ผู้มีราตรีเดียวเจริญ


[ 8 ส.ค. 2557 ] - [ 18283 ] LINE it!

ผู้มีราตรีเดียวเจริญ

     ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เป็นแหล่งแห่งความสำเร็จ แหล่งแห่งความสุขและความบริสุทธิ์ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะให้ทาน รักษาศีล หรือเจริญภาวนาก็ตาม ใจของเราจะต้องเอามาตั้งอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าตั้งตรงนี้แล้ว ทานที่เราได้ทำก็ดี ศีลที่เรารักษา หรือภาวนาที่เราทำอยู่เป็นประจำ ก็จะเป็นมหัคตกุศล เป็นไปเพื่อบรรลุมรรคผลนิพพาน ยิ่งใหญ่ไพศาลกว่าการทำบุญโดยไม่ได้ตั้งใจ  

     เพราะฉะนั้น คำว่าตั้งใจ เราจะต้องรู้จักว่าอะไรคือใจ และฐานที่ตั้งของใจอยู่ที่ตรงไหน ถ้ารู้จัก ๒ อย่างนี้แล้ว จะประกอบการบุญการกุศลอะไรก็ตาม เราจะได้ผลอันยิ่งใหญ่ จะได้ผลเกินควรเกินคาด ทำบุญน้อยก็ได้ผลมาก เพราะว่าศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ตรงนี้ เป็นทางที่พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย เสด็จเข้าสู่อายตนนิพพาน อาศัยเส้นทางสายกลางที่อยู่ภายในกายของเรา โดยเริ่มต้นที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗  

* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ภัทเทกรัตตสูตร ว่า

     "บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึง ก็เป็นอันยังไม่ถึง บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลนในธรรมนั้น บุคคลนั้นพึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ว่า ความตายจะมีในวันพรุ่ง เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน นั้นว่าผู้มีราตรีเดียวเจริญ"

     งานหลักของนักสร้างบารมี ผู้มีที่สุดแห่งธรรมเป็นเป้าหมาย ก็คือการฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งนี่แหละ โดยน้อมนำใจที่ซัดส่ายไปมา ที่เคยส่งออกไปทางประสาททั้ง ๕ ให้น้อมกลับเข้ามาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ซึ่งตรงนี้เป็นที่เดียวที่จะไปสู่อายตนนิพพาน จะขจัดกิเลสอาสวะทั้งหลายให้หมดสิ้นไปหรือให้พ้นจากทุกข์ไปได้ ก็ต้องอาศัยฐานที่ ๗ ตรงนี้ที่เดียว แล้วให้หมั่นประกอบความเพียรกันให้เต็มที่ เอาใจของเรามาตรึกมานึกมาคิดอยู่ที่ตรงนี้ ตลอดวัน ตลอดคืน ตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะนั่ง นอน ยืน เดิน หลับหรือตื่น ก็ตามที จะต้องเอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ตรงนี้ จึงจะถูกทางไปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ได้ชื่อว่าดำเนินตามรอยบาทของพระบรมศาสดา

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ท่านเสด็จทางนี้ทางเดียวเท่านั้น ถ้าอยากจะเป็นอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายก็จะต้องทำอย่างท่าน คือ เอาใจมาหยุดนิ่งอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ อยู่ที่ตรงนี้  

     ใจ คือความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ สี่อย่างรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน เรียกว่าใจ จะต้องมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ ประคับประคองให้หยุด ให้นิ่ง ไม่ให้ซัดส่ายไปที่อื่น ประคองไปเรื่อย ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน จนกระทั่งใจหยุดได้สนิทถูกส่วน  

     พอใจหยุดที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ถูกส่วนเข้าเท่านั้น เราจะเข้าถึงดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ ความบริสุทธิ์เบื้องต้นของมนุษย์ หรืออีกนัยหนึ่งเรียกว่า ดวงปฐมมรรค เข้าถึงหนทางเบื้องต้นที่จะไปสู่อายตนนิพพาน

     ดวงปฐมมรรคนั้น มีลักษณะใส บริสุทธิ์ กลมรอบตัว แค่ถึงดวงปฐมมรรค เห็นดวงใสแจ่มอย่างนี้ รักษาให้ตลอดจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต ปิดประตูอบายภูมิทีเดียว เพราะว่าใจที่ใสสะอาดบริสุทธิ์ ติดอยู่กับดวงธรรมภายใน ดวงจิตจะผ่องใส สุคติภูมิก็เป็นที่ไปอย่างเดียว เพราะฉะนั้น เราจะต้องฝึกเอาไว้เรื่อยๆ ให้หยุด ให้นิ่ง ให้ถูกส่วน  

     เมื่อเข้าถึงดวงนี้แล้วก็มองต่อไปอีก ปล่อยใจเข้าไปสู่ภายในนั้น เอาใจหยุดไปที่จุดกึ่งกลางของดวงปฐมมรรค มองเข้าไปสู่ภายในเข้าไปเรื่อยๆ พอถูกส่วนดวงปฐมมรรคก็ขยายส่วนกว้างออกไป จะเข้าถึงดวงศีล เป็นดวงกลมใส บริสุทธิ์ ผุดเกิดขึ้นมาแทนที่ ที่ใสกว่า ที่สว่างกว่า  

     เมื่อใจหยุดต่อไปอีก เข้ากลางดวงศีล ไม่ช้าดวงศีลนั้นก็ขยายส่วนกว้างออกไป จะเข้าถึงดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ และดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ที่ซ้อนๆ กันเข้าไปตามลำดับ

     พอเอาใจหยุดเข้าไปในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะต่อไปอีก ดวงวิมุตติญาณทัสสนะนั้นจะขยายส่วนกว้างออกไป จะพบกายหนึ่งเกิดขึ้น หน้าตาเหมือนกับตัวของเรา ท่านหญิงเหมือนกับท่านหญิง ท่านชายก็เหมือนกับท่านชาย คล้ายๆ เรามองส่องกระจก เห็นเงาตัวเองในกระจกเงานั้น นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา เรียกว่ากายมนุษย์ละเอียด คือลักษณะเหมือนกายมนุษย์หยาบ แต่ว่าละเอียดกว่าจึงเรียกว่ากายมนุษย์ละเอียด  

     เมื่อใจหยุดเข้าไปในกลางกายมนุษย์ละเอียด ในทำนองเดียวกันกับที่หยุดในกลางกายมนุษย์หยาบ พอถูกส่วนกายมนุษย์ละเอียดก็ขยายส่วนกว้างออกไป จะเห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน อยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด เห็นในทำนองเดียวกันอย่างนี้แหละ เห็นดวงศีล ดวงสมาธิ ดวงปัญญา ดวงวิมุตติ ดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ผุดอยู่ในกลางกายมนุษย์ละเอียด พอสุดดวงวิมุตติญาณทัสสนะจะเข้าถึงกายทิพย์  

     กายทิพย์ คือ กายของสุคติโลกสวรรค์ มีลักษณะสวยงามมาก งามกว่ากายมนุษย์หยาบ งามกว่ากายมนุษย์ละเอียด มีเครื่องประดับประดาพร้อมทีเดียว อยากจะรู้จักกายของชาวสวรรค์ ให้มองไปที่กายทิพย์ของตัวเราเอง ที่อยู่ในกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะของกายมนุษย์ละเอียด เราจะเห็นกายทิพย์นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปทางเดียวกับตัวของเรา  

     พอเอาใจหยุดเข้าไปในกลางนั้นต่อไปอีก ถูกส่วนก็เห็นในทำนองเดียวกัน คือเห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เห็นดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ในกลางของกายทิพย์ พอสุดดวงวิมุตติญาณทัสสนะของกายทิพย์ เข้าถึงอีกกายหนึ่ง คือ กายรูปพรหม เป็นกายที่สวยงาม ละเอียด ประณีตกว่ากายทิพย์ เกิดขึ้นอยู่ในกลางนั้น

 

     กายรูปพรหมเป็นกายประจำรูปภพ คือ ภพของรูปพรหม ที่อยู่ของรูปพรหม ลักษณะสวยงามมาก ประณีตมาก ถ้าเราอยากจะรู้จักพรหมตัวจริงว่าลักษณะเป็นอย่างไร ให้ดูกายรูปพรหม ที่อยู่กลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะของกายทิพย์ เราก็จะรู้จัก จะเห็นได้ชัดเจนทีเดียว  

     เมื่อดำเนินจิตต่อไปอีกในกลางกายรูปพรหม กายรูปพรหมนั้นจะขยายส่วนกว้างออกไป เห็นในทำนองเดียวกัน คือ เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐานอยู่ในกลางกายรูปพรหม เป็นดวงใส แจ่ม อยู่ในกลางนั้น หยุดนิ่งต่อไปอีก จะเห็นดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ พอสุดดวงวิมุตติญาณทัสสนะก็เข้าถึงอีกกายหนึ่ง เรียกว่ากายอรูปพรหม กายอรูปพรหมนั้นเป็นกายประจำอรูปภพ คือ ภพของอรูปพรหม มีลักษณะสวยงามมาก งามกว่ากายรูปพรหม เป็นกายที่สุดในภพทั้งสามนี้  

     กายมนุษย์ กายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ กายรูปพรหม กายอรูปพรหมนั้น เป็นกายที่อยู่ในภพสามนี้ ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ยังไม่ใช่กายที่แท้จริง มีการเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา  ดังนั้นเราจะต้องดำเนินจิตเข้าสู่กายที่เป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตากัน

     เมื่อดำเนินจิตต่อไปอีก เข้าไปในกลางกายอรูปพรหม ก็เห็นดวงธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ดวงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ ซ้อนๆ กันเข้าไปตามลำดับ พอสุดกลางดวงวิมุตติญาณทัสสนะ ถูกส่วนเข้า เห็นอีกกายหนึ่งเกิดขึ้นมา เป็นกายที่ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษครบถ้วนทุกประการ ลักษณะสวยงามมาก เกตุดอกบัวตูม นั่งขัดสมาธิ หันหน้าออกไปทางเดียวกับเรา คล้ายๆ กายของพระพุทธรูปที่เราเห็น พุทธปฏิมากรที่เราเห็นอยู่นั้น เป็นรูปจำลองมาจากกายธรรมที่อยู่ภายในนี้  

     กายนี้เรียกว่ากายธรรมโคตรภูสวยงามมาก เป็นกายพุทธรัตนะ เป็นกายที่แท้จริงของพวกเราทั้งหลาย เป็นกายที่พ้นจากไตรลักษณ์แล้ว กายธรรมโคตรภูใสบริสุทธิ์ ถ้าอยากรู้จักว่าพุทธรัตนะนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร เราจะต้องเอาใจหยุดให้เข้าถึงกายนี้ เมื่อดำเนินจิตต่อไปอีก จะเห็นกายธรรมในกายธรรมเหล่านี้แหละ ซ้อนๆ ไปในทำนองเดียวกัน ตั้งแต่กายธรรมพระโสดาบัน กายธรรมพระสกทาคามี กายธรรมพระอนาคามี กายธรรมอรหัต ซ้อนๆ กันอยู่ภายในเป็นชั้นๆ เข้าไป  

     พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านก็ดำเนินจิตของท่านเข้าไปอย่างนี้แหละ เพราะฉะนั้น จะปฏิบัติธรรมอย่างไรก็ตาม จะต้องปฏิบัติให้ได้อย่างนี้ แล้วก็ต้องเดินตามแนวนี้ เมื่อเราได้ทราบอย่างนี้แล้ว ก็ให้ใช้ชีวิตของเราให้มีคุณค่า นอกจากจะทำมาหากินแล้ว ยังจะต้องปลีกเวลามาปฏิบัติ มาฝึกฝนให้ใจหยุดนิ่ง ให้เข้าถึงกายธรรมอรหัตให้ได้  

     แต่ถ้ายังเข้าถึงกายธรรมอรหัตไม่ได้ จะต้องตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามารอยู่ร่ำไป พญามารจะบังคับให้เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสาม ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไรก็ตาม ล้วนแต่มีทุกข์ทั้งสิ้น

     เกิดเป็นสัตว์นรกก็ทุกข์แบบสัตว์นรก เกิดเป็นเปรต อสุรกายหรือสัตว์เดียรัจฉาน ก็ทุกข์อย่างเปรต อสุรกาย และสัตว์เดียรัจฉาน เกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีความทุกข์แบบมนุษย์ จะเกิดเป็นเทวดา พรหม หรืออรูปพรหม ก็มีความทุกข์ แต่ว่าเบาบางไปตามลำดับ เป็นความทุกข์ที่หยาบ ที่ละเอียดต่างกัน  

     เพราะฉะนั้นกายธรรมอรหัต คือ จุดหมายปลายทางของชีวิตทุกๆ คน ดังนั้น เมื่อทุกท่านทราบอย่างนี้ ก็อย่าได้ประมาทในชีวิตกัน ให้หมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่งตลอดเวลา จนได้ชื่อว่าเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญกันทุกๆ คน

 

พระธรรมเทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี

นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)  
 
* มก. เล่ม ๒๓ หน้า ๒๑๐
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ธรรมกาย กายมาตรฐานธรรมกาย กายมาตรฐาน

โพชฌงค์ ๗ ทางสำเร็จสู่นิพพานโพชฌงค์ ๗ ทางสำเร็จสู่นิพพาน

ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร (๑)ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร (๑)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน