ถึงพระรัตนตรัย ไม่ไกลนิพพาน


[ 21 พ.ค. 2557 ] - [ 18282 ] LINE it!

ถึงพระรัตนตรัย ไม่ไกลนิพพาน

     การสร้างบารมีเป็นภารกิจหลักที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่าภารกิจทั้งหลายของมวลมนุษยชาติในโลก ถือเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งที่จะต้องทำ เพราะเรามีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินร้อยปี ก็ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตายแล้ว ชีวิตหลังความตายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว สำหรับสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ไม่ได้สั่งสมบุญ เหตุนั้น ผู้รู้หรือบัณฑิตนักปราชญ์ทั้งหลายจึงหนักแน่นมั่นคงในการสั่งสมบุญบารมี โดยไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรค  

     ท่านเหล่านั้น มักจะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่มรณภัยจะมาถึง พร้อมเสมอต่อการสร้างบารมี และพร้อมเสมอต่อการเดินทางไปสู่สัมปรายภพ เพราะได้สั่งสมบุญเอาไว้ดีแล้ว

มีวาระแห่งภาษิตที่ปรากฏอยู่ใน ตีณิสรณาคมนิยเถราปทาน ความว่า

     “พระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติแล้วในโลก ศาสนาของพระองค์เป็นไปอยู่ ท่านทั้งหลายพึงทำสักการะอันยิ่งในบุญเขตอันยอดเยี่ยมตามกำลังของตน ท่านทั้งหลายจักพบพระนิพพาน ท่านทั้งหลายจงรับไตรสรณคมน์ จงรับศีลห้า ยังจิตให้เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าแล้ว จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ท่านทั้งหลายจงดูเราเป็นตัวอย่าง รักษาศีลแล้ว แม้ทุกท่านก็จักได้บรรลุอรหัตโดยไม่นานเลย เราเป็นผู้มีวิชชา ๓ บรรลุอิทธิวิธี ฉลาดในเจโตปริยญาณ เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถึงสรณคมน์”

     การบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์นั้น ทรงอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์สุขของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย รวมไปถึงสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่า การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าในแต่ละครั้งนั้น หมายถึงการอุบัติขึ้นของพระธรรมและพระสงฆ์ด้วย ที่เราเรียกรวมว่า พระรัตนตรัย ใครก็ตามที่มีจิตผูกพันกับพระรัตนตรัย ก็เท่ากับว่าได้เปิดประตูสวรรค์ เปิดหนทางพระนิพพานอย่างแท้จริง การถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งที่ระลึกถือเป็นความโชคดีอย่างมหาศาล

     เหมือนชีวิตของนักสร้างบารมีท่านหนึ่ง ท่านเป็นผู้ที่คิดอยู่เสมอว่า โอกาสแห่งการทำความดีไม่มีทางตัน ต้องมีทางใดทางหนึ่งเสมอ แม้หนทางหนึ่งไม่สะดวกก็ย่อมมีอีกหนทางหนึ่งที่ไปได้

 

     * นักบุญท่านนี้ เกิดในยุคของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่า วิปัสสี  ในยุคนั้น เป็นยุคที่คนอายุยืนยาวมาก คือ มีอายุถึงหนึ่งแสนปี

     ชายหนุ่มคนนี้ เกิดในพันธุมดีนคร เป็นผู้ที่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยมาก มีความคิดอยู่เสมอว่า เมื่อเรามีโอกาส จะออกบวชให้ได้ เพราะการบวชเป็นหนทางเดียว ที่สามารถบำเพ็ญตนให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ท่านคิดอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้ เพราะมารดาบิดาของท่านเป็นคนตาบอด ด้วยความเป็นผู้ที่มีความกตัญญูก็เลี้ยงดูท่านทั้งสองเรื่อยมา เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้ทำตามมโนปณิธานของตนเอง

     เมื่อไม่สามารถที่จะทำตามที่ใจต้องการได้ก็คิดว่า มีหนทางอื่นอีกหรือไม่ ที่เราสามารถดำรงตนให้บริสุทธิ์  และไม่เหินห่างจากเส้นทางบุญได้ เพราะเราจะทอดทิ้งผู้เฒ่าทั้งสองออกบวชหาควรไม่ อย่ากระนั้นเลย เราควรที่จะรับสรณะ แล้วดำรงตนมั่นในพระรัตนตรัย จึงจะสามารถพ้นจากทุคติได้ เมื่อคิดอย่างนั้นแล้ว ก็เข้าไปหาพระอัครสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่า นิสภะ แล้วรับเอาสรณะจากท่าน หลังจากที่รับสรณะแล้ว ก็เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต มักจะนั่งคิดอยู่เสมอว่า

     เราเลี้ยงดูมารดาบิดาผู้ตาบอด จึงไม่ได้ออกบวช แต่ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณของท่านผู้ให้กำเนิดเรามา เมื่อโลกทั้งหลายถูกความมืดคืออวิชชาบดบัง ผู้ที่เกิดมาแล้วสร้างบุญ จึงสามารถที่จะสลัดตนออกจากทุกข์ได้ เราก็ควรที่จะตั้งมั่นอยู่ในสรณะ รักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ท่านคิดอย่างนี้ทุกๆ วัน และตัวท่านเองก็สามารถทำได้อย่างที่ตั้งใจด้วย โดยไม่ขาดตกบกพร่องเลย ท่านทำอยู่อย่างนี้ตลอดแสนปีเต็ม

     ในวันสุดท้าย ก่อนที่จะหลับตาลาโลกได้ระลึกถึงผลแห่งกุศลกรรมที่ตนเองได้รับสรณะ ขอถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ว่าเป็นที่พึ่ง และระลึกถึงศีลที่ตนเองรักษาอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พอละจากโลกไปผลบุญส่งให้ไปบังเกิดในภพดาวดึงส์ เมื่อย่างก้าวไปที่ใดก็จะได้รับความเกรงอกเกรงใจจากหมู่เทพทั้งหลาย และเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยบุญพิเศษอีกถึง ๘ ประการ คือ  

๑.จะอยู่ที่ใดก็ตาม จะเป็นผู้ที่ทุกๆ คนเคารพบูชา  
๒.เป็นผู้ที่มีปัญญาคมกล้า สามารถที่จะไขปัญหาข้อข้องใจได้ทุกอย่าง  
๓.มนุษย์และเทวดาทั้งหลาย จะเอาเยี่ยงอย่าง ดำเนินรอยตามแบบอย่างการกระทำของท่าน  
๔.จะมีโภคทรัพย์สมบัติเกิดขึ้นไม่พร่องเลย  
๕.จะเป็นผู้ที่มีผิวพรรณวรรณะงดงามสว่างไสว งามล้ำกว่าใครๆ  
๖.เป็นผู้ที่มีปฏิภาณไหวพริบเป็นเยี่ยม  
๗.เป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวต่อมิตรสหาย คือ เป็นผู้ที่มีมิตรสหายที่เป็นมิตรแท้ ไม่นำความเดือดเนื้อร้อนใจมาให้
๘.จะมียศสูงสุดในภพที่เกิด

     พอเสวยทิพยสมบัติจนเต็มอิ่มอย่างนี้แล้ว ถึงเวลาลงมาเกิดในโลกมนุษย์ก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิถึง ๗๕ ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชอีกนับครั้งไม่ถ้วน ทุกๆ ชาติที่เกิด ล้วนมีมหาสมบัติรอท่าอยู่แล้ว ผลบุญนี่อัศจรรย์มากทีเดียว เพียงแค่การขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก ทำให้ท่านมีชีวิตอยู่แต่ในสุคติภูมิ เวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้โดยไม่เคยพลัดตกไปในอบายภูมิเลยแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งมาถึงภพชาติสุดท้าย

     ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรา ท่านก็ได้ลงมาเกิดในตระกูลมหาเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในกรุงสาวัตถี อยู่มาจนกระทั่งอายุได้เพียง ๗ ขวบเท่านั้น ท่านได้เดินทางออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นพักผ่อน แวดล้อมด้วยเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน หลังจากที่ออกจากพระนครแล้ว บุญก็บันดาลให้เดินเข้าไปในสังฆาราม แล้วได้เห็นพระขีณาสพรูปหนึ่งกำลังบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ จึงได้เข้าไปหาท่าน พระเถระมองเห็นเด็กน้อยอายุเพียง ๗ ขวบ ก็รู้ว่าผู้มีบุญท่านนี้เป็นผู้ที่มีภพชาติสุดท้าย ท่านจึงแสดงธรรมให้ฟัง ให้รับสรณะ

     ด้วยอานุภาพแห่งบุญเก่า ที่ได้เคยสร้างสมไว้ตั้งแต่ภพชาติในอดีต ทำให้เด็กน้อยอายุเพียง ๗ ขวบนั้น นั่งลงบนอาสนะในที่ใกล้ๆ กับพระเถระ เจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัต ณ ที่ตรงนั้นนั่นเอง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบคุณของกุมารนั้น พระพุทธองค์จึงทรงประทานอุปสมบทให้เป็นประดุจพระเถระมากพรรษา ด้วยอายุเพียงเจ็ดขวบเท่านั้น

     พระเถระน้อยได้ย้อนกลับไปดูบุพกรรมของตนที่เคยสั่งสมเอาไว้ ก็เกิดปีติโสมนัส ปรารถนาที่จะกล่าวบุพกรรมความดีงามของท่านเป็นแบบอย่าง และเพื่อเป็นการยืนยันถึงผลบุญ จึงเปล่งอุทานว่า

     "เราได้ขอถึงสรณะ กรรมที่เราทำดีแล้วเพียงเท่านั้น ได้ให้ผลแก่เราในที่นี้ สรณะเราได้รักษาดีแล้ว ความปรารถนาแห่งใจเราก็ได้ตั้งไว้ดีแล้ว เราถึงได้บรรลุความสุขที่ละเอียด ประณีต เพราะผลที่เราถึงสรณะ ทำให้บรรลุคุณวิเศษทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงดำเนินตามรอยบาทพระศาสดา หมั่นปฏิบัติตามพระดำรัสให้บริบูรณ์เถิด จงถึงสรณคมน์ รักษาศีล เพราะการถึงสรณคมน์ จะพาท่านทั้งหลายพ้นจากกองทุกข์" พระเถระได้กล่าวถ้อยคำอันเป็นมงคลนี้ เป็นเครื่องเตือนใจให้กับนักสร้างบารมีทั้งหลาย ทำให้ทุกๆ คน เกิดกำลังใจที่จะทำความดีตามคำของท่าน และเห็นคุณค่าของการถึงไตรสรณาคมน์

     เราจะเห็นว่า การระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีพระรัตนตรัยเป็นที่ยึดที่เกาะเป็นสรณะ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพียงแค่เราระลึกถึงพระรัตนตรัยว่า เป็นที่พึ่งที่ระลึกแล้วมีจิตเลื่อมใส ดำรงตนอยู่ในความดีงาม จะเกิดอานิสงส์มากมายมหาศาลอย่างจะนับจะประมาณมิได้ เพราะพระรัตนตรัยมีอานุภาพไม่มีประมาณ และการถึงสรณคมน์ที่แท้จริง นอกจากจะมีพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์แล้ว เราต้องหมั่นปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงสรณะที่มีอยู่ภายในให้ได้ด้วย

     ถ้าหากเข้าถึงพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะได้ ก็เท่ากับว่า เราได้เข้าถึงสรณะที่แท้จริงที่เรียกว่า ถึงไตรสรณาคมน์ มีใจแล่นไปถึงรัตนะทั้ง ๓ และรัตนะทั้ง ๓ นี้แหละ ที่จะเป็นที่พึ่งให้แก่เราได้อย่างแท้จริง ฉะนั้นให้ทุกท่านปฏิบัติให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวให้ได้

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๗๑ หน้า ๙๒


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เส้นทางไปของผู้มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่งเส้นทางไปของผู้มีรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

ทำจิตให้เลื่อมใสทำจิตให้เลื่อมใส

น้อมใจไว้ในพุทธองค์น้อมใจไว้ในพุทธองค์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน