรารถนาให้สมหวังได้ เหมือนในการเดินทางไกลในภพชาตินี้ เราจำเป็นต้องมีเสบียงติดตัวไป เพื่อหล่อเลี้ยงสังขารให้ดำรงอยู่ได้ การเดินทางไปสู่ปรโลก จำเป็นต้องมีเสบียงคือบุญติดตัวไปด้วย จะได้ช่วยอุ้มชูชีวิตในสัมปรายภพ ให้พบกับความสุขสวัสดี หรือแม้กระทั่งการบรรลุมรรคผลนิพพาน ต้องอาศัยบุญ บุญบารมีส่งผลให้มีฤทธิ์มีเดช มีอานุภาพ สามารถขจัดกิเลสอาสวะทั้งหลายออกจากใจของเราได้   

     เพราะฉะนั้น บุญ คือเบื้องหลังแห่งความสำเร็จทั้งปวง และยังช่วยชำระใจของเราให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ เป็นเครื่องดึงดูดมหาสมบัติทั้งหลาย การทำบุญเป็นสิ่งที่สำคัญต่อชีวิตเรามาก ถ้าดวงบุญในตัวของเราหมองลง โชคชะตาหรือดวงชีวิตก็พลอยดับวูบลงไปด้วยเช่นกัน แต่หากมีบุญมีบารมีแล้ว ก็สามารถแก้ไขปัญหา และอุปสรรคเหล่านั้นให้หมดสิ้นไปได้

     เหมือนอย่างเรื่องของท่านเมณฑกมหาเศรษฐี ผู้เคยผ่านมรสุมชีวิตชนิดแทบเอาชีวิตไม่รอด แต่เพราะท่านมีใจตั้งมั่นอยู่ในบุญเรื่อยมา เกิดความเชื่อมั่นว่า บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งในปรโลก ท่านจึงรักการทำบุญยิ่งชีวิต ทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย กลับกลายมาเป็นผู้มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ว่ากี่ภพกี่ชาติไม่เคยพลาดจากการได้เกิดในร่มเงาบวรพระพุทธศาสนา ชีวิตประสบความสำเร็จเรื่อยมา เป็นต้นบุญต้นแบบของชาวโลกที่ควรศึกษาและยึดไว้เป็นแบบอย่างในการสร้างบารมี

     เหตุที่มหาเศรษฐีได้นามว่า เมณฑกะ เนื่องจากว่าเมื่อท่านแต่งงานมีครอบครัว และย้ายไปปลูกบ้านหลังใหม่ แพะทองคำประมาณเท่าช้าง ม้า และโคอุสภะได้ชำแรกแผ่นดิน เอาหลังดุนหลังกันผุดขึ้นมาในพื้นที่ประมาณ ๘ กรีส อยู่ด้านหลังบ้านของท่านเศรษฐีเอง แพะเหล่านี้เกิดขึ้นมาด้วยกำลังบุญของท่านเศรษฐี เป็นแพะกายสิทธิ์ที่สามารถนำความสมปรารถนามาให้กับเจ้าของ และผู้ที่มาขอสมบัติต่างๆ ได้

     ในปากแพะจะมีกลุ่มด้ายอยู่ ๕ สีด้วยกัน เมื่อใครต้องการสิ่งของชนิดไหน ให้ดึงด้ายสีนั้น พอดึงด้ายเส้นนั้นออกมา สิ่งที่ตัวเองปรารถนาจะออกมาด้วย กลุ่มด้าย ๕ สีที่ถักทอเป็นกลุ่มๆ คือ เส้นด้ายสีเขียว สีเหลืองทอง สีแดง สีขาวเงิน และสีส้ม แต่ละสีถักเป็นเชือกเป็นกลุ่มๆ อยู่ในปากแพะ ไม่ได้ห้อยออกมาข้างนอกอย่างเกะกะ พอตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาในสิ่งใด แพะจะอ้าปากให้ สมมติว่าอยากได้ของกิน ต้องดึงด้ายสีเขียว ของกินจะออกมาทันที อาหารแต่ละชนิดจะออกมาเป็นห่อ และมีภาชนะใส่อย่างดีอีกด้วย

     หรืออยากได้ทองคำเป็นแท่งๆ ต้องดึงเส้นด้ายสีเหลืองทอง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานอยากได้ทองคำไปประกอบสัมมาอาชีพ ทองคำเป็นแท่งๆ จะไหลออกมาจากปากของแพะทันที เส้นด้ายสีแดงเป็นจำพวกเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับ อยากได้ชุดไหนอย่างไรได้ทั้งนั้น ด้ายสีขาวเงินจะเป็นเงินแท่ง เป็นกหาปณะ สามารถเอาไปจับจ่ายใช้สอยได้ทันที ด้ายสีส้มจะเป็นจำพวกยารักษาโรค รวมทั้งเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย

     แพะทองคำสามารถทำให้ชาวเมืองทั้งเมืองนั้นอยู่เป็นสุขได้ทั่วหน้า เพราะอานุภาพบุญของท่านเมณฑกะเศรษฐี แพะเพียงตัวเดียวสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งเมือง เลี้ยงคนได้ทั้งชมพูทวีป ใครอยากได้อะไรไปอธิษฐานเอาตามกำลังบุญของตัว ไม่ต้องเข้าคิวรอให้เสียเวลา เพราะแพะกายสิทธิ์ของท่านเศรษฐีมีเป็นฝูงๆ และมีขนาดต่างๆ กัน ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เศรษฐีจึงปรากฏนามว่าเมณฑกเศรษฐี เพราะมีแพะกายสิทธิ์ทองคำ แต่กว่าจะมีวันนี้ได้ ขอให้ได้หันมาศึกษาประวัติชีวิตอันดีงามในภพชาติอดีตของท่านกันดูเถิด

     * เรื่องของท่านมีอยู่ว่า ย้อนหลังจากนี้ไปหนึ่งแสนกัป พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้น ในภพชาตินั้นเศรษฐีเป็นหลานของกุฎุมพีชื่อ อวโรชะ  ส่วนตัวเองก็มีชื่อว่า อวโรชะ ซึ่งมาพ้องกับชื่อของลุง ในสมัยนั้น ตัวของลุงปรารภจะสร้างพระคันธกุฎีถวายแด่พระบรมศาสดา หลานชายได้ยินข่าวนั้น เกิดมีจิตเลื่อมใส อยากขอบริจาคเงินร่วมบุญกับลุงของตนด้วย แต่เศรษฐีผู้เป็นลุงอยากได้บุญคนเดียว เพราะเห็นว่าตัวเองมีเงินทองมากมาย ไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินของหลาน และอยากให้การถวายกุฏิครั้งนี้เป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น จึงปฏิเสธความปรารถนาดีจากหลานชาย

     ฝ่ายหลานชายเป็นผู้มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยไม่แพ้ผู้เป็นลุง จึงคิดว่า “เมื่อลุงสร้างคันธกุฎีในที่ตรงนี้แล้ว เราควรสร้างศาลาราย ล้อมรอบพระคันธกุฏีอีกทีหนึ่ง” จึงไปเข้าเฝ้าเพื่อทูลขอพระบรมพุทธานุญาตด้วยตัวเอง เมื่อได้รับพุทธานุญาตแล้ว ก็เกิดความปีติดีใจที่จะได้รับบุญพิเศษในครั้งนี้ รีบกลับไปบ้าน ให้คนใช้ข้าทาสบริวารนำเครื่องไม้มาจากป่า ให้ทำเสาพิเศษกว่าเสาไม้ธรรมดา คือ เสาต้นหนึ่งบุด้วยทองคำ ต้นหนึ่งบุด้วยเงิน ต้นหนึ่งบุด้วยแก้วมณี  ให้ทำขื่อ บานประตู บานหน้าต่าง กลอน เครื่องมุง และอิฐทั้งหมด บุด้วยรัตนชาติชนิดต่างๆ ให้ทำศาลารายสำเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการ

     บริเวณตรงเบื้องบนของศาลารายได้ให้สร้างจอมยอด ๓ ยอด ที่สำเร็จด้วยทองคำสีสุก เป็นแท่งแก้วผลึก และแก้วประพาฬ จากนั้นหลานชายให้สร้างมณฑปประดับด้วยแก้ว ตรงกลางศาลารายให้ตั้งธรรมาสน์ไว้ เพื่อเป็นที่แสดงธรรมของพระธรรมกถึก เท้าธรรมาสน์นั้นสำเร็จด้วยทองคำสีสุก เป็นทองแท่งสุกปลั่ง สว่างไสวกว่าทุกที่ในบริเวณศาลารายแห่งนั้น แม้แคร่ ๔ อันก็เป็นพื้นทองคำทั้งหมด จากนั้นให้แกะสลักแพะทองคำ ๔ ตัว ตั้งไว้ใต้เท้าทั้ง ๔ ของอาสนะ

     นอกจากนี้ยังให้แกะสลักแพะทองคำอีก ๒ ตัว ตั้งไว้ใต้ตั่งสำหรับรองเท้า แกะสลักแพะทองคำ ๖ ตัว ตั้งแวดล้อมมณฑป ให้ถักธรรมาสน์ด้วยเชือกเส้นเล็กสำเร็จด้วยด้ายก่อน แล้วจึงให้เอาทองคำถักทอเป็นเชือกเส้นเล็กๆ แทนเส้นด้าย ด้านบนให้เอามุกดามาร้อยเป็นเชือก ตรงพนักพิงของธรรมาสน์ให้ทำด้วยไม้จันทน์หอม ครั้นสร้างศาลารายสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้ถวายสังฆทานแด่พระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุหกล้านแปดแสนรูป ได้กล่าวถวายศาลารายด้วยจิตที่เลื่อมใสในมหาทาน ด้วยบุญนั้น ทำให้ท่านได้สวรรค์สมบัติ และมนุษย์สมบัติเรื่อยมา ในภัทรกัปนี้ ก่อนที่จะได้เกิดมาเป็นเมณฑกเศรษฐี ท่านได้สั่งสมบุญพิเศษอะไรไว้อีก คราวหน้าเราจะมารับฟังกัน โดยหลวงพ่อจะนำมาให้ได้ทราบกันต่อไปตามลำดับ

     จากที่ยกมาข้างต้นนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้มีบุญมีปัญญาทั้งหลายจะสอนตัวเองได้ คือ สอนตัวเองว่าทำอย่างไรจึงจะมีโอกาสได้ทำบุญ จะแสวงหาบุญ เพราะรู้ว่าบุญจะส่งผลเป็นความสุข และความสำเร็จไปทุกภพทุกทุกชาติ และไม่มัวเสวยสุขเพียงภพชาติเดียวเท่านั้น เมื่อรู้ว่าเนื้อนาบุญเป็นทางมาแห่งบุญอยู่ตรงไหนจะรีบทำ พอรู้ว่าจะได้บุญใหญ่ด้วยวิธีการใด ทุ่มเทใจทำลงไปอย่างเต็มที่ โดยไม่มีความรู้สึกเสียดายทรัพย์เลย ยิ่งมีทรัพย์ และมีศรัทธามากเท่าไหร่ ยิ่งทุ่มเทใจมากเท่านั้น เมื่อผลบุญบังเกิดขึ้น ก็ส่งผลเป็นอัศจรรย์ ดังที่หลวงพ่อได้นำเรื่องของท่านเมณฑกเศรษฐีมาเล่าให้ฟัง เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกท่านหมั่นทุ่มเทสร้างบุญบารมีกันให้เต็มที่เถิด บุญนี้จะเป็นที่พึ่งให้กับตัวเรา และมวลมนุษยชาติทั้งหลาย จนกว่าจะบรรลุถึงจุดหมายปลายทาง เข้าสู่พระนิพพานกันในที่สุด

 

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๔๓ หน้า ๔๘
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๒)เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๒)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๓)เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๓)

เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๔)เมณฑกเศรษฐีผู้ใจบุญ (๔)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน